นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 12 พ.ค. 2024 5:42 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 08 ก.ค. 2012 8:58 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4556
ต่อมาบัณฑิตทั้ง ๔ ร่วมกันคิดใส่ร้ายพระมโหสถ จึงแอบขโมย
ปิ่นทองคำของพระราชา รองเท้าทองคำ ดอกไม้ทองคำ
ผ้าคลุมบรรทมใส่ในสิ่งของธรรมดาต่าง ๆ
เช่นผอบและหม้อน้ำมันให้นางทาสีนำไปให้นางอมรเทวีที่บ้าน
นางอมรเทวีเอะใจที่ให้ฟรีแต่ไม่เอาเงิน
จึงให้บ่าวไพร่ช่วยเป็นพยานเมื่อพบสิ่งมีค่าอยู่ในของนั้น

ครั้นพระราชาจะเอาโทษ พระมโหสถหนีไปปลอมตัวเป็นช่างปั้นหม้อ
๔ บัณฑิตก็แอบมาเกี้ยวนางอมเทวี
นางจึงขุดหลุมเทอุจจาระลงไปแล้วปิดกระดานไว้
ล่อให้บัณฑิตทั้ง ๔ ตกลงไป แล้วจึงนำทั้ง ๔ โกนผม
นำผูกเชือกเข้าวังไปทูลความจริงทั้งหมดให้พระราชาทรงทราบ
พระราชาก็มิได้ลงโทษประการใด

เมื่อ ๔ บัณฑิตชั่วยังมิถูกผลกรรมตัดสิน
เทวดาจึงมาปรากฎกายถามปริศนาพระราชา
และว่าถ้าพระราชาตอบไม่ได้จะฆ่าให้ตาย
พระราชาจึงถาม ๔ บัณฑิตแต่ไม่มีใครตอบได้
พระราชาจึงให้ทั้ง ๔ บัณฑิตไปตามรับตัวพระมโหสถกลับมา
พระมโหสถจึงไขปริศนาว่า

๑ ผู้ที่ยิ่งทุบตี กลับยิ่งเป็นที่รัก นั้นก็คือทารกที่มักนอนตักแล้วดิ้นทุบตีอกมารดานั่นเอง

๒ ผู้ที่ปากดำแต่ใจรักใคร่ นั้นก็คือมารดาที่ด่าบุตรอบรมบุตรยามบุตรทำผิด

๓ ผู้ที่มักโกหกกันแต่รักใคร่นั้นก็คือสามีภรรยาที่ชอบให้โทษกันแต่ก็รักใคร่กัน

๔ ผู้ที่เอาข้าของไปแต่ถูกรักใคร่นั้น ได้แก่สมณชีพราหมณ์ที่รับเอาข้าวของจากเราไป

เหล่าเทวดาต่างแซ่ซ้องสรรเสริญพระมโหสถ
และพระราชาก็ปีตินัก แต่ไม่นานทั้ง ๔ บัณฑิตก็คิดร้ายพระมโหสถอีก
โดยทูลพระราชาว่า พระมโหสถอาจคิดแย่งบัลลังก์พระราชา
หากไม่เชื่อให้ลองถามดูว่า อันความลับนั้นคนเราควรบอกแก่ใคร

เมื่อพระราชาตรัสถาม พระมโหสถก็ได้กราบทูลว่าความลับไม่ควรบอกแก่ใคร
พระราชาสดับฟังเสียพระทัยคิดว่าพระมโหสถคิดกบฏจริง
พระราชาจึงให้เสนกะฆ่าพระมโหสถในวันรุ่งขึ้น
พระนางอุทุมพรรู้เข้าจึงส่งข่าวให้พระมโหสถทราบ
และแนะให้พระมโหสถนำพสกนิกรมาด้วย

พระมโหสถจึงนำพลเมืองไปเฝ้าหน้าพระที่นั่ง
แล้วทูลบอกความลับของทั้ง ๔ บัณฑิตที่ทำผิดอะไรบ้าง
ลักขโมยของพระราชาบ้าง ซึ่งเสนกะ
และบัณฑิตอื่นบอกความลับไว้แก่ญาติของตน
พระราชาทรงกริ้วคิดประหาร ๔ บัณฑิต
แต่พระมโหสถทรงทูลขอชีวิตไว้
๔ บัณฑิตจึงเลิกคิดร้ายต่อพระมโหสถอีกต่อไป

