นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 12 พ.ค. 2024 3:38 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 02 ก.ค. 2012 8:03 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4555
วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๒๑ บรรดาศิษยานุศิษย์ได้จัดงานวันคล้ายวันเกิดให้เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงอย่างสมเกียรติที่สุด หลายคนรู้ว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยอีกสองเดือนข้างหน้า ท่านจะต้องประสบอุบัติเหตุถึงแก่มรณภาพ ผู้ที่ยังตัดไม่ลงปลงไม่ตก พากันแอบร้องไห้ไว้ล่วงหน้า พระบัวเฮียวนั้นแม้จะตัดใจได้ หากก็ยังรู้สึกเสียดายอาลัยอาวรณ์
ในความคิดของภิกษุหนุ่ม ปูชนียบุคคลเช่นท่านพระครูคงหายากนักในโลกอันแสนวุ่นวายนี้
แจกันสีครามบรรจุดอกดาวเรืองสีเหลืองอร่ามตัดกับสีเขียวของใบเตยดูสวยแปลกตา ภิกษุเชื้อสายญวนตั้งใจตกแต่งอย่างประณีตที่สุด ด้วยรู้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้แสดงกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพระอุปัชฌายาจารย์ วงมโหรีปี่พาทย์ที่มาบรรเลงในงานเป็นวงเดียวกับที่เคยมาเล่นทุกปี ทว่าครั้งนี้คนฟังกลับรู้สึกว่าแต่ละเพลงที่บรรเลงนั้นฟังเศร้าสร้อยเสียดลึกเข้าไปถึงหัวใจหัวจิต ไม่ผิดกับบรรเลงในงานศพ!
หอประชุมหลังใหญ่ขนาด ๗ x ๒๐ วา สิ้นเงินค่าก่อสร้างหนึ่งล้านห้าแสนบาท เสร็จทันเวลา และ ได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดครั้งสุดท้ายของท่านสมภารผู้ซึ่งสั่งเสียพระบัวเฮียวไว้ว่า ให้ใช้หอประชุมแห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของบรรดาพุทธศาสนิกชนผู้สนใจใคร่ธรรม ตลอดจนญาติโยมผู้มีความทุกข์ เพราะต่อแต่นี้ไปจะไม่มีผู้ใดมาช่วยไขปัญหาหรือขจัดปัดเป่าทุกข์ให้เหมือนเช่นแต่ก่อน พวกเขาจะต้องแก้ปัญหาแก้ทุกข์ด้วยตัวเองโดยการมาเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
สำหรับมูลนิธิ "ทุนเสริมสมอง" นั้นมีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารกว่าหนึ่งล้านบาท เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงมอบหมายให้พระมหาบุญเป็นผู้ดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการ นำดอกผลมาใช้เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ยากจน ส่วนหนังสือคู่มือการสอบอารมณ์วิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเถ้าแก่เส็งและเถ้าแก่บ๊กได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดพิมพ์ขึ้นนั้น พระบัวเฮียวจะเป็นผู้เก็บรักษาและนำมาแจกญาติโยมที่สนใจในด้านการปฏิบัติ กิจการงานทุกอย่างสำเร็จเสร็จสิ้นลงด้วยดี ไม่มีอะไรติดขัดหรือคั่งค้าง ท่านพระครูเจริญคิดว่าท่านเตรียมตัวตายได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด และคงจะยังไม่มีผู้ใดทำได้เช่นนี้มาก่อน
เวลา ๙ นาฬิกา บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งพระและฆราวาสพากันทยอยเข้ามาถวายดอกไม้สด และ กราบคารวะท่านพระครูผู้ซึ่งนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนตั่งไม้สักสลักลายนกอ่อนช้อยงดงาม เบื้องหน้ามีแจกันและกระเช้าดอกไม้ตั้งเรียงรายจนล้นออกไปทางด้านข้างทั้งซ้ายและขวา รับประเคนดอกไม้จากศิษย์แล้ว ท่านจึงนำสิ่งของไปมอบให้โยมมารดาวัยเจ็ดสิบที่นั่งพับเพียบอยู่หน้าอาสนะสงฆ์ ของที่นำไปมอบมีผ้าโจงกระเบนลายไทยหนึ่งผืน เสื้อตัดด้วยผ้าลูกไม้อย่างดีหนึ่งตัว และปัจจัยอีกสองร้อยบาท ท่านประคองห่อของขวัญเดินเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าโยมมารดา วางของไว้ทางด้านขวามือ แล้วก้มกราบมารดาสามครั้งแบบเดียวกับกราบพระ ด้วยถือว่ามารดาบิดาเป็นพระอรหันต์ของบุตร กราบเสร็จจึงหยิบห่อของขวัญมอบให้
"โยมแม่ อาตมาขอกราบลา ขอให้โยมแม่จึงมีอายุยืนยาว มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคาพยาธิ" ท่านอวยพรมารดา
"ท่านจะลาไปไหน" โยมมารดาถาม
"อาตมาจะไปบำเพ็ญเพียรสร้างบารมีต่อในปรโลก วันที่ ๑๔ ตุลาคม อาตมาจะออกเดินทาง" พระลูกชายตอบคำถามโยมมารดา
"ขอให้ท่านโชคดี ขอให้บรรลุมรรค ผล สมดังความตั้งใจนะท่านนะ ไม่ต้องเป็นห่วงโยม พี่ ๆ น้อง ๆ ของท่านเขาคงจะดูแลโยมอย่างดี"
"อาตมาขอกราบขอบพระคุณ พร้อมกันนี้อาตมาก็ขออโหสิกรรมจากโยมแม่ หากอาตมาได้พลาดพลั้งล่วงเกินโยมแม่ ไม่ว่าจะด้วยกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรม ขอโยมแม่โปรดอโหสิกรรมให้อาตมาด้วย"
"โยมอโหสิให้ท่านทุกอย่าง และโยมก็ขออโหสิกรรมจากท่านเช่นกัน"
"อาตมาอโหสิให้โยมแม่" ท่านก้มลงกราบโยมมารดาอีกสามครั้ง แล้วจึงลุกขึ้นกลับไปนั่งพับเพียบบนตั่งไม้สัก
เวลาสิบนาฬิกา พระสงฆ์ ๙ รูปซึ่งนิมนต์มาจากวัดต่าง ๆ ในจังหวัด เริ่มเจริญพระพุทธมนต์และสวดธรรมจักรไปจนถึงเวลาสิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบเก้านาที จากนั้นญาติโยมช่วยกันประเคนภัตตาหารแด่พระสงฆ์ทั้ง ๙ รูป และพระภิกษุ สามเณรแห่งวัดป่ามะม่วงซึ่งมีทั้งสิ้น ๙๐ รูป รวมทั้งท่านเจ้าของวันเกิด เป็นปีที่มีพระเณรจำพรรษามากที่สุดนับตั้งแต่ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้
ภิกษุวัยห้าสิบเศษมีทีท่าว่าจะไม่ฉันภัตตาหารเหมือนเช่นเคย นายสมชายจึงไปกระซิบอาจารย์ชิตให้ช่วยคะยั้นคะยอให้ท่านฉัน บุรุษวัยหกสิบสี่จึงคลานเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าตั่ง ประนมมือแล้วกล่าว "นิมนต์หลวงพ่อฉันสักนิดเถิดครับ ลูกศิษย์ลูกหารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นท่านไม่ฉัน"
ท่านพระครูมองอาหารคาวหวานที่ลูกศิษย์จัดใส่พานกระไหล่ทองมาถวาย แล้วจึงฉันไปสองสามคำเพื่อไม่ให้พวกเขาเสียน้ำใจ เสร็จแล้วจึงรวบช้อน ยกถ้วยบรรจุ "น้ำชา" ขึ้นดื่ม ตลอดชีวิตของท่าน มิเคยที่จะติดใจหลงใหลในรูป รส กลิ่น เสียง หรือสัมผัสที่น่าใคร่น่าพอใจ กามคุณ ๕ ไม่เคยมามีอิทธิพลเหนือความรู้สึกนึกคิดของท่าน
เมื่อภิกษุและสามเณรทั้ง ๙๙ รูปเสร็จจากฉันภัตตาหาร บรรดาญาติโยมช่วยกันประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม
"ปัจจัย" ที่พวกเขาถวายท่านพระครู มีจำนวนกว่าสองแสนบาท ซึ่งท่านตั้งใจจะนำไปสมทบทุนมูลนิธิ "ทุนเสริมสมอง" ต่อไป จากนั้นอาจารย์ชิตประกาศทางไมโครโฟนว่า ท่านพระครูจะแสดงธรรมเทศนาโปรดโยมมารดาและญาติโยม เพื่อให้คนฟังได้บุญอันเกิดจากการฟังธรรม หรือที่เรียกเป็นภาษาบาลีว่า "ธัมมัสสวนมัย"
เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงอารัมภบทก่อนแสดงธรรมว่า "กราบนมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพและขอเจริญพรญาติโยมพุทธศาสนิกชนที่รักและนับถือทุกท่าน อาตมารู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บรรดาญาติโยมและศิษยานุศิษย์ได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานฉลองวันคล้ายวันเกิดให้อาตมา เพื่อเปิดโอกาสให้ได้ทำบุญสร้างกุศลร่วมกัน กิจกรรมดังกล่าวนี้ แม้จะมิได้มีบัญญัติไว้ในหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากพุทธศาสนิกชนก็ได้ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านานจนกลายเป็นประเพณี คือประเพณีทำบุญวันเกิด
อย่างไรก็ตาม การจัดการวันเกิดที่อาตมาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ก็คือการร่วมวงสรวลเสเฮฮาดื่มสุรายาเมากัน เพราะการกระทำเช่นนั้น นอกจากจะไม่ได้บุญแล้วยังได้บาปอีกด้วย บางคนดื่มสุราเสียเมามายในวันเกิดแล้วขับรถไปชนกันถึงแก่ความตายก็มี ญาติโยมลองพิจารณาดู การตายแบบนั้นมันดีหรือไม่ อาตมารับรองได้ว่าเขาจะต้องไปทุคติ เพราะคนที่ตายขณะขาดสติเช่นนั้นไม่มีทางที่จะไปสุคติได้ อาตมาขอบิณฑบาตอย่าไปจัดฉลองวันเกิดกันแบบนั้นเลย เพราะนอกจากจะหาประโยชน์มิได้แล้วยังสื้นเปลืองเงินทองอีกด้วย" บรรดาญาติโยมที่ฟังอยู่ ไม่มีผู้ใดคิดโต้แย้งหรือคัดค้านในสิ่งที่ท่านพูด บางคนที่เคยทำเช่นนั้นก็ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะไม่ทำอีก
"เอาละ ในโอกาสที่ญาติโยมได้พร้อมใจกันจัดงานวันเกิดให้อาตมาในวันนี้ อาตมาก็จะตอบแทนบุญคุณด้วยการแสดงพระธรรมเทศนาให้ญาติโยมฟัง โดยจะเทศน์เรื่อง "พระคุณแม่" และก็คงจะเป็นการเทศน์ครั้งสุดท้าย เพราะปีต่อ ๆ ไปคงจะไม่มีการจัดงานวันเกิดของอาตมาอีก" ท่านบอกเป็นนัย ๆ ซึ่งหลายคนรู้ว่าท่านหมายถึงอะไร
"ที่อาตมาเลือกเทศน์เรื่องพระคุณแม่ เพราะรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของท่าน ถ้าไม่มีแม่เราทุกคนก็ไม่ได้เกิด อันนี้เป็นความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์ ผู้ใดก็ตามที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อฟังเทศน์แล้วให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอศีลขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ได้ไว้กับท่านก็นำธูปแพเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ
บางคนไปรังเกียจคุณแม่ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้วก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการมาเจริญกรรมฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุดทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ"
คนฟังซึ่งมีทั้งพระภิกษุ สามเณร และฆราวาสต่างพากันรำลึกนึกถึงมารดาตน คนที่เคยเถียงพ่อเถียงแม่คำไม่ตกฟาก ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าได้สร้างกรรมทำเข็ญไว้กับผู้บังเกิดเกล้า จึงคิดที่จะกลับไปทำตามที่ท่านพระครูแนะนำ
"ญาติโยมโปรดจำไว้ วันเกิดของลูกคือวันตายของแม่ เพราะวันที่ลูกเกิดนั้นแม่อาจต้องเสียชีวิต การออกศึกสงครามเป็นการเสี่ยงชีวิตสำหรับคนเป็นพ่อฉันใด การคลอดลูกก็เป็นการเสี่ยงตายสำหรับคนเป็นแม่ฉันนั้น
ในสมัยโบราณที่วิทยาการต่าง ๆ ยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้ อัตราการตายเพราะการคลอดมีสูงมาก คนโบราณเขาจึงกล่าววันเกิดของลูกคือวันตายของแม่
เมื่อคลอดลูกแล้ว แม่ก็ยังต้องประคบประหงมเลี้ยงดู ให้ดื่มเลือดในอกเป็นอาหาร ยามที่ลูกเจ็บป่วยก็อมยาพ่นฝนยาทารักษากันไปตามมีตามเกิด แม้เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่กระทั่งลูกแต่งงานมีเหย้ามีเรือนไปแล้ว แม่ก็ยังเฝ้าห่วงใยรักใคร่ไม่จืดจาง" ท่านหยุดจิบ "น้ำชา" จากถ้วย แล้วจึงเทศนาต่อ
"อาตมาเห็นความทุกข์อย่างแสนสาหัสของคนเป็นแม่ก็ตอนที่เป็นหมอตำแยทำคลอดให้พี่สาว แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านพ้นมาเกือบสี่สิบปีก็ยังจำภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ติดตาติดใจมากระทั่งทุกวันนี้ อาตมาจะเล่าให้ญาติโยมฟัง" ท่านหยุดทบทวนเรื่องราวแต่หนหลังแล้วเล่าว่า
"สมัยนั้นอาตมาอายุสิบหาแต่ยังไม่ประสีประสาอะไร ยังเปลือยกายโดดน้ำตูม ๆ กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน แต่เด็กสมัยนี้อายุสิบหกเป็นหนุ่มกันแล้ว" ท่านเล่าถึงชีวิตแสนลำเค็ญในครั้งนั้นว่า "อาตมาอาศัยอยู่กับยาย ลำบากลำบนมาก ต้องหาเงินเรียนเอง ตื่นตั้งแต่ตีสาม หาบของไปขายในตลาดบางขาม ห่างจากบ้านไป ๑๔ กิโลเมตร ถึงตลาดตี ๔ กว่า ๆ ก็นั่งขายของซึ่งเป็นพวกผักสวนครัวที่ช่วยกันปลูกกับยาย พอตีห้าก็ขายหมด บางวันขายไม่ค่อยดี ก็ไปหมดเอา ๗ โมง จากนั้นก็หาบกระจาดเปล่ากลับบ้าน หิวข้าวก็ต้องทนเอาเพราะยายสั่งไม่ให้ซื้อเขากิน ให้กลับมากินบ้านเรา ยายว่าซื้อเขากินมันแพง จานละตั้งสามสตางค์ สู้กลับมากินข้าวที่บ้านไม่ได้ อาตมาก็จำเป็นต้องเชื่อยาย บางทีกว่าจะถึงบ้านหิวแทบลมจับ
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่อาตมาหาบกระจาดเปล่ากลับบ้านพบกับพี่สาวกลางทาง เขากำลังท้องแก่จะเดินทางไปคลอดลูกที่บ้านแม่ของเขาซึ่งเป็นป้าของอาตมา ที่ต้องเดินทางไปคลอดบ้านแม่เพราะเขาอยู่กับพ่อผัว แม่ผัว ซึ่งรังเกียจว่าเขาจนและไม่ยอมช่วยเหลือเกื้อกูลแต่ประการใด เดินไปได้ครึ่งทางก็เกิดปวดท้องนอนร้องครวญครางอยู่ใต้ต้นไทร พอเห็นอาตมาเดินผ่านมา เขาก็ดีใจพูดกับอาตมาว่า
"น้องเอ๋ยช่วยพี่ด้วย พี่ปวดท้องใจจะขาดอยู่แล้ว ช่วยเอาลูกออกให้พี่ที" อาตมาถึงจะอายุสิบหกแต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาออกลูกกันยังไง ผู้ใหญ่เขาเคยพูดให้ฟังว่าเขาออกลูกทางปาก บางคนก็บอกออกทางสะดือ บางคนก็ว่าออกทางก้น อาตมาก็เชื่อ นึกว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ที่แท้ก็ถูกผู้ใหญ่หลอก เพิ่งมารู้ความจริงตอนทำคลอดให้พี่สาวนี่แหละ
พี่สาวเขาก็ร้องใหญ่ เขาบอกปวดมาก แล้วก็เป็นลูกท้องแรกจึงยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการคลอดลูกมาก่อน ได้ยินพี่สาวร้องโอย ๆ อาตมาก็ทำอะไรไม่ถูก เลยถามเขาว่าจะให้ช่วยยังไง เขาก็บอกช่วยดึงเด็กออกจากท้องให้เขาที มันกำลังจะออกแล้ว อาตมาก็ยังงงอยู่เลยนึกถึงเทวดา ก็นึกตามประสาเด็ก ๆ ไม่รู้ว่าเทวดามีจริงหรือเปล่า แต่ยายเคยเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ก็คิดว่าคงจะมีมั้ง เลยประนมมือบอกรุกขเทวดาประจำต้นไทรให้ช่วย แล้วก็ร่ายคาถาชุมนุมเทวดาที่ยายเคยสอนจนจำได้ขึ้นใจ" แล้วท่านจึงร่ายบทชุมนุมเทวดาด้วยเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้งว่า...
สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะ ระตะเฎ จันตะลิกเข วิมาเน ทีเป รัฎเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะ วัตถุมหิ เขตเต ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา ติฎฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระจะนัง สาธะโว เม สุณันตุฯ
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตาฯ
คนฟังพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รู้สึกว่าหูของตนมีบุญที่ได้ฟังท่านร่ายพระคาถา
"พอว่าคาถาจบ เทวดาเข้าสิงอาตมาเลย ที่รู้ว่าเทวดาเข้าสิงเพราะท่านมากระซิบข้างหูว่า "ดึงเด็กออกมา ดึงเด็กออกมา" อาตมาถาม "ดึงยังไง เด็กอยู่ที่ไหน" เทวดาบอก "อยู่ในท้อง เอามือล้วงเข้าไปในผ้านุ่งก็จะเจอหัวเด็ก" อาตมาก็ทำตาม ดึงพรวดสุดแรงเลย เสียงพี่สาวร้องกรี๊ดแล้วสลบเหมือดไปเลย อาตมาก็ตกใจ เพราะเห็นไส้ยาว ๆ ติดตัวเด็กออกมา คิดว่าเราคงดึงไส้พี่สาวออกมาหมดท้องแล้วมัง พี่สาวคงต้องตายแน่ ๆ จะทำยังไงดีหนอ เสียงเทวดากระซิบข้างหูว่า
"ไม่ตายหรอก แค่สลบไปเท่านั้น ไปจัดการตัดสายรกให้เด็กก่อน ที่เธอเห็นนั่นเรียกว่าสายรก ไม่ใช่ใส้ของพี่สาวเธอหรอก" อาตมาก็ถามว่า "เอาอะไรตัดล่ะ มีดพร้าก็ไม่มี" เทวดาบอก "เอาเล็บของเธอนั่นแหละ จิกแน่น ๆ แล้วดึงมันจะขาดเอง" สมัยนั้นพวกหนุ่มรุ่น ๆ เขานิยมไว้เล็บยาวกัน เรียกว่าเป็นแฟชั่น อาตมาก็ไว้กับเขา คือเขาจะไว้เล็บข้างละสองนิ้ว นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วก้อย อาตมาก็ทำตามที่เทวดาบอก พอรกขาดเลือดพุ่งเลย เด็กส่งเสียงร้องอุแว้ ๆ ลั่นป่า เทวดาบอกอีกว่า "ไปเอาฝุ่นมาโรงตรงแผล" อาตมาก็กอบฝุ่นโรงลงไปปรากฏว่าเลือดหยุดไหลแต่เด็กไม่หยุดร้อง เทวดาก็บอกอีกว่า "เอากระบอกไม้ไผ่อันหนึ่งที่แขวนอยู่ที่กิ่งไทร ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครนำไปแขวนไว้ อาจเป็นเทวดาก็ได้นะ" ท่านพูดยิ้ม ๆ คนฟังยิ้มตาม
"ข้าง ๆ ต้นไทรมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง อาตมาจึงหยิบกระบอกเดินไปตักน้ำมาหยอดใส่ปากเด็ก เจ้าหนูหยุดร้องไห้เลย ดูดหยดน้ำจากนิ้วมืออาตมา เสียงดังจุ๊บ ๆ เป็นภาพที่ซึ้งใจอาตมามาจนทุกวันนี้ ได้เห็นสัญชาตญาณการดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของชีวิตก็ตอนที่เจ้าหนูดูดน้ำจากนิ้วมือนี่แหละ พอได้น้ำเจ้าหนูก็หยุดร้อง
เทวดาก็กระซิบข้างหูอีกว่า "ช่วยพี่สาวด่วน ดูดปากเอาเลือดที่คั่งออก" อาตมาก็เอามือง้างปากพี่สาว ดูดเลือดและเสมหะของพี่สาวแล้วบ้วนทิ้ง ไม่ได้นึกรังเกียจเพราะกลัวเขาจะตาย สักพักพี่สาวก็ฟื้น ถามว่า "น้องเอ๋ย ลูกพี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย" พอรู้ว่าได้ลูกชายเขาก็ดีใจ อาตมาก็เลยช่วยพากลับบ้านทั้งแม่ทั้งลูก ปัจจุบันพี่สาวอายุเกือบ ๆ จะหกสิบ ส่วนหลานชายที่อาตมาทำคลอดอายุเกือบสี่สิบแล้ว นี่แหละที่ทำให้อาตมาเห็นใจคนเป็นแม่ แล้วก็รักแม่มาตั้งแต่บัดนั้น" เมื่อท่านเทศน์จบ หลายคนแอบเช็ดน้ำตารวมทั้งโยมมารดาของผู้เทศน์ด้วย
เช้าตรู่ของวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๑ ขณะที่ท่านพระครูกำหนดจิตออกจากผลสมาบัติ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นใกล้หู "วันนี้ใช้หนี้นกเป็ดน้ำ" ท่านตอบในใจว่า "รู้แล้ว" เมื่อหกเดือนก่อนก็มาเตือนครั้งหนึ่งแล้ว" และยังไม่ทันจะลืมตา เสียงเดิมบอกอีกว่า "ใช้หนีเต่าด้วย"
"ก็ใช้ไปแล้วไง ใช้ไปเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๔ ทำไมถึงมาทวงอีก" ท่านยังจำได้แม้เหตุการณ์จะผ่านมาจึงเจ็ดปีเต็ม ๆ "วันนั้นใช้แค่เงินต้น แต่วันนี้จะคิดดอกเบี้ย"
"เป็นอันว่า วันนี้ใช้สองงานเลยก็ดีจะได้หมดหนี้หมดสิน" จากนั้นท่านจึงตั้งจิตแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์และเจ้ากรรมนายเวร โดยเฉพาะนกเป็ดน้ำฝูงนั้นกับเต่าอีกเจ็ดตัวที่รับจ้างเขาต้ม เสร็จกิจดังกล่าว จึงลงไปสรงน้ำ แปรงฟัน แล้วออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ โดยมีนายสมชายหิ้วปิ่นโตเดินตามหลัง
"โยม อาตมาขอขอบใจที่ใส่บาตรให้ฉันมานาน วันนี้จะเป็นวัดสุดท้าย เพราะเวลาเที่ยงสี่สิบห้า อาตมาจะได้รับอุบัติเหตุรถคว่ำคอหักตาย มาบิณฑบาตไม่ได้อีก ขอให้โยมจงมีความสุขความเจริญนะโยมนะ" ท่านจะพูดเช่นนี้กับผู้มาใส่บาตรทุกคน หลายคนเชื่อและรู้สึกเสียใจที่จะไม่ได้พบเห็นท่านอีก แต่บางคนก็คิดว่า "หลวงพ่อวัดป่ามะม่วงท่าจะเพี้ยนเสียแล้ว มีอย่างที่ไหน มาบอกว่าจะตายวันนี้ ใครเล่าจะรู้วันตายของตัวเอง พิกลแท้ ๆ"
กลับจากบิณฑบาตโปรดสัตว์ ท่านฉันภัตตาหารแล้วจึงจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนเช้า เสียงที่มาเตือนนั้นถูกท่านบันทึกไว้ทุกถ้อยคำ เสร็จแล้วจึงลงมารับแขกยังกุฏิชั้นล่าง ประโยคแรกที่พูดกับพวกเขาคือ "ต่อไปนี้ญาติโยมต้องช่วยตัวเองแล้วนะ พระพุทธองค์ตรัสสอนว่า "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปะโร สิยา - ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งให้คนอื่นได้" อาตมาเองก็จะไปในวันนี้แล้ว"
"หลวงพ่อจะไปไหนคะ" สตรีผู้หนึ่งถาม
"ไปตาย" ท่านเจ้าของกุฏิตอบยิ้ม ๆ
"หลวงพ่อพูดอย่างนี้ ลูกศิษย์ลูกหาใจฝ่อหมด อย่าพูดเล่นอย่างนั้นเลยครับ ผมขอร้อง" บุรุษผู้มาถึงเป็นคนแรกที่เข้าใจว่าท่านพูดเล่น
"อาตมาพูดจริง ๆ นะ เมื่อเช้ามืด เจ้ากรรมนายเวรเขามาทวงแล้ว อาตมาเคยหักคอนกเป็นสิบ ๆ ตัว แล้วก็รับจ้างต้มเต่า วันนี้เที่ยงสี่สิบห้าต้องรถคว่ำคอหักตาย" คนฟังพากันตระหนก สตรีวัยกลางคนแนะนำว่า
"ถ้าอย่างนั้นหลวงพ่อก็อย่าออกไปไหนซีคะ อย่าไปขึ้นรถ จะได้ไม่ต้องรถคว่ำ"
ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกโยม นี่จะมาแนะนำให้อาตมาโกงเสียแล้ว โกงใครไม่โกง จะให้โกงกฎแห่งกรรม อาตมาทำไม่ได้หรอกโยม"
"แล้วหลวงพ่อไม่เสียใจ ไม่เสียดายชีวิตหรือครับ" บุรุษอีกผู้หนึ่งถาม
"เสียดายทำไมเล่าโยม คนที่เสียดายชีวิต แสดงว่า เขายังไม่เข้าใจคติแห่งความตาย การตายก็เหมือนการย้ายบ้าน คนที่ทำกรรมดีไว้มากก็จะได้ย้ายไปอยู่บ้านที่ดีกว่าหลังเก่า คือสะดวกสบายกว่า แต่คนที่ทำชั่วอาจจะต้องย้ายไปอยู่บ้านในนรก สำหรับอาตมาคงจะได้ไปอยู่บ้านที่ดีกว่านี้ จะนอนตื่นสักเที่ยงวัน เพราะไม่ต้องลงรับแขก" คราวนี้คนฟังหัวเราะ
"แล้วกัน มาหัวเราะเยาะกันเสียแล้ว นี่อาตมาพูดจริง ๆ นะ บ้านนี้หาความสุขไม่ได้เลย ต้องทำงานหนักแสนหนัก จนแทบไม่มีเวลากินเวลานอน"
"หนูไม่เคยเห็นใครเป็นแบบหลวงพ่อเลยค่ะ" หญิงสาวอายุน้อยที่สุดพูด "ขนาดรู้ว่าจะต้องตาย แทนที่จะเศร้าโศกเสียใจ กลับทำหน้าที่ได้ตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
"นี่ พูดอย่างนี้แสดงว่ายังไม่เข้าใจ อุตส่าห์เปรียบเทียบให้ฟังก็แล้ว เอาอย่างนี้นะ สมมุติว่าหลวงพ่อเป็นข้าราชการชั้นโท แล้วอีกสองสามชั่วโมงข้างหน้า เขาจะเลื่อนให้เป็นชั้นเอก หลวงพ่อต้องมานั่งเศร้าโศกเสียใจหรือเปล่า หนูตอบมาซิ"
"หลวงพ่อจะแน่ใจได้อย่างไรล่ะคะ เขาอาจจะลดลงไปเป็นชั้นตรีก็ได้" หญิงสาวยังคลางแคลง
"ไม่ต้องห่วงหรอกหนู หลวงพ่อรับรองว่าจะไม่เป็นอย่างที่หนูคิด ถ้าหนูอยากรู้จริง ก็ต้องมาเข้ากรรมฐาน ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เมื่อใดเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง เมื่อนั้นความลังเลสงสัยก็จะหมดไป"
"ก็หลวงพ่อจะไปแล้วใครจะมาสอนหนูล่ะคะ หลวงพ่อมีตัวแทนที่สามารถทำหน้าที่แทนหลวงพ่อได้ทุกอย่าง มีหรือเปล่าคะ"
"ไม่มีหรอกหนู ถ้าจะให้หาแบบนั้นหาไม่ได้แน่ เพราะไม่มีใครจะเหมือนกันไปหมดทุกอย่าง แม้แต่ฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกัน จิตใจยังต่างกัน"
"ถ้าเป็นอย่างนั้น คนคงไม่มาวัดนี้อีก ที่เขามาก็เพราะศรัทธาในหลวงพ่อ ไม่มีหลวงพ่อเสียแล้ว หนูเองก็คงไม่มา หนูพูดจริง ๆ นะคะ"
"หนูอย่าไปยึดที่ตัวบุคคลซีจ๊ะ การเข้าวัดก็เพื่อมาแสวงหาธรรมะ แต่บางคนเข้าวัดเพราะไปชอบสมภาร ยิ่งสมภารหนุ่ม ๆ โอ้โฮ สาวแก่แม่หม้ายติดกันเกรียวเลย แบบนี้รับรองไม่ได้บุญ เอาละ ถึงแม้จะไม่มีอาตมาอยู่ในวัดนี้อีกต่อไป ญาติโยมก็ควรจะมาเข้ากรรมฐาน หอประชุมมีพร้อมแล้ว คนสอนก็มีแล้ว คือพระบัวเฮียว แล้วท่านก็สามารถเข้าผลสมาบัติได้ ซึ่งแปลว่า ท่านมีคุณธรรมสูงพอที่จะสอนคนอื่น ๆ ได้" ท่านแจ้งให้ญาติโยมทราบเกี่ยวกับพระบัวเฮียว
"แสดงว่าท่านเป็นพระอริยบุคคลใช่ไหมครับหลวงพ่อ เพราะผู้ที่จะเข้าผลสมาบัติได้ จะต้องเป็นพระอริยบุคคล ผมว่าอย่างน้อย ๆ ท่านต้องเป็นพระโสดาบัน ใช่ไหมครับ" ชายหนุ่มถาม
"ก็คงจะเป็นอย่างนั้น"
"ถ้าเช่นนั้น ผมจะมาเรียนกรรมฐานกับท่าน ผมแสวงหาพระอริยบุคคลมานานแล้ว ขอกราบเรียนตามตรงว่า ผมเริ่มจะเบื่อพระ เพราะเจอแต่ประเภทที่สอนเก่ง แต่ปฏิบัติไม่ได้ อย่างเช่น พระรูปหนึ่งซึ่งผมเคยศรัทธาท่านมาก หากเอ่ยชื่อ ผมว่าใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก ท่านสอนเก่ง สอนออกวิทยุกระจายเสียงทุกวัน แต่เบื้องหลังชั่วร้ายอย่าบอกใคร เปรอะไปหมดทั้งเรื่องเหล้าเรื่องผู้หญิง เห็นว่าท่านมีเงินเป็นร้อย ๆ ล้าน แต่ผมเชื่อว่า เงินช่วยให้ท่านพ้นจากขุมนรกไม่ได้แน่ นับวันพระประเภทนี้จะมีมากขึ้นนะครับ" แม้จะรู้ว่าบุรุษนั้นพูดความจริง หากท่านพระครูก็จำต้องวางอุเบกขา ท่านพูดตัดบทว่า
"กรรมของเขาน่ะโยม อย่าไปสนใจเรื่องของคนอื่นเลย พระพุทธเจ้าสอนสติปัฏฐาน ๔ ให้พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ซึ่งล้วนแต่อยู่ในตัวเราทั้งสิ้น อย่าเอาเรื่องนอกตัวเข้ามา แค่แบกขันธ์ ๕ ของตัวเอง ก็ทุกข์พอแล้ว อย่าเอาขันธ์ ๕ ของคนอื่นมาแบกอีกเลย ๕ ขันธ์หนักพอแล้ว อย่าไปเอา ๑๐ ขันธ์เลย" ท่านเปรียบเทียบตลก ยังผลให้คนฟังอมยิ้ม
"วันนี้หลวงพ่อจะไปไหนหรือคะ" สตรีวัยกลางคนถามขึ้น
"ไปบรรยายธรรมที่ วัดกวิศาวราราม จังหวัดลพบุรี เขาจะส่งรถมารับ" ท่านพระครูตอบ นายสมชายไม่ได้ทำกรรมมากับท่าน จึงไม่ต้องไปร่วมชะตากรรมในครั้งนี้
เวลาสิบเอ็ดนาฬิกา นายแพทย์สมมิ่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัด พาครอบครัวมาถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสามเณรวัดป่ามะม่วง เขามิได้มานิมนต์ไว้ล่วงหน้า ด้วยต้องการจะให้เป็น "สังฆทาน" อย่างสมบูรณ์แบบ
เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงฉันภัตตาหารได้มากกว่าทุกครั้ง ยังผลให้ญาติโยมปลาบปลื้มใจ เพราะปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน ฉันเสร็จท่านถือโอกาสแสดงพระธรรมเทศนา เพราะต้องการสงเคราะห์ญาติโยมเป็นครั้งสุดท้าย โยมผู้หญิงคนหนึ่งแอบนินทาท่านว่า "แหมหลวงพ่อท่านไม่ยอมหายใจทิ้งเลยนะ ทุกเวลานาทีของท่านช่างมีค่าเสียจริง" แม้จะกระซิบเบา ๆ หากผู้ถูกนินทาก็ได้ยิน ท่านพูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า
"คนที่หายใจทิ้งเป็นคนไม่มีประโยชน์ ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ เปลืองออกซิเจนเปล่า ๆ"
คนฟังพากันยิ้มทั้งที่ในอกสุดแสนเศร้า ด้วยรู้ว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าพวกเขาจะต้องสูญเสียปูชนียบุคคล เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด
แม้จะเป็นการเทศน์ครั้งสุดท้าย หากคนฟังก็มิได้ตั้งใจฟังเท่าที่ควร ด้วยมัวกังวลกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เทศน์จบ ท่านพระครูบอกญาติโยมว่า "เดี๋ยวอาตมาจะต้องไปบรรยายธรรมที่วัดกวิศ แต่จะไปไม่ถึง เพราะจะเกิดอุบัติเหตุรถชนคอหักตายเวลาเที่ยงสี่สิบห้า อาตมาตั้งใจจะออกจากวัดเที่ยงครึ่ง จะได้ไม่ต้องไปตายไกลวัด เขาจะได้เอาศพกลับได้สะดวก" ท่านพูดด้วยสีหน้าท่าทางปกติ
"อยากรู้ไหมว่า ทำไมอาตมาถึงต้องตายในวันนี้" ท่านถาม ไม่มีผู้ใดให้คำตอบ ด้วยต่างก็ทำใจไม่ได้ ทั้งสงสารทั้งเสียดายปูชนียบุคคลเช่นท่าน
"เอาละ ไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร แต่อาตมาอยากเล่า ญาติโยมจะได้เก็บไปคิดเป็นการบ้าน จะได้เชื่อว่าเวรกรรมนั้นมีจริง" เห็นคนฟังหน้าตาเศร้าสร้อย ท่านจึงพูดขึ้นว่า
"ญาติโยมที่รักทั้งหลาย คนที่กำลังจะตายคืออาตมานะ ไม่ใช่ญาติโยม ทำไมต้องทำหน้าหมดอาลัยตายอยากกันอย่างนั้น" สตรีวัยกลางคนถึงกับปล่อยโฮ พูดละล่ำละลักว่า
"ถ้าอีฉันตายแทนหลวงพ่อได้ อีฉันยอมตายจริง ๆ ชีวิตอีฉันหาประโยชน์มิได้ อยู่ไปก็เปลืองออกซีเจนอย่างหลวงพ่อว่า" ท่านพระครูยิ้มเพราะขำในถ้อยคำของหล่อน คนอื่น ๆ ก็ทำหน้าปั้นยาก จะยิ้มก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่เชิง
"เอาละ ๆ ขอบใจที่จะตายแทนอาตมา แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทำกรรมแทนกันไม่ได้หรอกโยม ที่อาตมาต้องตายในวันนี้ก็เพราะ กรรมที่เคยหักคอนกกับรับจ้างต้มเต่า ตอนยิงนกนั่นอยู่มัธยมสาม อยู่กับยาย เวลาไปโรงเรียนก็ไม่เข้าเรียน แต่หนีครูไปเที่ยวยิงนกตกปลา แอบขโมยปืนแก๊ปของตาไป แล้วอาตมาก็มีความสามารถในการก่อกรรมทำเข็ญมาก เรียกว่าทำบาปขึ้น ยิ่งปืนแม่น เปรี้ยงเดียวนกเป็ดน้ำร่วงมาเป็นร้อยเลย ใครอยากรู้เทคนิคการยิงก็มาถามได้ เดี๋ยวอาตมาตายแล้วจะไม่มีใครบอก" ท่านพูดยิ้ม ๆ ทว่าคนฟังกลับยิ้มไม่ออก
"ไม่มีใครถามหรือ งั้นอาตมาก็จะไม่บอก ให้วิชานี้มันตายตามอาตมาไปก็แล้วกัน" ท่านพูดเล่นเพราะหากมีผู้ถามขึ้นมาจริง ๆ ท่านก็จะไม่บอก เพราะสมณะย่อมไม่แนะนำบุคคลไปในทางชั่ว
"ก็รวบรัดตัดใจความได้ว่า อาตมาเป็นแชมป์ยิงปืน แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็หนีไปยิงนกอีก พอลั่นไกเปรี้ยงนกก็ร่วงลงมาทั้งฝูง แต่มีตัวหนึ่งมันไม่ยอมตาย แค่ปีกหักบินไม่ได้ ความรักชีวิตทำให้มันวิ่งหนี อาตมาก็วิ่งตาม พอจับตัวได้มันก็จิกมืออาตมาเลือดพุ่งเลย ด้วยความโกรธ อาตมาหักคอมันทันที แถมถลกหนังหัวมันอีกด้วย ตอนนั้นเป็นคนจิตใจเหี้ยมโหดมาก เสร็จแล้วก็โยนทิ้ง มันยังดิ้นกระแด่ว ๆ และคงจะอาฆาตพยาบาทอาตมากระทั่งมันสิ้นใจ
ส่วนเรื่องต้มเต่านั้น ทำตอนอยู่มัธยมหนึ่ง แล้วก็ใช้หนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๔ แต่เจ้ากรรมนายเวรเขาบอกตอนนั้นมันแค่เงินต้น วันนี้เขาจะคิดดอกเบี้ย แหมขนาดใช้หนี้กรรมก็ยังต้องใช้ทั้งต้นทั้งดอก นะโยมนะ" ท่านหันไปพยักพเยิดกับโยมคนหนึ่ง แล้วเล่าต่อ "เรื่องมีอยู่ว่า พวกขี้เมาเขาเกิดอยากจะกินเต่าแกล้มเหล้า ก็ไปซื่อเต่ามา ๗ ตัว แล้วจ้างอาตมาต้ม ให้ค่าจ้างหนึ่งบาท
"บาทเดียวเองหรือคะหลวงพ่อ" สตรีผู้หนึ่งถาม
"บาทเดียวน่ะมากแล้วนะโยม สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละสามสตางค์ เงินหนึ่งบาทซื้อก๋วยเตี๋ยวกินได้หนึ่งเดือนกับสามวัน อาตมาเอาเงินเขามา แล้วก็จัดการก่อไฟ เอาหม้อดินใบใหญ่ใส่น้ำขึ้นตั้งบนเตา พอน้ำเดือดก็เทเต่าเจ็ดตัวลงไป เต่ามันดิ้นใหญ่ คงจะสามัคคีกันดิ้น เพราะหม้อแตกเลย พอหม้อดินแตก มันก็พากันตะเกียกตะกายหนีเอาตัวรอดเข้ากอไผ่ไป โยมเชื่อไหม น้ำตามันไหลพราก ๆ แล้วมันก็ใช้สองขาหน้าปาดน้ำตา ที่โบราณเขาเปรียบเทียบว่า ร้องไห้น้ำตาเป็นเผ่าเต่า อาตมาก็เพิ่งประจักษ์ตอนนั้นแหละ เห็นแล้วรู้สึกทุเรศนัยน์ตา เลยปล่อยให้มันหนีไป พวกขี้เหล้าเขาก็โกรธ จะเอาค่าจ้างคืน อาตมาก็ไม่ยอมคืนให้ เลยไปลักปลาเค็มป้ามาปิ้งให้เขากินแทนเต่า โดนป้าด่าแหลกเลย นี่แหละกรรมที่อาตมาทำไว้ในวัยเด็ก แล้วก็กำลังจะไปใช้หนี้อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า" ขณะนั้นเวลาเที่ยงครึ่ง รถที่ทางวัดกวิศาวรารามส่งมารับนั้นรออยู่แล้ว
"เอาละ อาตมาเห็นจะต้องลา ขอให้ญาติโยมจงหมั่นเจริญกรรมฐาน ถ้าใครคิดถึงอาตมา ก็ให้ปฏิบัติมาก ๆ เอาละ ขอให้โชคดีมีความสุขทุก ๆ คนนะโยมนะ"
รถที่มารับท่านพระครูเป็นรถสองแถวเก่า ๆ เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงนั่งหน้าคู่กับคนขับ ส่วนอุบาสกในชุดนุ่งขาวห่มขาวที่มาด้วย ได้ย้ายมานั่งข้างหลัง รถแล่นออกจากวัดตรงไปยังถนนสายเอเชีย เมื่อถึงทางแยกเข้าจังหวัดลพบุรี คนขับจึงชิดขวาเตรียมตัวเลี้ยว ถนนฝั่งตรงข้ามมีรถวิ่งมาหลายคัน จึงต้องหยุดรอจังหวะที่จะเลี้ยว
ขณะนั้น รถทัวร์ของบริษัททันจิตวิ่งแซงรถคันอื่นมาด้วยความเร็วสูงถึง ๑๔๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง คนขับมองไม่เห็นรถสองแถวที่เปิดไฟเลี้ยวขวาอยู่ข้างหน้า จึงชนโครมเสียงดังก้องราวกับฟ้าถล่ม ร่างของภิกษุวัยห้าสิบเศษ กระเด็นออกจากตัวรถในลักษณะถลาร่อนดุจเดียวกับนกที่ถูกยิง ลอยละลิ่วไปตกลงบนพื้นถนน ห่างจากตัวรถถึงยี่สิบวา คอหักพับลงมาถึงราวนม หนังศีรษะเปิดตั้งแต่หน้าผากถึงท้ายทอย ท่านพระครูเจริญได้ชดใช้กรรมของท่านอย่างกล้าหาญที่สุด เมื่อเวลาสิบสองนาฬิกาสี่สิบห้านาที ของวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๑.




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



ขอเชิญร่วมสมทบทุนสร้างกุฏีสงฆ์วัดบ้านไฮ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่-
พระครูศรีรัตนาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอศรีรัตนะ
โทร.๐๘๙-๘๔๘๔๓๓๕



ขอเชิญร่วมสร้างหลวงปูเทพโลกอุดร ณ วัดเขาอุทุมพรชัยภูมิ
โทร. 087-239-3444


ร่วมทำบุญสร้างถนนขึ้นนมัสการ ไหว้พระเจ้าทันใจ วัดผาเด็ง

เชิญร่วมบุญ หล่อพระประทานพร ประดิษฐานบนภูเขา
081-408-7825<O


ขอเชิญร่วมทำบุญเททองหล่อระฆัง ณ วัดล่องกระเบา
โทร. 086-8054133



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพปิดทองและเพชรประดับ พระโมคคัลลาและพระสารีบุตร
โทร : ๐๘๔ ๘๑๗ ๕๒๔๘

28-29 กรกฎาคม 2555 ร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาคปัจจัย สมทบทุน "สร้างวัด" ถวายเป็นพุทธบูชา
โทร: 02-7141975, 087-8076246


ขอเชิญลูกศิษย์ครูบาข่ายร่วมสร้างเจดีย์
โทร 083-5167918</O
<O </O


ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมสร้างพระพุทธรูปและพระอุโบสถ วัดหนองแวง จ.ศรีสะเกษ
โทร.089-815-69-85


รับบริจาควัตถุมงคล บรรจุกรุบริเวณสะดือพระพุทธโพธิ์ศรีมหาเจดีย์ 49 เมตร
ส่งวัตถุมงคลเพื่อบรรจุกรุมาได้ที่
นายพลกฤษณ์ แข่งขัน
511/467 จรัญ 37 อพาร์ทเมนต์
ซ. จรัญฯ 37 ถ. จรัญสนิทวงศ์ บางขุนศรี บางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700




ด่วน....ขอเชิญร่วมบุญสร้างพระอุปคุตเถระ ปางจกบาตร ,ตู้พระไตรปิฏก,เครื่องอัฐบริขาร
หากท่านใดปราถนาร่วมบุญก็สามารถโอนปัจจัยมาร่วมสร้างได้ผ่านบัญชีธนาคาร ดังนี้<O </O
ธนาคารไทยพาณิชย์ <O </O
ชื่อบัญชี ธัญญ์พิชชา แพรสีเขียว <O </O
เลขที่บัญชี 370-202-15-62 <O </O
<O </O



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อสมเด็จองค์ปฐม วัดเนินมะครึด อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก
โทร.084-6245007


ขอเชิญร่วมสร้างพระหลวงพ่อเพชร ขนาดศอกครึ่ง
081-8052466


ขอเชิญเป็นเจ้าภาพ สีทอง ฉัตรทอง สมเด็จพระพุทธชินเรศญาณบารมี นวราชเจริญชนม์
0856044849


ขอเชิญสร้างกุฏิต้นทุนต่ำ แก่พระสงฆ์ ในถิ่นทุรกันดาร
โทร ๐๙๐๔๙๓๕๔๙๙


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างซุ้มเรือนแก้วพระสมเด็จองค์ปฐม
โทร 08-3157-3242<O


ขอเชิญสร้าง ตู้กระจก องค์ปฐม หน้าตัก 4 ศอก วัดป่าน้อยบ้านหนองฟ้า

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างถวายนกยูงคู่เงินทอง เสริมความมั่งคั่งร่ำรวย
โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑


ขอเชิญทอดผ้าป่ากับพระอาจารย์อนันต์ วัดสะพานศรี
0817015512


ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่า “สร้างอาคารสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ และบูรณะสวนแสงธรรม”
ถนนพุทธมณฑลสาย ๓ กรุงเทพมหานคร



เชิญร่วมทอดผ้าป่าการกุศลสบทบทุนจัดซื้อรถยนต์ตรวจการได้ยินเคลื่อนที่ รพ.หาดใหญ่
เบอร์โทรศัพท์ 074 - 273100


บอกบุญ ขอเชิญท่านผู้ใจบุญร่วมกันเป็นเจ้าภาพถวายน้ำปานะ เเก่พระภิกษุเเละสามเณร
0861574108


ทำบุญหนังสือห้องสมุดโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดนิโครธาราม
ท่านสามารถร่วมบุญโดยการส่งพัสดุทางไปรณีย์ ถึง.....
พระใบฎีกาไอศูรย์ ชยลงฺกโร<O ห้องสมุดโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดนิโครธาราม
<O ในโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
<O ต.ป่าคา อ.แม่ท่าวังผา จ.น่าน
55140<O



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือธรรมะ
โทร. 089-7939253


ขอเจริญพรร่วมสร้างพระไตรปิฎก ถวายวัดปางมดแดง จ.พะเยา
โทร.0869789561


บอกบุญ ร่วมบริจาคหนังสือเรียนของพระภิกษุสามเณรของมัธยมศึกษาปีที่ ๒
วัดอุดมธานี เเผนงสามัญศึกษา จ.นคนายก


ขอเชิญร่วมกองทุนเพื่อการศึกษาพระสงฆ์
โทร 0821004396


โรงเรียนดีศรีตำบลลำพูน
สามารถประสานงานเบื้องต้น ได้ที่ พระผู้ประสานงานประจำจังหวัด หรือ พระอิสรภาพ อาจรสมฺปนฺโน 0815301954


ด่วนร่วมบุญเป็นเจ้าภาพบวชพระเข้าพรรษา จำนวน๒รูป ไม่มีกำหนดลาสิกขา
________________________________________
๐๘๕-๖๐๔๔๘๔๙



บูชาพระเพื่อการกูศลช่วยเหลือผู้ป่วยโรคยากไร้
089-669-7869


พุทธชยันตี ขอเชิญทำบุญช่วยพระภิกษุอาพาธ
โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพฯ
โทร. ๐๒ - ๒๔๗๑๘๒๕-๖, ๐๒ – ๓๕๔๔๓๑๐



ท่านใดที่มี (คอมพิวเตอร์รุ่นเก่าหรืออุปกรณ์คอม) สามารถบริจาคได้ที่นี้
สามารถบริจาคด้วยตนเองหรือ ส่งของทางไปษณีย์มาได้ที่
พระทวีศักดิ์ (อินทญาโณ)
วัดเวฬุวนาราม (แช่ไห) ต.ดอนไผ่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี 70130


ช่วยเหลือพระถูกตัดขา จากโรคเบาหวาน
เบอร์โทร. 082-330-3457


ขอเชิญร่วมกองทุนสมเด็จองค์ปฐมพระบรมคูร(ประดับเพชร)พิทักษ์รักษาพระเถรเจ้า
ติดต่อสอบถาม 087-614-6689


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO