พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

พุธ 21 ม.ค. 2009 12:54 am

bkk25101.gif
bkk25101.gif (62.29 KiB) เปิดดู 1928 ครั้ง


การวางแผนครอบครัว

ท่านอธิบายว่า คนเรานั้นเมื่อแต่งงานมีครอบครัวแล้วคู่สมรสก็ควรถือศีลห้า เพื่อให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข เพราะศีลจะทำให้ผู้รักษาศีลนั้นเป็นสุขและร่มเย็นเสมอ เมื่อมีลูกพอแก่ความต้องการแล้วก็เปลี่ยนมาถือศีลแปด การถือศีลแปดหรืออุโบสถศีลนี้นอกจากจะไม่มีลูกเพิ่มแล้ว ยังไม่เปลืองอาหารมื้อเย็นอีกมื้อหนึ่งด้วย ประเทศไทยคงมีอาหารสมบูรณ์กว่านี้ เมื่ออธิบายจบท่านก็สรุปว่า เรื่องนี้ทำยาก แต่อยู่ในวิสัยที่ทำได้ ท่านบอกว่า ถ้าทำได้ก็ประเสริฐประเทศชาติจะร่มเย็นเป็นสุข และได้เล่าว่าเมื่อสมัยพุทธกาลมีสามีภรรยาคู่หนึ่งหลังจากมีบุตรแล้วก็ปฏิบัติธรรมแข่งกัน จนกระทั่งภายหลังสำเร็จเป็นพระอรหันต์ไปทั้งสองคน


ทำอะไรไม่ผิดเลย ก็คือไม่ทำอะไรเลย "DO NO WRONG IS DO NOTHING"

จงระลึกถึงคติพจน์ที่ว่า "DO NO WRONG IS DO NOTHING" ทำอะไรไม่ผิดเลย ก็คือไม่ทำอะไรเลยความผิดนี้แหละเป็นครูอย่างดีควรจะรู้สึกบุญคุณของตัวเองที่ทำอะไรผิดพลาดและควรสบายใจที่ได้พบกับอาจารย์ที่วิเศษคือ ความผิด จะได้ตรงกับคำว่า "เจ็บแล้วต้องจำ" ตัวทำเอง ผิดเอง นี้แหละเป็นอาจารย์ผู้วิเศษ เป็น GOOD EXAMPLE ตัวอย่างที่ดี เพื่อจะได้จดจำไว้ สังวรระวังไม่ให้ผิดอีกต่อไป แล้วตั้งต้นใหม่ด้วยความไม่เลิ่นเล่อประมาท อดีตที่ผิดไปแล้วก็ผ่านพ้นล่วงเลยไปแล้ว แต่อาจารย์ผู้วิเศษ ยังคงอยู่คอยกระซิบเตือนใจอยู่เสมอทุกขณะว่า " ระวัง! อย่าประมาทนะ! อย่าให้ผิดพลาดเช่นนั้นอีกนะ! "

ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรึกตรอง จงหนัก เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำอภัยไฉน!

จงสังเกตพิจารณาดูให้ดีเถิด จะเห็นได้ว่า นักค้นคว้าวิทยาศาสตร์ทางโลกก็ดีและท่านผู้วิเศษที่เป็นศาสตราจารย์ในทางธรรมทั้งหลายก็ดี ล้วนแต่ผ่านพ้นอุปสรรคความผิดพลาดนับไม่ถ้วนมาแล้วด้วยกันทุกท่าน

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

พุธ 21 ม.ค. 2009 12:56 am

ขอบพระคุณครับ ชอบมาก ๆ

เข้าใจว่าคุณbecknuiน่าจะมีอีกใช่ไหมครับ :P :P :P

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

พุธ 21 ม.ค. 2009 1:09 am

mom13.jpg
mom13.jpg (30.87 KiB) เปิดดู 1914 ครั้ง



ดอกมะลิ

ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่ถูกรับรองแล้วว่าเป็นดอกไม้ที่หอมเย็นชื่นใจที่สุดและขาวบริสุทธิ์ที่สุดในดอกไม้ด้วยกัน

ชีวิตของมนุษย์ที่เป็นอยู่ก็เช่นเดียวกับละคร ขอให้เป็นตัวเอกที่มีชื่อเสียงที่สุดเช่นเดียว หรือมีลักษณะเดียวกับดอกมะลิ อย่าเป็นตัวผู้ร้ายที่เลวที่สุด และให้เห็นว่าดอกมะลินี้จะบานเต็มที่เพียง 2-3 วัน ก็จะเหี่ยวเฉาไป

ฉะนั้น ขอให้ทำตัวให้ดีที่สุดเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ให้หอมที่สุดเหมือนดอกมะลิที่เริ่มแย้มบานฉะนั้น

"จงเลือกทำแต่กรรมที่ดีๆ"

ของสาธารณะ

ท่านเจ้าคุณพระคุณธัมมะวิตักโก ภิกขุ พูกกับหลานชายท่านว่า "โกศล ของสาธารณะ 4 อย่าง มีศาลา(ที่พักอาศัยผู้เดินทาง) , นารี (ผู้หญิง) , วิถี (ทางเดิน) , คงคา (แม่น้ำลำคลอง) อย่าไปจริงจังมากนะ อย่าไปปักใจมากนะ อย่าไปหลงไหลมาก เราไม่ใช้คนอื่นก็ใช้ได้ เราไม่เอาคนอื่นก็เอาได้นะ ผิดหวังจะได้ไม่เสียใจ"

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

พุธ 21 ม.ค. 2009 2:54 am

อ่านกี่ครั้งก็รู้สึกดีครับ

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

เสาร์ 24 ม.ค. 2009 10:25 am

:ilu:
ขอบพระคุณฮับพี่ becknui
ขอเพิ่มอีกชามฮับ เอาแบบพิเศษฮับ :P
กำลังเจริญในธรรมฮับ
:ilu:

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

เสาร์ 24 ม.ค. 2009 12:39 pm

จัดให้ครับ.


img056.jpg
img056.jpg (88.4 KiB) เปิดดู 1866 ครั้ง

ปกิณกะธรรม ของ ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

คนเราเมื่อมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศ ก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีทุกข์ก็มีสุข
เมื่อมีสรรเสริญ ก็มีนินทา เป็นของคู่กันมาเช่นนี้ จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์
ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเสิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดายังมีมารผจญ ยังมีคนติเตียน ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นจากโลกะธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้ ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่เราจะทำอะไรเราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราและผู้อื่น เราจึงทำ เขาจะนินทาใส่ร้ายนินทาอย่างไรก็ช่างเขา บุญเราทำกรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวลกลัวใครติเตียนไปทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่า ๆ



คงไม่มีอะไรต้องอธิบายเพิ่มอีกแล้ว เป็นบทธรรมที่เข้าใจง่าย และเหมาะกับทุกยุค ทุกสมัย โดยเฉพาะ ปัจจุบัน ที่ผู้คนทั่วไปต่างก็กำลังคร่ำเครียดกับสภาพของ เศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่อยู่ ขอแนะนำว่าให้อ่านหลายๆรอบ

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

เสาร์ 24 ม.ค. 2009 11:37 pm

ขอบพระคุณครับที่กรุณานำมาโพสท์ให้ได้อ่านกัน

ประโยคอมตะนี้แหละครับ ที่ทำให้ผมเคารพท่านเจ้าคุณนรฯ สุดจิตสุดใจตั้งแต่ได้อ่าน เพราะท่านบันทึกธรรมนี้ด้วยลายมือท่านไว้ตั้งแต่ยังเป็นมหาดเล็ก ยังไม่ได้อุปสมบทด้วยซ้ำไป เรียกว่าท่านบรรลุธรรมตั้งแต่เป็นฆราวาสก็ไม่ผิด

เป็นที่ 1 ในทุกเรื่อง จริง ๆ ครับ

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

ศุกร์ 30 ม.ค. 2009 1:03 am

ขอบพระคุณทั้งคุณ becknui และคุณอาร์ต ที่นำคำสอนดีๆ อมตะ ของท่านเจ้าคุณนรฯ มาให้พวกเราได้ศึกษา
โดยส่วนตัวแล้ว คำสอนของท่านผมอ่านกี่ทีๆ ก็ยังมีความรู้สึกดีๆ และศรัทธาท่านเพิ่มมากขึ้นครับ
แต่เกรงว่า หากศรัทธามากกว่านี้ จะลำบากคุณอาร์ตน่ะครับ... :lol: :lol:

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

ศุกร์ 30 ม.ค. 2009 4:18 am

อึ่ย....
50049_739558[1].gif
50049_739558[1].gif (11.21 KiB) เปิดดู 1810 ครั้ง

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

อาทิตย์ 01 ก.พ. 2009 12:18 pm

ทำดีดีกว่าขอพร

ในวันวิสาขบูชาวันหนึ่ง หลังจากเวียนเทียนเสร็จ ได้มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งเข้าไปกราบท่านธมมวิตกโกขณะที่ท่านเดินอยู่ ท่านได้หยุดและถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ หนุ่มสาวคู่นั้นได้เรียนท่านว่า มาขอพรให้เกิดมาพบกันอีก
ท่านได้ตอบว่า “มีแต่เขาไม่อยากจะมาเกิด นี่ทำไมอยากมาเกิดอีก อย่างอาตมา ถ้าใครแช่งให้ไม่รู้จักผุดจักเกิด อาตมาก็จะขอบใจ เอาละเมื่อมาขอพรก็จะให้ แต่จะบอกว่า คนเราไม่ได้อะไรง่ายๆ ด้วยการร้องขอ อยากได้อะไรต้องทำถึงจะได้”

เรื่องการขอพรนี้มีคนไปขอพรท่านมาก ใครอยากได้อะไรก็ไปขอ จนท่านได้เขียนโอวาทเป็นข้อสุดท้าย
ลงในหนังสือสันติวรบทของท่านว่า ทำดีดีกว่าขอพร ท่านบอกว่า พรเป็นเพียงกำลังใจให้คนประพฤติปฏิบัตเท่านั้น และพุทธศาสนาก็ไม่ใช่ศาสนาของการสวดอ้อนวอนร้องขออะไร พระบรมศาสดาสอนให้เชื่อในเรื่องกรรมและผลของกรรมนั้น ฉะนั้นท่านจึงบอกว่า “ทำดีดีกว่าพร”

ความตาย

เมื่อคุณหมอไพบูลย์ ปุษปธำรง ได้ทำแผลให้เป็นที่เรียบร้อย ท่านก็สวดมนต์อุทิศแผ่ส่วนกุศลให้ แล้ววันนั้นท่านได้กล่าวกับหมอว่า “หมอ อันความตายและการพลัดพรากจากกันนั้นเป็นของธรรมดา และเป็นไปตามธรรมชาติ เขาตายกันนับตั้งแต่คราวปู่ย่าตายาย เมื่อครั้งโบราณกาลมาแล้ว ถ้าเราพิจารณาให้ดีก็จะรู้ว่า การตายไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่าสยดสยอง อย่างที่ทุกวันมีคนส่วนมากคิด คนเราเมื่อเกิดมาก็ต้องอาศัยสังขาร เป็นที่อยู่อาศัย ปกติธรรมดาสังขาร เราก็จะมีเวลาจำกัด ย่อมจะมีการเสื่อมและทรุดโทรมเป็นธรรมดา ฉะนั้นความตาย จึงไม่เป็นสิ่งที่เสียหายตรงไหน หากแต่เป็นเพียงเปลี่ยนจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่งเท่านั้น
อุปมาเหมือนหมอกับอาตมา ซึ่งในปัจจุบันขณะนี้กำลังคุยกันอยู่ แต่เวลาได้ล่วงเลยดับไปทุกวินาที ทุกชั่วโมง และหมอก็ได้ทำแผลให้อาตมาเสร็จ ประเดี๋ยวหมอก็จะต้องกลับไปบ้าน ส่วนอาตมาก็จะต้องกลับกุฎิ และทุกคนในที่นี้ก็จะต้องกลับไปสู่ที่อยู่อาศัยของตน นี่ก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งของการพลัดพรากจากกัน
ทั้งที่เรายังมีชีวิตอยู่ มีสังขารร่างกาย เมื่อเราได้ลุกจากไปแล้ว สถานที่นั้นก็จะว่างเปล่า ปราศจากผู้คนไปชั่วขณะ เพราะเราได้แยกย้ายกันกลับไปสู่ที่พัก เหตุการณ์วันนั้นก็จะเป็นแต่เพียงอดีตเท่านั้น จะมีก็แต่ความทรงจำเท่านั้น แต่จะให้อดีตนั้นย้อนกลับมาใหม่ก็ไม่ได้ ดังนั้นการตายก็เหมือนกัน เป็นแต่เพียงการจากไป มิได้สูญไปไหน หากแต่เปลี่ยนจากสภาวะปัจจุบันไปอยู่อีกสภาวะหนึ่ง ซึ่งอยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ และเราก็สามารถที่จะระลึกถึงกันได้ อย่าเข้าใจว่าสูญสิ้นไป ความตายความเกิดนั้นมีอยู่ตลอดเวลา ขออย่าประมาท”

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

จันทร์ 02 ก.พ. 2009 2:00 am

สาธุ สัทธา ทานัง อนุโมทามิ

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

พฤหัสฯ. 05 ก.พ. 2009 9:24 pm

สังฆังนะมามิ.

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

พฤหัสฯ. 12 ก.พ. 2009 10:54 pm

Copy of img055.jpg
Copy of img055.jpg (101.16 KiB) เปิดดู 1715 ครั้ง


อายตนะ 6


ที่บริเวณกุฏิของท่านเจ้าคุณนรฯ มักจะมีชาวจีนเอาเครื่องไหว้แบบจีนไปไหว้เสมอ
โดยเขานับถือว่าท่านเป็นเซียน แต่ท่านบอกว่า “เขาเห็นว่ากุฏิอาตมาเป็นศาลเจ้า” วันหนึ่งมีชาวจีนเอาธูปเทียนป้ายหนังสือจีนและกระดองเต่าไปวางไว้ที่โคนต้นไม้ข้างกุฏิของท่าน เมื่อท่านกลับจากโบสถ์มาพบเข้า ท่านได้ชี้และบอกว่าชาวจีนเขายกย่องเต่ามาก เพราะเต่าเป็นสัตว์ที่อดทน แม้จะเดินช้าก็มั่นคงและไปถึงเสมอ ถ้าจะเอาเต่าเป็นตัวอย่างในการครองชีวิตก็ต้องอดทนและรอบคอบดำเนินชีวิตให้มั่งคง ส่วนในแง่ธรรมะจะเอาเต่าเป็นตัวอย่าง ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นตัวอย่าง เพราะเต่ามีกระดองและอวัยวะที่พ้นจากกระดองคือ 4 ขา หัวและหาง รวมเป็น 6 เปรียบเหมือน ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจของคน เมื่อเต่าพบอันตราย จะหดอวัยวะทั้งหมดเข้ากระดองจนกว่าจะปลอดภัย ถ้าคนเราจะเอาตัวอย่างนี้มาประพฤติจะดีไม่น้อย เช่นเมื่อประสาททั้ง 6 ดังที่กล่าวมากระทบกับอารมณ์ใดก็เอามาพิจารณาด้วยความระมัดระวัง เช่นเดียวกับเต่าหดอวัยวะเข้ากระดอง ไม่วู่วามตัดสินใจทำอะไรไปโดยไม่ถูกไม่ควร

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

ศุกร์ 20 ก.พ. 2009 3:14 pm

อาตมาชื่อ..ตรึก
img054.jpg
img054.jpg (45.43 KiB) เปิดดู 1696 ครั้ง

อาตมาชื่อ.....ตรึก
ที่วัดเทพศิรินทราวาสมีเทศน์เป็นประจำทุกวันพระและวันอาทิตย์ ให้อุบาสกอุบาสิกาผู้เลื่อมใสศรัทธาฟัง แต่ท่านธมฺมวิตกฺโกไม่เคยเทศน์เลย แต่ท่านฟังทุกครั้งไม่ว่าใครจะเทศน์ก็ตาม
ท่านจะฟังดัวยความตั้งใจ วันหนึ่งมีอุบาสิกาซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นใหญ่ฟังเทศน์ที่วัดเทพศิรินทราวาสเป็นประจำ ได้รับสั่งถามท่านว่าทำไมจึงไม่เทศน์บ้าง ท่านธมฺมวิตกฺโกได้ทูลตอบเพียงสั้นๆ ว่า
“อาตมาชื่อ..ตรึก”

ท่านธมฺมวิตกฺโกจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์หรือไม่ คงไม่มีใครยืนยันได้ แต่มีคราวหนึ่ง
ท่านได้บอกกับท่านเจ้าคุณเทพกวี (ประยูร สนฺตงฺกโร ท่านเจ้าคุณสมเด็จพระญาณวโรดม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ในปัจจุบัน) ว่าพระอริยบุคคลชั้นอนาคามี ไม่มีสุกกะ(น้ำอสุจิ)เพราะตัดราคะได้แล้ว สุกกะจึงแห้งไปเอง ฉะนั้นจึงไม่ต้องการอาหารมาก คนที่ต้องการอาหารมากเพราะต้องไปหล่อเลี้ยงราคะ ท่านธมฺมวิตกฺโกบอกว่าไม่มีสุกกะของพระอนาคามีนี้ไม่ทำให้เสียงแหบและกระวนกระวาย ต่างกับคนที่สุกกะไม่มีเพราะเป็นโรคทางเพศ ท่านเจ้าคุณเทพกวีบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกเพราะท่านไม่เคยพบในตำราใดเลยว่า การเป็นพระอนาคามีนี้สุกกะจะหมดไปด้วย เพิ่งจะได้ยินท่านธมฺมวิตกฺโกอธิบายให้ฟังเป็นครั้งแรก ฉะนั้นท่านจึงเข้าใจว่าถ้าท่านธมฺมวิตกฺโกไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ก็ต้องเป็นพระอริยบุคคลชั้นอนาคามีอย่างแน่นอน

คุณหญิงของท่าน
img053.jpg
img053.jpg (36.45 KiB) เปิดดู 1692 ครั้ง

ในกุฏิของท่านธมฺมวิตกฺโก นอกจากจะมีหีบศพแล้ว ยังมีโครงกระดูกแขวนอยู่ เป็นโครงกระดูกเต็มตัวร้อยไว้อย่างดี ท่านเคยชี้ให้ดูและบอกว่าเป็นโครงกระดูกผู้หญิง ท่านว่าเป็นคุณหญิงของท่าน ท่านชมว่าดีแท้ ๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย ไม่เคยบ่น ไม่เคยทำให้กลุ้มใจ มีแต่ให้ประโยชน์ให้สติ ให้รู้ว่าจะต้องตายเช่นนั้น วันหนึ่งก็จะเหลือแต่โครงกระดูกก็นิยมกันว่าสวย รักกันอยู่ด้วยกัน ความหลงแท้ๆ หลงว่าจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ตลอดไป ไม่ได้มองลึกลงไป ไม่ได้เห็นแก่นแท้ว่ามีแต่กระดูก ไม่น่าอภิรมย์แต่อย่างใด ทำไมจึงยังหลงใหลมัวเมากันอยู่ได้ แล้วท่านก็จะสรุปว่า “บ่อน้อยเท่ารอยโคหรือจะโผข้ามพ้น เป็นมหาบาเรียนยังเวียนไปหากัน”

ขอให้เจริญในธรรม.

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

ศุกร์ 20 ก.พ. 2009 11:01 pm

ขอบพระคุณครับ :P

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

ศุกร์ 20 ก.พ. 2009 11:17 pm

สุดยอด คับป๋ม



ขอบคุณ คับ

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

เสาร์ 21 ก.พ. 2009 11:40 pm

ขอบพระคุณท่านอาร์ตมากครับ
เยี่ยมจริงๆ :P

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

จันทร์ 23 ก.พ. 2009 12:35 am

:grt: :grt: แจ่มจริงๆครับ (คุณอาร์ตนะครับ ไม่ใช่คุณหญิง )

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

จันทร์ 23 ก.พ. 2009 11:01 am

จ๊าก โลโก้ใหม่หรือเนี่ย ดุจัง :D
ต้องเจอแบบนี้
sb10069227c-001[1].jpg
sb10069227c-001[1].jpg (12.22 KiB) เปิดดู 1632 ครั้ง

เอ่อ..หลังจากทำศัลย์กรรมคราวนี้แล้ว รู้สึกเกลียดแมวยังไงก้อไม่รู้ :?

Re: โอวาทธรรมท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

จันทร์ 23 ก.พ. 2009 11:41 pm

.gif
.gif (9.3 KiB) เปิดดู 1613 ครั้ง
ตอบกระทู้