มหาปราชญ์รักษานคร

เมื่อพระราชาทรงนับถือและเชื่อมั่นในพระปัญญาบารมี
และความภักดีของพระมโหสถช่วยพิจารณา
และยังให้พระมโหสถช่วยเทศนาสั่งสอนเรื่องธรรมดาความดี
แก่พระราชาและข้าราชบริพารเป็นนิจอีกด้วย

พระมโหสถได้ทูลแนะนำให้พระราชาผูกมิตรกับแคว้นรอบ ๆ
พระนครมิถิลาโดยให้นักรบนำเครื่องราชูปโภคไปถวาย
พร้อมทั้งอยู่รับใช้เจ้าเมืองนั้น ๆ
เพื่อเป็นการระวังการชิงเมือง
เพราะมีสายคอยส่งข่าวอยู่แล้วในแต่ละเมือง
พระราชาก็ทรงเห็นดี
และจัดให้กระทำตามนั้นกับทั้ง ๑๐๑ เมือง รอบมิถิลานคร

ต่อมาสังขะพละกะราชแห่งเมืองกัมพลนครเตรียมทัพ
พระมโหสถส่งนกแก้วไปดูจึงรู้ว่ากัมพลนครเตรียมทัพ
เพราะเมืองของพระเจ้าจุลนีคิดยกทัพมาตี
และนอกจาตีกัมพลนครแล้วก็ยังจะตีให้สิ้นทั้ง ๑๐๑ นคร
รวมทั้งมิถิลาด้วยโดยมีเกวัฏจอมชั่วช้าคิดการเป็นใหญ่
พระมโหสถจึงให้ชาวมิถิลาเตรียมทำตามอุบาย

ในขณะที่เกวัฏยุยงพระจุลนีไปตีเมืองกัมพล และหัวเมืองต่าง ๆ
๑๐๑ กว่านครแล้ว พระมโหสถส่งคนไปทุบไหสุราในงานเลี้ยงจนสิ้น
พระราชา ๑๐๐ กว่าคนก็รอดตายมิต้องเสวยยาพิษในสุรา
เกวัฏกับพระเจ้าจุลนีแค้นนักยกทัพมาล้อมมิถิลา
ก็เห็นชาวเมืองยังจัดมหรสพเริงรื่นมิกลัวอันใด
เกวัฏคิดอุบายจะล้อมเมืองให้คนในเมืองอดอยาก
แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะพระมโหสถแก้ไขได้ทั้งสิ้น

เกวัฏคิดสู้ด้วยธรรมะ
พระมโหสถจึงทูลขอดวงแก้วพระราชาไปยื่นให้เกวัฏ
แต่ดวงแก้วหนักมากจึงหล่นลง
เกวัฏรีบก้มลงเก็บพระมโหสถจึงกดศีรษะไว้แล้วกล่าวว่า

"ท่านอาจารย์ผู้อาวุโส อย่าคารวะข้าผู้เป็นรุ่นหลานเลย
ลูกขึ้นเถิดไม่ต้องไหว้ข้า"

บรรดาชาวบ้านต่างก็โห่ร้องชอบใจ
เกวัฏเสียหน้าก็พาทัพกลับกันด้วยความอาย

ต่อมาเกวัฏวางอุบายอีก
ส่งทูตมาเจรจาว่าจะยกพระธิดาของพระเจ้าจุลนีให้แก่พระราชาแห่งมิถิลา
ขอให้พระองค์เสด็จไปรับด้วย
พระมโหสถจึงเตรียมแผนไปสร้างวังที่เมืองใกล้ปัญจานคร
และขุดอุโมงค์ไว้ด้วย
พอพระราชวิเทหะเสด็จไปที่เมืองใหม่คืนแรก
ก็ถูกเกวัฏกับพระเจ้าจุลนียกทัพมาล้อมจะจับตัว

แต่พระมโหสถกับไพร่พลลงใต้อุโมงค์ไปเข้าเมืองปัญจานคร
จับกุมมเหสีและธิดาของพระเจ้าจุลนีมาไว้ในวังใหม่จนสิ้น
พระเจ้าจุลนีถูกซ็อนกลดังนั้นก็ยอมแพ้แต่โดยดี
ทั้งยังต้องตั้งสัตย์อธิษฐานกับพระมโหสถว่าจะไม่คิดร้ายใครอีก
แล้วก็ยกพระธิดาปัญจาลจันทีให้พระราชาวิเทหะ

พระเจ้าจุลนีทรงชวนให้พระมโหสถไปอยู่ด้วย
แต่พระมโหสถทูลว่ามิอาจเป็นข้า ๒ นาย
หากพระราชาของตนสวรรคตเมื่อใดจึงจะไปอยู่ด้วยได้

ต่อมาเมื่อพระราชามีพระโอรสกับพระธิดาของพระเจ้าจุลนีได้ ๑๐ ปีผ่านไป
พระราชาวิเทหะเสด็จสวรรคต
พระมโหสถจึงไปอยู่ที่เมืองของพระเจ้าจุลนีตามสัญญา...

คติธรรมเรื่องนี้มีว่า
ปัญญาอันล้ำเลิศนั้นย่อมทำคุณให้แก่บุคคลยิ่งกว่ามีทรัพย์นับแสน
แม้มิมีปัญญาดั่งปราชญ์ แต่ถ้าเป็นผู้รู้จักคิดให้รอบคอบก่อน
ก็ย่อมเป็นผู้มีปัญญาและประพฤติชอบแล้ว


ทศชาติที่ ๖ พระภูมิทัต...

รายละเอียด : ในครั้งอดีตกาลนานมาแล้ว พระเจ้าพรหมทัตแห่งพาราณสี
ทรงเกรงว่าพระราชโอรสที่เป็นอุปราชจะคิดแย่งชิงราชสมบัติ
จึงมีรับสั่งให้พระราชโอรสเดินทางออกท่องเที่ยวไป
แล้วค่อยกลับมาครองเมืองเมื่อพระองค์สวรรคตแล้ว

พระมารดาเป็นธิดานาค

พระราชบุตรจึงทรงออกเดินทางไปถึงป่าแห่งแห่ง
และครองเพศเป็นนักบวชอยู่ที่อาศรมริมฝั่งแม่น้ำยมนาตามลำพัง

ระหว่างนั้น นางนาคนาม "มานวิกา" มิอาจเห็นนาคอื่นมีคู่ครองเป็นสุข
จึงออกจากบาดาลมาเที่ยวป่า คิดลองใจนักบวชรูปงาม
จึงตกแต่งอาศรมด้วยดอกไม้และเครื่องหอมงดงามยั่วยวน
เมื่อราชบุตรกลับมาพบก็พอพระทัยนัก ลงนอนในอาศรมอย่างปีติ
นางนาคจึงรู้ว่าราชบุตรมิได้บวชด้วยศรัทธา
ก็แอบมาจัดอาศรมให้ทุกวันจนราชบุตรแอบดักพบและชอบพอกัน
จึงตกลงครองคู่กันจนมีพระโอรสและพระธิดานามว่า
"สาครพรหมทัต" และ "สมุทรชา"

ต่อมาพระเจ้าพรหมทัตเสด็จสวรรคต เสนาอำมาตย์มิรู้ว่า
พระราชโอรสอยู่ที่ใดจึงคิดจะเสี่ยงทายราชรถ
แต่พอดีมีพรานป่าผู้หนึ่งเคยไปพักพิงที่อาศรมของพระราชโอรสหลายวัน
จึงบอกแก่เสนาอำมาตย์ว่าตนรู้ที่อยู่ของพระโอรส
บรรดาเสนาอำมาตย์จึงจัดขบวนไปรับเสด็จราชบุตรในป่านั้น

หากทว่านางนาคมิยินยอมตามเสด็จเข้าวังด้วย
นางกล่าวว่า

"ข้าแต่พระสวามีหม่อมฉันเป็นนางนาค มิอาจร่วมอยู่กับเหล่ามนุษย์ได้
หากมีอารมณ์โกรธแค้นนางสนมอื่น อาจพ่นพิษใส่ให้ตายได้
ขอพระองค์เสด็จพร้อมโอรสและธิดาของเราเถิด"

พระราชบุตรและพระกุมารต่างก็ขอร้องให้เข้าวังด้วยกัน
แต่นางมิยินยอมได้แต่ร่ำไห้อาลัย สั่งความว่าให้โอรส
และธิดาเล่นน้ำในเรือขณะเดินทาง เมื่อถึงวังก็ขอให้ขุดสระ
เพื่อให้กุมารน้อยได้ลงเล่นน้ำ หากขาดน้ำและถูกแดดถูกลมมากไป
ก็จะทำให้โอรสและธิดาวายชนม์ได้

เมื่อพร่ำรำพันจากกันด้วยความโศกาอาดูรนักแล้ว
พระราชบุตรก็เสด็จกลับนครขึ้นครองราชสมบัติ
และทำตามที่นางนาคมานวิกาสั่งทุกประการ

คราวหนึ่งพระราชโอรสและพระธิดาลงเล่นน้ำในสระโบกขรณี
เห็นเต่าตัวหนึ่งก็ตกพระทัยไปทูลบิดาว่าเห็นยักษ์
ครั้งอำมาตย์จับได้เต่ามาพระราชาก็ให้ฆ่าเต่าเสีย
อำมาตย์จึงนำไปถ่วงน้ำวนที่แม่น้ำยมนา

เมื่อเจ้าเต่าถูกปล่อยลงกลางน้ำวน ก็ตกลงไปในปล่องเมืองบาดาล
พวกนาคที่อยู่ในเมืองใต้น้ำก็พากันจับเต่ามาโยนเล่นส่งต่อ ๆ
อย่างสนุกสนาน เจ้าเต่าจึงวางอุบายกล่าวว่า

"พวกท่านอย่าทำร้ายข้านะ ข้าคือเจตตจุณ เป็นราชทูตกรุงพาราณี
และพระเจ้าพรหมทัตส่งเข้ามาเจรจากับพระยาทศรถจ้าวเมืองบาดาลนี้
เรื่องจะยกพระธิดาให้จ้าวเมือง"

เมื่อนาคมานพพาเต่าไปเข้าเฝ้า ท้าวทศรถจ้าวเมืองก็หัวร่อตรัสว่า

"ราชทูตแห่งพระราชาเมืองพาราณสีไฉนมีรูปกายเป็นเต่าอัปลักษณ์เช่นนี้"

"ข้าแต่พระองค์ ราชทูตมีหลายลักษณ์หลายรูป
ข้าพระองค์เป็นทูตทางน้ำพระเจ้าข้า"

แล้วเต่าเจ้าเล่ห์ก็ทูลว่า พระราชาปราถนาจะผูกสัมพันธไมตรี
ขอให้ท้าวทศรถเตรียมเสด็จขึ้นไปรับพระธิดาด้วย

ท้าวทศรถทรงหลงเชื่อกลอุบายนั้น
จึงทรงรับสั่งให้นาคมานพ ๔ นาย
ขึ้นไปเข้าเฝ้าพระราชาพร้อมเต่าราชทูตก่อนล่วงหน้า
เมื่อเดินทางจวนจะเข้าใกล้ประตูเมืองแล้ว
เต่าก็เห็นมีสระบัวใหญ่อยู่ริมทาง
จึงกล่าวแก่นาคเสนาทั้ง ๔ ว่าให้รีบเข้าเมืองโดยเร็ว
ตนจะเก็บเหง้าบัวไปฝากพระธิดา
เมื่อเสนานาคยอมล่วงหน้าไปก่อน
เต่าร้ายก็ลงซ่อนภายในสระบัวนั้นเอง

ครั้นเมื่อนาคมานพผู้เป็นเสนาได้กราบทูลเรื่องราวทั้งปวงว่า
จะมาตกลงเรื่องเตรียมงานรับพระธิดาไปอภิเษก
พระราชาทรงงุนงงจึงตรัสว่า

"อันมนุษย์กับนาคนั้นจะแต่งงานครองคู่กันได้อย่างไร
ย่อมเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ"

นาคมานพได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจจึงกราบทูลว่า

"หากพระองค์รังเกียจนาค
แล้วทรงส่งเจตตจุณราชทูตลงไปส่งสาส์นนี้ไปเพื่อเหตุใด"

พระราชาทรงยืนยันว่าไม่ได้ส่งใครไป
เพราะนาคกับมนุษย์ มิอาจแต่งงานกันได้
แล้วจะทรงส่งทูตไปได้อย่างไร
นาคทั้ง ๔ จึงทูลลากลับด้วยความโกรธแค้น
เมื่อพระยาทศรถทรงทราบก็ให้แค้นนัก
จัดประชุมทัพนาคแล้วยกขึ้นบุกเมืองพาราณสี

จ้าวเมืองบาดาลเนรมิตกายเป็นนาคยาวโอบล้อมเมืองด้วย
ขนดหาง ๗ ชั้น ๗ รอบ สั่งให้นาคน้อยใหญ่กระจายไปทั่วเมือง
แต่มิให้ทำร้ายประชาชนพลเมือง

คืนนั้นทั้งเมืองก็โกลาหล
ชาวบ้านตกใจพากันแตกตื่นที่นาคเข้ามาเต็มบ้าน
แม้ในวังต่างก็มีแต่เสียงกรีดร้องวิ่งหนีนาคงูกันทั่ว
งูสีต่างหลากหลายขู่ฟ่อ ๆ แขวนอยู่ทั่วไป
มิมีผู้ใดกล้าทำร้ายเพราะกลัวถูกพิษ

พระเจ้าพรหมทัตเองก็ทรงตกพระทัยเมื่อพบงูใหญ่แผ่พังพานเหนือเศียร
รอบพระราชวังก็มีแต่เสียงร่ำร้องให้ทรงถวายพระธิดาให้นาคเสียเถิด

ในที่สุดพระราชาจึงพ่ายฤาธานุภาพ
ทรงตรัสยินยอมถวายพระธิดาให้โดยดี

กำเนิดจากเผ่าพันธุ์นาคี


ต่อมาเมื่อท้าวทศรถอภิเษกกับพระธิดาสมุทรชา
ทั้งคู่ก็ครองรักกันมีสุขดี และพระธิดาประสูติพระราชโอรส ๔ พระองค์
อันมี พระสุทัศนะกุมาร ทัตกุมาร สุโภคะกุมาร และอริฏฐะกุมาร

การอยู่ในเมืองบาดาลนั้น
ท้าวทศรถมิให้ชาวบาดาลจำแลงร่างเป็นงูเป็นนาค
ด้วยความที่เกรงว่าพระมเหสีสมุทรชาจะตกพระทัย
แต่พี่เลี้ยงของอริฏฐะกุมารน้อยสอนว่าพระมารดาเป็นมนุษย์
พระอริฏฐะจึงเนรมิตรกายเป็นงูเลื้อยไปเสวยนมพระมารดา
พระสมุทรชาตกพระทัยปัดโอรสน้อยไป
และเล็บบังเอิญจิกดวงตาพระโอรสจนมืดบอดไปข้างหนึ่ง
ท้าวทศรถจะประหารแต่งพระนางทรงขอชีวิตไว้
และได้ทรงทราบว่าตนอยู่ในเมืองนาคตั้งแต่บัดนั้นเอง

ฝ่ายท้าวทศรถนั้นต้องเข้าเฝ้ามหาราช คือ
ท้าววิรูปักข์ ๑ ครั้ง ทุก ๑๕ วัน ท้าวทศรถได้นำพระโอรสที่ ๒
คือ ทัตกุมารไปด้วย คราวหนึ่งท้าววิรูปักข์นำนาคขึ้นเฝ้าพระอินทร์
บังเอิญมีปริศนาที่มิมีใครแก้ได้ แต่ทัตกุมารสามารถแก้ได้
ทัตกุมารได้รับการสรรเสริญถึงความมีปัญญาปราดเปรื่อง
จึงได้นามว่า "ภูริทัต" นับจากครั้งนั้น

ถือศีลเพื่อสู่สวรรค์

ภูริทัตตามพระบิดาไปเฝาพระอินทร์เสมอ
เมื่อเห็นเวชยันต์ปราสาท และสมบัติทิพย์วิมานก็คิดถึงพอพระทัยนัก
ใคร่ปรารถนาจะได้ไปเกิดเป็นเทพเสวยสุขเช่นนั้นบ้าง
จึงคิดออกบวชหากทว่าพระมารดามิยินยอม
พระภูริทัตจึงทรงรักษาศีลอุโบสถอยู่ในวังนาค
แต่ต่อมาจึงคิดหาที่สงบกว่าแวดล้อมด้วยนางสมเช่นนี้
จึงขึ้นไปรักษาศีลอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำยมนาใต้ต้นไทรใหญ่
สั่งให้นำดอกไม้และดุริยางค์ไปบูชาทุกวันด้วย
โดยตั้งสัตยาอธิษฐานว่าหากใครปรารถนาในหนัง
กระดูก เอ็น เลือดเนื้อของพระองค์แล้ว
พระองค์ก็ทรงยินดีสละโดยสิ้น

วันหนึ่งมี ๒ พรานป่านามว่า เนสาทและโสมทัต
พ่อลูกเข้าป่ายิงเนื้อล่าสัตว์ไปขายเพื่อยังชีพเนืองนิจ
ครั้นตามรอยเนื้อไปใกล้บริเวณที่พระภูริทัตถือศีลอยู่
พรานทั้งสองได้ยินเสียงดุริยางค์และเห็นเหล่านางนาค
จึงเข้าไปดูใกล้ ๆ นางตกใจหนีไปเหลือพระภูริทัต
ซึ่งจำแลงองค์เป็นมนุษย์

ด้วยความที่กลัวจะถูกพรานทำร้าย พระภูริทัตจึงพาเนสาท
และโสมทัต ๒ พรานพ่อลูกลงไปชมเมืองบาดาล
พระราชทานทรัพย์และให้อยู่เป็นสุขในเมืองนาคใต้พิภพ
แต่ทว่าพรานมิมีบุญญาพอจะอยู่ในเมืองนาคได้นาน
จึงทูลขอกลับบนโลกมนุษย์ เมื่อเวลา ๑ ปีผ่านไป
พระภูริทัตก็พระราชทานทรัพย์ให้
ครั้งพอขึ้นมาบนโลกมนุษย์ ทรัพย์สมบัติก็อันตรธานหายไปทั้งสิ้น
เนสาทกับโสมทัตจึงต้องเป็นพรานล่าสัตว์ตามเดิม

ภัยจากคนโลภ

ในเวลานั้นครุฑหนึ่งบินลงจากวิมาน โฉบมาจับนาคไป
ด้วยความกลัวนาคจึงเอาหางรัดต้นไทรแน่น
เมื่อครุฑบินเหาะไปต้นไทรก็ลอยติดขึ้นไปด้วย
ใต้ต้นไทรนั้นก็มีฤาษีถือศีลอยู่ใต้ต้นไทรนั้นด้วย

เมื่อกินนาคแล้วต้นไทรก็ตกลงสู่มหาสมุทรเสียงดังกัมปนาท
ครุฑเกิดวิตกถึงผลบาปจึงแปลงเป็นมานพน้อย
เข้าไปถามพระฤาษีว่าตนบาปหรือไม่ที่เอาต้นไทรไปเช่นนั้น
เมื่อฤาษีตอบว่าผู้ไม่มีเจตนาย่อมไม่มีบาป
พระยาครุฑดีใจจึงมอบดวงแก้วให้ฤาษีและมอบเวทมนตร์บทหนึ่งชื่อ
"อาลำพายนะ" และยาทิพย์ก่อนจะจากไป

เวลาต่อมาฤาษีนั้นได้รับเอาพราหมณ์อนาถาผู้หนึ่ง
ซึ่งหลบหนีเจ้าหนี้มาซุกซ่อนตัวอยู่ในอาศรม
อาสาขอดูแลรับใช้พระฤาษีด้วยดี
ฤาษีจึงเมตตาสอนมนตร์บทนั้นและมอบยาทิพย์ให้
แรกนั้นพราหมณ์มิยินดีรับไว้แต่ก็จนใจต้องยอมรับเพราะฤาษีวิงวอน

เมื่อพราหมณ์ออกจากอาศรมก็เดินทางผ่านแม่น้ำยมนา
พบเห็นนางนาคของพระภูริทัตลงเล่นน้ำริมฝั่งแม่น้ำ
แต่ละนางวางดวงแก้วไวบนหาดทราย

เหล่านางนาคเห็นพราหมณ์ผ่านมาก็หนีกันไปด้วยนึกว่าเป็นครุฑ
พราหมณ์จึงเก็ฐดวงแก้วถือไปจนพบกับ ๒ พรานพ่อลูก
เนสาทกับโสมทัต ๒ พรานพ่อลูกจำได้ว่าเป็นดวงแก้วของเมืองบาดาล
ก็เกดโลภเข้าไปวางอุบายหลอกขอแก้ว
แต่ทว่าพราหมณ์ก็มิยินยอมให้ไม่ว่าจะแลกกับอะไร
ซ้ำยังคุยว่าตนมีเวทมนตร์และยาทิพย์
หาก ๒ พ่อลูกพาไปเมืองนาคได้ก็จะยอมให้แก้วนั้น

พรานโสมทัตผู้บุตรได้ทัดทานพ่อมิให้พาไป
เพราะพระภูริทัตมีบุญคุณนัก แต่พรานเนสาทผู้พ่อโลภนัก
โสมทัตจึงแยกทางไปบวชเป็นฤาษี พรานพ่อจึงพาพราหมณ์
ไปยังที่จำศีลของพระภูริทัต
เมื่อพราหมณ์โยนดวงแก้วให้พรานเนสาท
ดวงแก้วพลัดตกลงพื้นหายลงดินไป
พรานจึงอดได้ดวงแก้วและ
ก็ทำสิ่งเนรคุณต่อผู้มีคุณซ้ำยังเสียบุตรไปอีก

พระภูริทัตจำได้ว่าพรานผู้นี้เคยได้เสพย์สุขในบาดาล
แต่กลับพาพราหมณ์มาปองร้าย หากพระองค์จะตอบโต้
ก็เกรงจะผิดศีล จึงทรงหลับพระเนตรนิ่งเฉยเสีย
ด้วยเพราะตั้งจิตอธิษฐานสละชีวิตไว้แล้ว

ถูกทรมานแสนสาหัส


ด้านพราหมณ์ชั่วจึงกินยาทิพย์และ
ร่ายเวทมนตร์เข้าจับพระภูริทัต
กรอกยาให้สิ้นฤทธิ์จนสำรอกออกสิ้น
จากนั้นจับพระองค์มัดด้วยเถาวัลย์
ทำทารุณย่ำเหยียบจนโลหิตโทรมพระวรกาย
นำพระองค์ใส่เถาวัลย์ถักแล้วพาเข้าหมู่บ้าน
ป่าวร้องเรียกคนมาดูนาคเพื่อหาทรัพย์

ชาวบ้านต่างพากันมามุงดู
พราหมณ์ก็บังคับให้พระภูริทัตทำตัวใหญ่บ้าง ตัวเล็กบ้าง
ให้แผ่พังพานจนถึง ๗ ชั้นบ้าง เปลี่ยนสีตามตัว
เป็นหลายสีบ้าง ให้พ่นพิษบ้าง จนได้ทรัพย์มากมาย

พราหมณ์นำเขียดมาเลี้ยง พระภูริทัตก็ไม่ยอมกิน
จนกระทั่งถูกนำมาถึงเมืองพาราณสี
ก็เข้ากราบทูลพระราชาว่าวันรุ่งขึ้นจะเล่นงูถวายหน้าพระที่นั่ง

ด้านเมืองบาดาลนั้นพระนางสมุทรชาทรงสุบินว่าถูกฟันเอาแขนขวาไป
ครั้นทราบความว่าพระภูริทัตหายไป จึงส่ง ๓ พระโอรส
ออกตามหาด้วยร้อนพระทัยยิ่งนัก



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO