นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 11 พ.ค. 2024 4:29 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 17 มิ.ย. 2012 8:34 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4555
กว่าพระครูจะออกจากวัดเพื่อไปงานเผาศพ ก็เลยเวลาที่กำหนดไว้กว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งนี้เพราะรัฐมนตรีและคณะได้เกิดความสนใจใคร่ธรรม จึงพากันชวนท่านคุย จนนานสมชายต้องมากระซิบเตือน พร้อมทั้งนำรถมาจอดรอที่หน้าบันไดศาลา
"อาตมาต้องขอตัวก่อน เขามาตามแล้ว" ท่านบอกพวกเขาแล้วลุกออกมาขึ้นรถ ผู้ที่นั่งอยู่ ณ ที่นั้นจึงพากันกราบท่านสามครั้งแล้วเตรียมตัวกลับ
"ผ้าไตรเอามาหรือยัง" ท่านถามคนขับรถ
"เอามาแล้วครับ" นายสมชายตอบ แล้วพูดต่อไปว่า
"หลวงพ่อครับ สมมุติถ้าเกิดผมลืมเอาผ้าไตรมา แล้วก็ไปนึกได้เอาตอนที่ใกล้จะถึงบ้านงานแล้ว หลวงพ่อจะให้ผมย้อนกลับไปเอาที่วัดไหมครับ"
"คิดเอาเอง"
"คิดไม่ออกน่ะครับ หลวงพ่อช่วยผมคิดหน่อย"
"คนอย่างฉันคิดหน่อยไม่เป็น ทำอะไรต้องคิดมาก ๆ ฉันถือคติว่าคิดมากมักผิดน้อย แต่ถ้าคิดน้อยมักผิดมาก คนเราจะทำอะไรต้องคิดให้มาก ๆ ไว้ก่อน แล้วจึงทำ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง คิดมาในที่นี่ก็คือคิดให้รอบคอบ ไม่ใช่คิดมากจนเป็นโรคประสาท" ท่านรู้ว่าคนเป็นศิษย์กำลังจะโต้แย้งจึงกล่าวแก้ไว้เสร็จสรรพ
"แหม หลวงพ่อของผมช่างฉลาดรอบคอบเหลือเกิน ผมดีใจที่ไดอยู่ใกล้คนฉลาดอย่างหลวงพ่อ" เขาแกล้งยอ
"ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองฉลาดไม่เหมือนบางคนที่ชอบคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่เรื่อย"
"หลวงพ่อว่าผมหรือครับ"
"คิดเอาเอง นายสมชายจึงต้องนั่งคิดไปตลอดทางกระทั่งรถมาจอดที่หน้าร้าน "เน้ยโภชนา" จึงเลิกคิด
"นิมนต์ครับหลงพ่อ นิมนต์ข้างในเลย" นายฮิมเดินเข้ามารับถึงรถ พร้อมนิมนต์เข้าร้านซึ่งเปิดขายอาหารตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงเห็นหน้าเจ้าของร้าน ก็รู้ว่าอีกสามวันเขาจะเสียชีวิตเพราะหมดอายุ ท่านรู้สึกสงสารหากก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะชวนเขาไปเข้ากรรมฐาน เขาก็ปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่มีเวลา เข้าไปนั่งในร้านแล้วจึงพูดว่า
"เถ้าแก่ อาตมาขอเตือนนะ อยากให้เถ้าแก่พัก ๆ งานเสียบ้าง มัวยุ่งกับงานก็ไม่มีเวลาพักผ่อน นี่อาตมาจะบอกอะไรให้ เถ้าแก่สวดมนต์นะ สวดอิติปิโสทุกเวลาได้ไหม ทำอะไรก็สวดไปด้วย กี่จบก็ไม่ต้องไปนับ ขอให้สวดตลอดเวลาก็แล้วกัน ทำได้ไหม"
"ผมสวดไม่เป็นครับหลงพ่อ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาตมาจะจดให้ สวดไม่เป็นก็อ่านเอา อ่านแล้วก็ท่องไม่มากหรอก แค่สามบรรทัดเอง" แล้วท่านก็ล้วงลงไปในย่าม หยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาเขียนบทสวดพุทธคุณส่งให้นายฮิม ฝ่ายนั้นรับมาอ่านทีละคำ ๆ อย่างยากเย็น
"อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชา จะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวา ติ" อ่านจบก็โอดครวญว่า
"อ่านยากจังครับหลงพ่อ"
"ไม่ยากหรอก เถ้าแก่อ่านถูกทุกตัวเลย อ่านซ้ำหลาย ๆ หนก็จะจำได้เอง เริ่มตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลยนะ" ท่านแนะ "ทางสวรรค์" ให้ เพราะหากนายฮิมสวดพุทธคุณอยู่ตลอดเวลา จิตก็อาจเป็นสมาธิได้ เมื่อเขาดับจิตลงในขณะที่จิตผ่องใส สุคติย่อมเป็นที่หมาย ท่านช่วยเขาได้เพียงเท่านี้
"แล้วทำไมไม่เอาศพไปไว้ที่วัดป่ามะม่วงล่ะ แล้วนี่จะเผากันที่วัดไหน" ท่านกลับมาพูดเรื่องศพเจ๊นวลศรี
"แม่แกไม่ตายหรอกครับ หลงพ่อ" นายฮิมบอก
"อ้าว ทำไมถึงเป็นยังงั้นไปได้ ก็อาตมากับเจ๊ก็รู้ตรงกันนี่นาว่าวันที่ ๑๗ เขาจะไปแล้ว" ท่านนึกสงสัยแล้วก็ให้นึกไปถึงคำพูดของนายสมชายเมื่อสามสี่วันก่อนที่ว่า "ถึงคราวแล้วแต่ไม่ตาย หรือตายทั้งที่ยังไม่ถึงคราว"
"ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับหลงพ่อ" นายฮิมว่า เขายิ่งนึกไม่เชื่อถือทั้งแม่ยาย ทั้งหลวงพ่อที่ทำเป็นรู้ว่าวันนั้นวันนี้จะตาย ที่แท้ก็เพ้อเจ้อทั้งเพ คนที่เก่งแต่เรื่องทำมาหากิน แต่เรื่องธรรมะไม่กระเตื้องเลยนั้น ก็ต้องคิดอย่างนายฮิมทุกคน นักปฏิบัติธรรมเท่านั้นจึงจะรู้ว่าทุกสิ่งเป็นอนิจจัง หาความเที่ยงแท้มิได้
"แล้วตอนนี้เขายังอยู่ข้างบนหรือเปล่า อาตมาขอขึ้นไปเยี่ยมได้ไหม" ท่านขออนุญาตเจ้าของบ้าน
"ไปอยู่โรงพยาบาลศิริราชแล้วครับหลงพ่อ ผมเหมารถพาไปตั้งแต่เช้าวันที่ ๑๗ เห็นหมอเขาว่าจะผ่าตัดให้ ไม่รู้อะไรกันนักหนา ทีก่อนหน้านี้ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับสักแห่งเดียว ทั้งจุฬาฯ รามา ศิริราช ไม่ยอมรับเลย บอกแต่ว่าให้กลับไปตายที่บ้าน บอกผมนะครับ ไม่ได้บอกแม่โดยตรง แต่แม่แกก็รู้เลยให้พากลับบ้าน แล้วนี่ก็ให้พาไปศิริราชอีก ผมบอกเดี๋ยวหมอเขาก็ไล่กลับมาอีกหรอก แกก็ว่าไม่ไล่หรอกน่า แล้วเขาก็ไม่ไล่จริง ๆ เห็นว่า วันที่ ๑๙ จะผ่าตัดให้ มันก็แปลกอยู่เหมือนกันนะครับหลงพ่อ นี่ผมก็ต้องมาคุมลูกน้องขายอาหาร ส่วนอาเน้ยและลูก ๆ เขาเฝ้าไข้อยู่ทางโน้น" ลูกเขยเจ๊นวลศรีรายงาน
"เอ แปลกจริง ๆ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้ เอาละ ถ้าอย่างนั้นอาตมาเห็นจะต้องขอลา จะไปเยี่ยมเขาหน่อย อยู่ตึกอะไรล่ะ"
"ตึกอะไรผมก็จำไม่ได้เสียแล้วละครับ หลงพ่อไปถามประชาสัมพันธ์ก็แล้วกัน จะไปวันนี้เลยหรือครับ"
"ใช่ ไปเดี๋ยวนี้เลยเชียวแหละ อาตมาเป็นคนใจร้อน อยากจะรู้เรื่องเร็ว ๆ ว่าทำไมมันถึงเป็นยังงั้นไปได้ อาตมาลาละนะ"
"ครับ นิมนต์ครับ" นายฮิมเดินไปส่งท่านถึงรถ นายสมชายยกมือไหว้นายฮิมพร้อมเอ่ยปากลา
"หลวงพ่อท่านสอนไว้ว่าคนดีมีสัมมาคารวะนั้นเขาต้อง "ไปลา มาไหว้" ก็ต้องเชื่อท่าน" เขานึกในใจ
"เดี๋ยวแวะเติมน้ำมันที่ปั้มข้างหน้านั่นหน่อย เติมเต็มถังเลย" ท่านสั่งคนขับรถ
"ถ้าเต็มถังมันก็ไม่หน่อยแล้วละครับหลวงพ่อ" ชายหนุ่มอดยั่วไม่ได้
"ปลาหมอตายเพราะปาก" ท่านพระครูพูดลอย ๆ
"พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" ลูกศิษย์วัดพูดลอย ๆ เช่นกัน เติมน้ำมันเรียบร้อยแล้วเขาจึงพูดอีกว่า
"หลวงพ่อครับ ตั้งแต่ผมรู้จักหลวงพ่อมา ผมยังไม่เคยเห็นว่าหลวงพ่อพูดอะไรแล้วไม่จริงเลยสักครั้ง เพิ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่หลวงพ่อพูด ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นล่ะครับ ใคร ๆ เขาก็ว่าหลวงพ่อปากศักดิ์สิทธิ์ แต่คราวนี้ไหงมากลับกลายเป็นอื่นไปเสียได้"
"มันก็แปลกนะสมชาย ฉันเองก็ยังงงอยู่เหมือนกัน"
"หรือว่า "เห็นหนอ" ของหลวงพ่อหมดสมรรถภาพเสียแล้ว"
"เป็นไปไม่ได้ มันจะต้องมีอะไรสักอย่างอย่างแน่นอน เพียงแต่ฉันยังไม่รู้เท่านั้นว่าอะไรที่ว่านั้นมันคืออะไร"
"โอ๊ย หลวงพ่อครับ น้อย ๆ หน่อยครับ พูดวกวนจนผมเวียนหัวแล้ว อะไร ๆ ของหลวงพ่อน่ะ มันคืออะไรเล่าครับ"
"ก็เพราะยังไม่รู้ว่า อะไรเป็นอะไรน่ะซี ฉันถึงยังไม่มีอะไรมาตอบเธอ" ท่านพระครูตั้งใจยั่ว
"แล้วไปถึงโรงพยาบาลจะรู้ไหมครับนี่"
"ก็ยังไม่รู้ว่าจะรู้หรือเปล่าเพราะยังไม่รู้อะไร"
"อะไรอีกแล้ว หลวงพ่อครับ ผมขอซื้อเถอะ"
"ซื้ออะไร เธอจะซื้ออะไรหรือ"
"ก็ซื้ออะไรนั่นแหละครับ"
"ซื้อเท่าไหร่ ซื้อไปทำอะไร"
"ซื้อไปเก็บไว้ หลวงพ่อจะขายเท่าไหร่ล่ะครับ"
"เธอมีเงินเท่าไหร่ล่ะ"
"ก็ไม่มากนักหรอกครับ ดูเหมือนจะยังไม่ถึงร้อยล้าน"
"หัวล้านน่ะไม่ว่า"
"ไม่ล้านหรอกครับ ผมคนผมดก ตระกูลผม ผมดกปกไหล่ทั้งนั้น"
"ก็คอยดูไปแล้วกัน อีกไม่นานก็รู้"
"ครับ แล้วผมจะคอยดู อาจจะพลิกล็อคเหมือนรายป้านวลศรีก็ได้"
"เอาละนะเลิกพูดกันแล้วนะ ทีนี้ฉันจะนั่งหลับตาละ" แล้วท่านก็หยุดพูดเพราะต้องการจะแผ่เมตตาให้พวกสัมภเวสีที่คอยขอส่วนบุญอยู่ข้างถนนหนทาง เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าท่านจะมา
ถึงโรงพยาบาลศิริราช นายสมชายลงไปถามที่ประชาสัมพันธ์ก่อนแล้วจึงมานิมนต์ท่านพระครูซึ่งนั่งรออยู่ในรถ
"แม่ หลวงพ่อท่านมาเยี่ยม" นางเน้ยปลุกมารดาซึ่งกำลังหลับอยู่เพราะความอ่อนเพลีย
"ไม่ต้องปลุก โยมไม่ต้องปลุก ปล่อยให้เขาพักผ่อนตามสบายเถอะ ท่านพระครูห้ามไว้
แม้รู้สึกอ่อนเพลียและเจ็บแผล หากเจ๊นวลศรีก็ประคองสติไว้ได้ นางลืมตาแล้วยกมือไหว้ท่านพระครู
"หลวงพ่อ เป็นพระคุณเหลือเกินที่อุตส่าห์มาเยี่ยมฉัน เน้ยช่วยหมุนเตียงขึ้นให้แม่หน่อย" นางสั่งบุตรสาวเพราะเจ็บแผลจนไม่อาจลุกนั่งได้
"เรื่องมันไปยังไงมายังไงกันล่ะเจ๊ พอจะเล่าให้อาตมาฟังได้ไหม อาตมาอยากรู้" คนเจ็บจึงเล่าเสียงดังฟังชัดว่า
"เรื่องมันแปลกมากจ้ะหลวงพ่อ ฉันเองก็ยังนึกว่าฝันไป คือเมื่อตอนเย็นวันที่ ๑๖ ได้มีคนมาเยี่ยมไข้ เขาเป็น มัคทายกวัดข้างบ้านฉัน คุยกันไปคุยกันมาเขาก็เล่าให้ฟังว่า กำลังหาเงินสร้างโบสถ์วัดในหมู่บ้านจวนเสร็จแล้ว ยังขาดแต่ช่อฟ้าใบระกาและหางหงส์ ฉันก็เกิดศรัทธาอยากทำบุญ เลยขอทำบุญกับเขาไปสองหมื่น ฉันดีใจมากที่กำลังจะตายอยู่แล้วก็ยังมีโอกาสได้ทำบุญเป็นครั้งสุดท้าย
คืนนั้นฉันก็นอนกำหนด "พองหนอ ยุบหนอ" เช่นทุกครั้ง แต่แปลกที่ว่ามันอิ่มอกอิ่มใจจนลืมความเจ็บปวดทางกาย ฉันก็นอนทำกรรมฐานไปเรื่อย ๆ พอจิตเป็นสมาธิก็เกิดนิมิต บอกว่า "พรุ่งนี้ยังไม่ตาย ให้ไปโรงพยาบาลศิริราช หมอเขาจะผ่าตัดให้"
พอเกิดนิมิตอย่างนี้ฉันก็หลับ หลับสบายเลยจ้ะหลวงพ่อ พอตีสี่สิบนาที ซึ่งเป็นเวลาที่ฉันจะต้องตาย ฉันก็ตื่น รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าก็รู้ว่าไม่ตายแน่ ลูกหลานเขาก็มาเฝ้าจะคอยดูใจ พอเห็นฉันไม่ตายก็ยินดีปรีดากันใหญ่ ฉันจึงบอกนายฮิมเขาว่าให้ไปว่าจ้างรถไปส่งฉันที่โรงพยาบาลศิริราช เขาก็จัดการให้ พอถึงโรงพยาบาล หมอเขาก็ตรวจอีกครั้งแล้วบอกว่าตกลงจะผ่าตัดให้
"เจ๊ผ่าตัดเมื่อวานใช่ไหม เห็นนายฮิมบอก"
"จ้ะ นี่ถ้าไม่ได้เรียนฝึกสติมาจากหลวงพ่อ ป่านนี้ก็คงนอนสลบไสลไม่รู้สึกตัวเพราะมันมึนมากเลยจ้ะหลวงพ่อ เจ็บแผลก็เจ็บ ฉันก็นอนกำหนด "เจ็บหนอ เจ็บหนอ" ก็คลายความเจ็บปวดไปมาก ฉันเห็นประโยชน์ของกรรมฐาน ก็ตอนเจ็บป่วยนี่แหละจ้ะ ต้องขอบพระคุณหลวงพ่อที่เมตตาสอนให้
"ไม่ต้องขอบคุณอาตมาหรอกเจ๊ เป็นที่ตัวเจ๊นั่นแหละ เพราะคนที่เขาไม่เอากรรมฐานก็มีถมเถไป" ท่านนึกไปถึงนายฮิม
"แหม หลวงพ่อหลอกให้พวกหนูตัดชุดกงเต็กเก้อ ที่แท้อาม่าก็ไม่ตายสักหน่อย" นางสาวกิมเจ็งต่อว่าต่อขาน
"ไม่เป็นไรหรอกหนู ไม่เก้อหรอก อีกสามวันก็ได้ใช้" ท่านบอก เพราะอีกสามวันนายฮิมจะต้องตาย และคราวนี้จะไม่ "ฟลุ้ค" เหมือนเจ๊นวลศรี เพราะนายฮิมไม่ได้ปฏิบัติกรรมฐาน
"ใช้งานใครคะหลวงพ่อ ใครจะตาย"
"เอาเถอะอย่างเพิ่งถาม หลวงพ่อว่าได้ใช้ก็ต้องได้"
หลวงพ่อจ้ะ ที่ฉันไม่ตายนี่เพราะอานิสงส์ของบุญใช่ไหมจ๊ะ" คนเจ็บถามเสียงใส
"ถูกแล้วเจ๊ บุญที่ว่านี่ถ้าจะจัดเป็นกรรมก็ต้องเรียกว่าเป็น อุปฆาตกกรรม หรือกรรมตัดรอน กรรมชนิดนี้มันจะพลิกแผ่นดินเชียวละ คือถ้าดีก็จะดีสุดยอดไปเลย แต่ถ้าชั่วก็จะชั่วสุดยอดเหมือนกัน อุปฆาตกกรรมมีกำลังแรงมาก เห็นไหมว่ามันเปลี่ยนจากตายเป็นไม่ตายได้ พูดง่าย ๆ ก็คือพอบุญเก่าเจ๊หมด บุญใหม่ก็มาให้ผลทันตา บุญใหม่นี้ก็คือการที่เจ๊ทำบุญสร้างโบสถ์กับมัคทายกคนนั้น เจ๊เกิดปีติมากที่ได้ทำบุญเป็นครั้งสุดท้าย บุญนั้นให้ผลทันตาเห็น เลยไม่ต้องตาย ทั้งที่จะต้องตายแน่ ๆ แล้ว เรื่องอย่างนี้ก็เคยมีนะ ในสมัยพุทธกาลก็เคยเกิดขึ้นแล้ว อย่าฟังไหมล่ะ"
"อยากค่ะ" นางเน้ยและลูก ๆ ตอบพร้อมกัน นายสมชายก็ตั้งใจฟังอยู่
"ในสมัยพุทธกาล มีสามเณรองค์หนึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระสารีบุตร บวชตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ ชื่อสุข ใคร ๆ เขาเรียกท่านว่าสุขสามเณร เมื่อสุขสามเณรอายุจวนจะครบเก้าขวบ ท่านพระสารีบุตรก็รู้ว่าลูกศิษย์ของท่านจะต้องเสียชีวิตเพราะบุญหมด ท่านจึงบอกให้สุขสามเณรทราบ พร้อมทั้งแนะนำให้ไปล่พ่อแม่ซึ่งอยู่อีกตำบลหนึ่ง
สุขสามเณรจึงลาพระสารีบุตร แล้วเดินทางไปหาบิดามารดาเพื่อแจ้งข่าวให้ทราบว่าท่านจะตายเมื่ออายุเก้าขวบ ขณะเดินทางไป ท่านผ่านหนองน้ำแห่งหนึ่งซึ่งน้ำกำลังแห้ง พวกปู ปลา เต่า กำลังกระเสือกกระสนอยู่ในเลน จะตายมิตายแหล่ สุขสามเณรเกิดความสงสาร จึงเก็บเอามาใส่จีวรห่อไปปล่อยยังหนองน้ำใหญ่ แล้วจึงสรงน้ำ ซักจีวรในหนองน้ำนั้น เสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปจนถึงบ้าน ล่ำลาบิดามารดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางกลับมาอยู่กับอาจารย์
ครั้นถึงวันที่จะตายกลับไม่ตาย พระสารีบุตรสงสัยจึงสอบถามดูก็ได้รู้ว่าอานิสงส์ที่ช่วยสัตว์เหล่านั้นให้รอดพ้นจากความตายนั่นเองที่มาช่วยต่ออายุลูกศิษย์ให้ยืนยาวต่อไปอีก สุขสามเณรอยู่กับพระสารีบุตรจนอายุครบบวชในคัมภีร์กล่าวว่าท่านบรรลุอรหัตตผลตั้งแต่อายุได้ ๗ ขวบ
"สาธุ" คนเจ็บยกมือขึ้น "สาธุ" เมื่อท่านเล่าจบ
"โยมเห็นหรือยังว่าบุญกรรมนั้นมีจริง คนที่ทำบุญไว้มาก ๆ พอถึงคราวคับขันบุญก็ช่วยได้ อาตมาถึงอยากให้คนเขาเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ แต่ก็นั่นแหละ จะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของเขา คนที่มีกรรมชั่วเกินหกสิบเปอร์เซ็นต์ อาตมาก็ไม่อาจทำให้เขาเชื่อได้ อย่างเช่นเมื่อสี่ห้าวันก่อนมีทหารคนหนึ่งเขามาหาอาตมา อาตมาก็เห็นกฎแห่งกรรมของเขาว่า จะต้องตายในวันนี้ เลยบอกเขาเขาว่า ผู้พันนอนวัดเถอะ อาตมาจะสอนกรรมฐานให้ เขาก็บอกนอนไม่ได้หรอกหลวงพ่อ ผมห่วงบ้าน อาตมาก็รู้แล้วว่า เขาเพิ่งได้เด็กคราวลูกมาเป็นเมีย เมียลับ ๆ นะ เขาก็ห่วงเด็กคนนี้ไม่ยอมเชื่อ อาตมาก็บอกตรง ๆ ว่า ถ้าท่านออกไปจะต้องประสบอุบัติเหตุ ขอให้เชื่ออาตมาเถอะ เขาก็ไม่ยอมเชื่อเพราะจิตใจไปอยู่กับเมียเด็กเสียแล้ว ในที่สุดก็ขับรถออกจากวัดไป พอถึงอ่างทองก็ไปเจอกับรถบรรทุกตายคาที่เลย"
"แสดงว่ากรรมหนักมากใช่ไหมคะหลวงพ่อ" นางเน้ยถาม
"ถ้าไม่หนักเขาก็ต้องเชื่อที่อาตมาบอกแล้วน่ะซี"
"ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ" นางสาวกิมเจ็งถาม
"กำลังปีนยอดงิ้วอยู่ในนรกโน่นแหละ ใครไม่เชื่อว่านรกมีจริงก็ทำชั่วให้มาก ๆ เข้านะหนูนะ" ท่านหันไปพยักพเยิดกับนางสาวกิมฮวยซึ่งนั่งฟังอย่างเดียว ไม่ยอมพูดจา
"แต่หนูเชื่อค่ะหลวงพ่อ หนูเชื่อเหมือนที่อาม่าเชื่อ แต่เตี่ยกับแม่เขาไม่ค่อยเชื่อ รวมทั้งพี่กิมเจ็งด้วย" นางสาวกิมฮวยว่า
"ก็เธอมันคนหัวโบราณนี่ยะ คนสมัยใหม่เขาไม่เชื่อกันหรอก ฉันคนสมัยใหม่ย่ะ" นางสาวกิมเจ็งว่าให้น้องสาว
"จริงหนู คนสมัยใหม่เขาไม่เชื่อนรกสวรรค์อย่างที่หนูว่ามานั่นแหละ แต่หนูเชื่อไหมคนที่ตายไปตกนรกมาที่สุดก็เป็นพวกคนสมัยใหม่ทั้งนั้น ไม่เชื่อหนูจะลองไปดูก็ได้" ท่านบอกหลานสาวคนโตของเจ๊นวลศรี...
บ่ายสองโมง ของวันเสาร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ขณะที่ท่านพระครูกำลัง "รับแขก" อยู่ที่กุฏิชั้นล่าง นางสาวกิมเจ็งก็เดินร้องไห้กระซิก ๆ เข้ามา
"หลวงพ่อ เตี่ยตายแล้ว" หล่อนตะโกนข้ามศีรษะแขกเหรื่อที่นั่งเบียดเสียดกันอยู่หน้าอาสนะ
"อ้าว อีหนู ตะโกนข้ามหัวแม่ผัวซะแล้ว" สตรีวัยกลางคนพูดขึ้น นางกำลังหงุดหงิดเพราะยังอีกนานกว่าจะถึง "คิว"
"ฉันยังไม่มีผัว ถ้าจะมี ก็ไม่เอาคนอย่างลื้อมาเป็นแม่ผัวหรอก" สาววัยเต็มยี่สิบยังมีแก่ใจเถียง" โกรธผู้หญิงคนนั้นเลยหยุดร้องไห้
"ไหนเข้ามาพูดใกล้ ๆ ซิ ญาติโยมโปรดหลีกทางให้เขาเข้ามาหน่อย" ท่านพระครูออกคำสั่ง บุตรสาวนายฮิมจึงเดินแหวกผู้คนเข้ามา จะค้อมหลังให้สักนิดก็ไม่มี
"โอ๊ย....กิริยามารยาทยังงี้ ฉันก็ไม่เอามาเป็นลูกสะใภ้ให้ปวดกบาลฉันหร็อก" หญิงคนเดิมว่าอีก หากคราวนี้นางลดเสียงลง ด้วยไม่ต้องการให้คนถูกว่าได้ยิน
"ไงล่ะหนู เตี่ยตายเมื่อไหร่ แล้วเจ๊นวลศรีออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือยัง" ท่านเจ้าของกุฏิถาม
"ตายเมื่อตอนเที่ยงนี่เองค่ะ แม่ให้หนูมาบอกหลวงพ่อว่า จะเอาศพมาไว้ที่วัดนี้ อาม่ายังอยู่โรงพยาบาล"
"จะมาสวดกงเต็กที่นี่หรือ คงไม่ได้หรอกหนู เพราะเสียงจะไปรบกวนคนที่มาเข้ากรรมฐาน เอาไว้ที่บ้านนั่นแหละ จะเผาหรือฝังล่ะ"
"ยังไม่รู้เลย แม่ว่าต้องรอถามอาม่าก่อน สงสัยอาม่าแกคงรู้ว่าเตี่ยจะตายวันนี้ แกบอกให้หนูกับแม่กลับบ้านมาดูเตี่ย บอกถ้ามีปัญหาอะไรให้มาถามหลวงพ่อ ที่หลวงพ่อพูดเมื่อวันไปเยี่ยมอาม่าว่า อีกสามวันพวกหนูก็จะได้ใช้ชุดกงเต็กน่ะ แปลว่าหลวงพ่อรู้ว่าเตี่ยจะตายใช่ไหม ทำไมหลวงพ่อไม่บอกตั้งแต่วันนั้น หลวงพ่อน่าจะช่วยเตี่ย อย่างน้อย ๆ ก็ให้น้องสามคนเรียนจบเสียก่อน" หล่อนรายงานแถมท้ายด้วยการต่อว่าท่านพระครู
"ทำไม่หลวงพ่อจะไม่ช่วย หลวงพ่อช่วยจนสุดความสามารถแล้ว แต่เตี่ยหนูเขาไม่ช่วยตัวเอง ชวนมาเข้ากรรมฐาน ก็ไม่มา ให้เอาแผ่นสวดมนต์ที่อาม่ามาสวด ก็ไม่เอา ครั้งหลังสุดหลวงพ่ออุตส่าห์จดบทสวดพุทธคุณให้ไปท่อง เขาก็ไม่ยอมท่องอีก ห่วงแต่เรื่องทำมาหากิน เสร็จแล้วเป็นยังไง นี่แหละเป็นเพราะเขาไม่ยอมเชื่อหลวงพ่อ ไม่ยอมเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ถึงตัวหนูเองก็ไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ"
"หนูเป็นคนสมัยใหม่นี่คะ เอาเถอะ หนูกำลังเศร้าโศก ไม่อยากเถียงกับหลวงพ่อ ตกลงหนูจะไปบอกแม่ว่าหลวงพ่อให้เอาศพไว้ที่บ้าน งั้นหนูลาละ จะไปตามน้องสาวสามคน ที่เรียนอยู่ลพบุรี" หล่อนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ นึกขัดเคืองมารดาที่ส่งหล่อนมาขอความช่วยเหลือจากท่าน ที่จริงแล้วหล่อนไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ เลย
"ไม่ต้องไปตามหรอกหนู น้องเขารออยู่ที่บ้านแล้ว กลับไปช่วยแม่เขาเถอะ แล้วก็ไม่ต้องไปบอกหนูกิมฮวยที่กรุงเทพฯ หรอก อาม่าหนูเขาคงบอกแล้ว" ท่านพระครู "ช่วยเหลือ" ทั้งที่ฝ่ายนั้นคิดว่าท่านมิได้ช่วยอะไรเลย
"หนูไปละหลวงพ่อ" หล่อนกราบเหมือนไม่เต็มใจ แล้วลุกเดินดุ่ม ๆ ออกมาเหมือนเมื่อตอนเข้าไป
"แหม กิริยายังกะม้าดีดกระโหลก แบบนี้หลวงพ่อให้มาเป็นลูกศิษย์ได้ยังไงคะ" สตรีวัยกลางคนได้โอกาสนินทาลับหลัง
"จะเป็นม้าดีดกระโหลกหรือช้างดีดกระโหลก อาตมาก็ต้องรับทั้งนั้นแหละโยม ที่วัดป่ามะม่วงไม่มีการสอบคัดเลือก แต่น้องสาวเขาเรียบร้อยดีนะ คนที่ชื่อกิมฮวยที่อาตมาพูดถึงน่ะ ส่วนแม่หนูคนนี้เขาชือกิมเจ็ง" ท่านพระครูถือโอกาสอธิบายทั้งที่ไม่มีผู้ถาม
"จริงหรือคะ ไม่น่าเป็นไปได้ พี่น้องก็น่าจะเหมือน ๆ กัน"
"ไม่เสมอไปหรอกโยม โบราณเขาถึงสอนเอาไว้ว่า "ไม่ไผ่ยังต่างปล้อง พี่น้องยังต่างใจ" มันต่างกรรมต่างวาระ จะให้เหมือนกันได้ยังไง
"โอ้โฮ หลวงพ่อพูดเกือบเป็นกลอนเลยครับ" บุรุษที่นั่งหน้าสุดเอ่ยปากชม
"อ้อ ยังงั้นหรือ กลอนประตูหรือกลอนหน้าต่างล่ะโยม" ท่านถามยิ้ม ๆ ผู้ที่นั่ง ณ ที่นั้น ไม่มีผู้ใดกล้าคิดปฏิเสธว่า ยิ้มของท่านไม่สวย
"ไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ กลอนในที่นี้หมายถึงบทกลอน หลวงพ่อพูดเกือบเหมือนบทกลอน ที่ว่าเกือบเหมือนหมายความว่ายังเหมือนไม่หมด คือเหมือนครึ่งหนึ่ง ไม่เหมือนครึ่งหนึ่งครับ" เขาอรรถาธิบาย ท่านพระครูรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่า ลักษณะการพูดแบบนี้ น้ำเสียงอย่างนี้ เหมือนใครหนอ แล้วก็นึกออกว่าเหมือนนายสมชาย ลูกศิษย์ก้นกุฏิของท่านนั่นเอง
"เอาละ ใครมีอะไรก็ว่าไป วันนี้อาตมาเห็นจะต้องเลิกเร็วหน่อย จะไปเยี่ยมศพเตี่ยของแม่หนูคนนั้น"
"ยายม้าดีดกระโหลกน่ะหรือคะ" หญิงกลางคนถือโอกาสว่าอีก
"อย่าเก็บเรื่องของคนอื่นมาเป็นอารมณ์เลยโยม อาตมาขอร้องเถอะ เขาจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขา ก็กรรมเขาทำมาอย่างนั้น" ท่านเจ้าของกุฏิกล่าวเตือน สตรีนั้นจึงสงบปากสงบคำลง
นายทหารยศพันโทวัยสามสิบเจ็ดก้มลงกราบท่านพระครูสามครั้ง แล้วจึงเริ่มเรื่อง เขามาถึงก่อนใครเพื่อนจึงได้ "พูดธุระ" กับท่านเป็นคนแรก
"หลวงพ่อครับ ผมรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ เพราะบารมีของหลวงพ่อคุ้มครอง" พูดอย่างสำนึกในบุญคุณของท่าน
"ถ้าไม่ได้หลวงพ่อ ป่านนี้ผมคงสิ้นชื่อไปแล้ว"
เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงมองหน้าเขาอย่างพินิจ จึงรู้ว่า บุรุษนี้เคยมาหาท่านเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา และท่านก็ "เห็น" ว่าเขาจะต้องตายเพราะตกจากที่สูง จึงแนะนำให้มาเข้ากรรมฐานเป็นเวลาสองสัปดาห์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เขาปฏิบัติตามด้วยการไปทำเรื่องลาราชการ แล้วมาปฏิบัติกรรมฐานอย่างเคร่งครัด จนครบสิบสี่วัน และเมื่อเขาลากลับ ท่านก็ "เห็น" ว่า เขา "ปลอดภัย" แล้ว
"พอจะเล่าสู่กันฟังได้หรือเปล่า ถ้าได้ อาตมาอยากให้ญาติโยมเขารับรู้ด้วย"
"ยินดีครับหลวงพ่อ แล้วผมก็เห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับคนฟังด้วย อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้รู้ว่า กรรมฐานนั้นมีอานิสงส์มาก สามารถทำให้คนที่ถึงที่ตาย รอดชีวิตได้อย่างน่าอัศจรรย์" แล้วจึงเล่าว่า หลังจากออกจากวัดแล้ว ก็ได้กลับไปทำงานตามปกติ เขาเป็นทหารพลร่มของค่ายทหารจังหวัดลพบุรี เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ไปฝึกซ้อมดิ่งพสุธาบริเวณเหนือพื้นที่เขตอำเภอชัยบาดาล และได้ประสบกับเหตุการณ์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้ใดมาก่อน
กล่าวคือ เมื่อเขาพุ่งตัวลงจากเครื่องบิน และดิ่งลงมากลางเวหานั้น ทหารคนที่ต่อจากเขา คงจะพุ่งตามมาก่อนเวลาที่กำหนด จึงมาชนกับเขาอย่างแรง วินาทีนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่ร่มของเขากางพอดี แรงปะทะทำให้เขาถึงกับสลบในทันที และคนที่ตกอยู่ในภาวะเช่นนั้นจะต้องตายเพราะร่างจะกระแทกกับพื้นเหมือนของที่ตกลงจากที่สูง ก่อนถึงพื้นดินทหารพลร่มจึงต้องโหย่งตัวขึ้นเพื่อจะได้ไม่กระทบกับพื้นแรงเกินไป แต่คนที่หมดสติย่อมไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นได้ และถ้าไปตกในน้ำก็ต้องจมน้ำตาย
ก่อนสัมปชัญญะจะดับวูบลง เขาระลึกถึงท่านพระครู และเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลประจำอำเภอ เขาไม่ได้ตกลงสู่พื้นดินหรือพื้นน้ำ หากไปค้างอยู่บนยอดไม้กลางป่า กว่าจะมีคนมาพบและนำส่งโรงพยาบาล ก็เกือบสาย เพราะแพทย์บอกว่าหากมาช้าอีกเพียงยี่สิบนาที ก็ไม่อาจช่วยชีวิตไว้ได้
"เป็นความบังเอิญอย่างมหัศจรรย์ที่สุดเลยครับหลวงพ่อ ชาวบ้านเล่าตอนผมฟื้นว่า ขณะที่ช่วยกันหามผมมาตามถนนลูกรัง ก็พลรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ พวกเขาจึงขอให้ช่วยเอาผมมาส่งโรงพยาบาล เจ้าของรถบอกผมช่างมีบุญจริง ๆ รถเขาเสียแก้อยู่ตั้งหลายชั่วโมง พอแก้เสร็จและกำลังจะไป ผมก็มาถึงพอดี พวกชาวบ้านยังบอกอีกว่าถ้าไม่ได้รถกระบะคันนั้น ผมก็คงไปไม่ถึงโรงพยาบาล เพราะแถวนั้นไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่าน สองสามวันจึงจะมีมาสักคันหนึ่ง เป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อแท้ ๆ ผมขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงที่ได้เมตตาช่วยชีวิตผม" เขาก้มลงกราบสามครั้ง
"ไม่ใช่บารมีของอาตมาหรอกผู้พัน บารมีของผู้พันเองนั่นแหละ เพราะถ้าผู้พันไม่ยอมเข้ากรรมฐาน อาตมาก็ช่วยอะไรไม่ได้"
"แต่ถ้าหลวงพ่อไม่บอกผม ผมก็ไม่ได้มาเข้า ผมถึงว่ารอดตายคราวนี้เพราะบารมีของหลวงพ่อ" นายทหารพยายามพูดยกความดีให้ท่านพระครู
"เอาละ ถ้าอย่างนั้นอาตมาก็อยากสรุปให้ญาติโยมฟังว่า การปฏิบัติกรรมฐาน เป็นการสร้างบารมี ขอให้เร่งปฏิบัติกันเข้า ทำให้ได้ทุกวัน เป็นการสะสมหน่วยกิต นะญาติโยมนะ"
"แล้วคนที่ชนกับผู้พัน ตายหรือเปล่าคะ" เสียงใส ๆ ถามขึ้น คนถูกถามหันไปทางเจ้าของเสียง ก็พบสตรีสาวหน้าตาน่ารัก ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
"ไม่ตายหรอกครับ" แล้วหันมาทางท่านเจ้าของกุฏิ พลางกล่าวต่อไปว่า
"น่าแปลกนะครับหลวงพ่อ คนที่เขาชนผม เขาไม่เป็นอะไรเลย แล้วเขาก็คิดว่าผมไม่เป็นอะไรเหมือนกัน ที่ไหนได้ ผมเกือบไม่มีโอกาสได้มากราบเรียนให้หลวงพ่อทราบเสียแล้ว"
"นั่นแหละ เจ้ากรรมนายเวรของผู้พันแหละ เมื่อชาติก่อนเคยเป็นเพื่อนกันแล้วผู้พันก็ทำให้เขาตายโดยไม่ได้ตั้งใจ มาชาตินี้ เขาก็เลยทำให้ผู้พันตายโดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน ถ้าไม่มาเข้ากรรมฐาน รับรองป่านนี้ฌาปนกิจไปแล้ว" ท่านถือโอกาสสอนญาติโยมว่า
"ท่านทั้งหลายเห็นหรือยังว่า เรื่องของกรรมนั้นซับซ้อนเหลือเกิน ขนาดทำให้เขาตายโดยไม่มีเจตนา ก็ยังต้องมาชดใช้ เหมือนอย่างอาตมาเคยเหวี่ยงท่อนไม้ไปถูกสุนัขเลือดไหลออกจมูก วันดีคืนดีอาตมาก็ถูกเสาเต๊นท์หลุดพุ่งมาปะทะหน้า เลือดไหลออกจมูกเหมือนกัน ดีนะที่แว่นตาไม่แตก" ท่านชี้แว่นที่สวมอยู่
"ที่แว่นไม่แตก เพราะไม่ได้ทำกรรมไว้ คือสุนัขตัวนั้นมันไม่ได้สวมแว่น ถ้าสวมก็คงแตก แล้วแว่นอาตมาก็จะต้องแตกเหมือนกัน นี่อาตมาคิดเอาเองนะ" ผู้ที่นั่ง ณ ที่นั้นหัวเราะครืนในความมีอารมณ์ขันของท่าน
"กรรมที่ทำโดยไม่มีเจตนา ก็ต้องชดใช้หรือคะหลวงพ่อ" เสียงใส ๆ ถามอีก
"ไม่เสมอไปหรอกโยม อาตมาจะเปรียบเทียบให้เห็นง่าย ๆ สมมติอาตมาจะซื้อแก้วสักโหลหนึ่ง ก็เข้าไปเลือก เลือกไปเลือกมาเลยทำตกแตกไปใบนึง แบบนี้โดยมารยาทอาตมาต้องชดใช้เขา ใช่หรือเปล่า ถ้าแก้วราคาใบละ ๕ บาท ก็จะต้องจ่ายเขาไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีเจตนาจะทำให้แตก แต่ถ้าสมมุติเจ้าของร้านเขาบอกว่า "ไม่เป็นไรหรอกหลวงพ่อ ผมไม่คิดเงินหรอก" อย่างนี้แปลว่าเขาอโหสิ อาตมาก็ไม่ต้องใช้ แต่ทีนี้เจ้าสุนัขนั้นมันคงอาฆาตอาตมาก็เลยต้องชดใช้ไปตามระเบียบ เอาเถอะในเรื่องนี้ อาตมาขอสรุปสั้น ๆ ว่า "กรรมเก่าให้รีบใช้ กรรมใหม่อย่าไปสร้าง"
กรรมในที่นี้หมายถึงอกุศลกรรมนะ ไม่ได้หมายถึงกุศลกรรม เพราะถ้าเป็นกุศลกรรมเราจะต้องสร้างต้องเสริมเพื่อเพิ่มบารมีให้ตัวเอง คนที่มีบารมีมาก ๆ พอถึงคราวที่กรรมชั่วมาให้ผลก็ช่วยให้ทุเลาเบาบางลงได้ ในกรณีของผู้พัน แทนที่จะต้องเสียชีวิต ก็ทำให้เจ็บตัวแทน อยู่โรงพยาบาลกี่วันล่ะ" คนถูกถามกราบเรียนว่า
"เพิ่งออกเมื่อวานนี้เองครับ รุ่งเช้าผมก็มาหาหลวงพ่อเลย หมอเขาบอกอาการหนักมาก แต่ผมอยากมาหาหลวงพ่อเร็ว ๆ เลยภาวนาทุกวัน ปรากฏว่า หายวันหายคืนจนหมอเอ่ยปากชม" เขาเล่าอย่างปีติ
"แล้วคุณนาย ทำไมไม่มาด้วย เพิ่งฟื้นไข้น่าจะตามมาพยาบาล" ท่านแกล้งถามเพื่อเปิดทางให้เสียงใส ๆ รู้ว่านายทหารหนุ่มผู้นี้ยังเป็นโสด ก็ "เห็นหนอ" บอกว่า คนคูนี้เป็นเนื้อคู่กัน
"ผมยังไม่มีคุณนายหรอกครับหลวงพ่อ ก็ว่าจะให้หลวงพ่อช่วยหาแถว ๆ นี้ให้" พูดจบก็หันหลังไปสบตากับคนเสียงใส เจ้าหล่อนอายม้วยก้มหน้าดูพื้น ท่านพระครูพูดทีเล่นทีจริงว่า
"ตกลง ตกลง อาตมาจะช่วยหาให้ แต่ต้องรักกันจริงนะ ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน ห้ามนอกใจกันทั้งผู้หญิงผู้ชาย อาตมาไม่ชอบให้ผัวเมียนอกใจกัน สมัยนี้มีเยอะ ประเภทผัวนอกใจเมีย เมียนอกใจผัว อย่างนี้ไม่ดี ต้องรักกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน ทำได้ไหมเล่า"
"ได้ครับ" นายทหารโสดรับคำหนักแน่น
"แล้วโยมล่ะ ทำได้หรือเปล่า" ท่านถามเสียงใส ๆ"
"หนูอยู่นอกประเด็นค่ะหลวงพ่อ" หล่อนตอบด้วยเสียงใส ๆ รู้สึกอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
"อ้าว แล้วกัน อาตมาก็นึกว่าอยู่ในประเด็น หรือผู้พันว่ายังไง"
"ครับ ผมก็คิดอย่างนั้น กรุณาช่วยผมอีกครั้งเถิดครับหลวงพ่อ ช่วยให้ผมได้แต่งงานแต่งการเหมือนคนอื่น ๆ เขา แล้วผมจะไม่ลืมพระคุณเลย ชีวิตนี้ผมขอมอบให้หลวงพ่อเป็นผู้ลิขิตครับ" นายทหารหนุ่มใหญ่สาธยาย
"จริงหรือ ให้อาตมาลิขิตจริง ๆ น่ะหรือ" ท่านย้อนถาม
"จริงครับ" รับคำหนักแน่น
"งั้นมาบวชอยู่วัดกับอาตมาแล้วกัน จะได้ช่วยกันสงเคราะห์ญาติโยมเขา" คราวนี้คนมอบกายถวายชีวิตรีบแก้ตัวว่า
"ผมยังบุญไม่ถึงครับหลวงพ่อ อีกอย่างหนึ่งผมต้องรับใช้ชาติ ทหารเป็นรั้วของชาติ หากผมมาบวชเสีย รั้วของชาติก็จะแหว่งจะโหว่ เป็นช่องให้ศัตรูมารุกรานได้ครับ"
"งั้นก็เป็นทหารต่อไป แต่ทำไม่ถึงจะต้องแต่งงานด้วยล่ะ ไม่เห็นเกี่ยวกับหน้าที่เลย" ท่านลองใจอีก
"ก็ผมอยากมีหน่อเนื้อเชื้อไขไว้ดำรงวงค์ตระกูลน่ะครับ อีกหน่อยผมแก่เฒ่าลง รั้วของชาติก็ผุ ลูกผมจะได้มาเป็นรั้วแทนครับ"
"สรุปว่าที่อยากแต่งงานเพราะอยากมีลูก ว่างั้นเถอะ"
"ครับผม" รับคำพลางหันไปทำตาหวานใส่ "เสียงใส ๆ"
"งั้นก็ดีแล้ว ตรงประเด็นพอดี ผู้พันจะได้แต่งงาน แล้วก็จะได้ลูกทันใช้ เดี๋ยวจะจัดการให้ ตกลงนะ"
"ครับ ผมขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างสูง" ว่าแล้วก็ก้มลงกราบสามครั้ง ด้วยคิดว่าท่านจะจัดการให้แต่งกับ "คนเสียงใส"
"เอาละ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวอาตมาจะให้เด็กไปตามเจ้าสาวมาให้" ท่านหมายถึงนางสาวเตย
"เจ้าสาวไหนครับ" ถามอย่างผิดหวัง ท่านเจ้าของกุฏิจึงอธิบายว่า
"คือเมื่อสี่ห้าวันมานี่ มีผู้หญิงคนหนึ่งเขาท้องได้สี่เดือน มาขอบวชชี อาตมาไม่ให้เขาบวช แต่ให้ไปเข้ากรรมฐานอยู่กับพวกแม่ชี เขาท้องไม่มีพ่อ ผู้พันอยากแต่งงานก็ดีแล้ว อีกห้าเดือนได้ลูก ทันใจดีไหมล่ะ" คราวนี้คนอยากแต่งงานรีบปฏิเสธเสียงรัว
"ไม่ครับหลวงพ่อ ไม่ ที่เสนอมามันสำเร็จรูปเกินไป ผมยังไม่ใจร้อนขนาดนั้นหรอกครับ อีกประการหนึ่ง หากผมจะมีลูก ก็อยากได้แบบที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง โบราณสอนไว้ว่า "เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม" มันไม่ดีครับ"
"อ้อ ยังงั้นหรอกหรือ งันก็มีอีกคนหนึ่ง แต่เขากำลังป่วย ไว้ให้เขาหาย อาตมาจะจัดการให้ ผู้พันไม่ใจร้อนไม่ใช่หรือ" นายทหารหนุ่มใหญ่เห็นว่าท่านพูดนอกประเด็น จึงพูดตรงไปตรงมาตามวิสัยชายชาญทหารกล้า "ผมอยากแต่งงานกับคนที่นั่งข้างหลังน่ะครับ คนเสียงใส ๆ คนนี้" เขาชี้มาที่หญิงสาวเสียงใส เจ้าหล่อนรู้สึกอายจนพูดอะไรไม่ออก
"ได้ไหมครับหลวงพ่อ ช่วยผมให้แต่งงานกับคนนี้ได้ไหมครับ" เขาเว้าวอน หันไปสบตาหล่อน เลยถูกขว้างค้อนใส่ กระนั้นเขาก็คิดว่าหล่อนค้อนได้สวย ท่านพระครูจึงพูดเป็นงานเป็นการว่า
"เรื่องอย่างนี้มันไม่ใช่กิจของสงฆ์ อาตมาไปยุ่งด้วยไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะเป็นอาบัติ ให้ตกลงกันเอาเอง อาตมาไม่ขอเกี่ยวข้อง"
"แล้วสองรายแรก ทำไมหลวงพ่อจะจัดการให้ล่ะครับ" นายทหารหนุ่มใหญ่แย้ง
"สองรายนั่น อาตมาพูดเล่น เพราะรู้ว่าผู้พันไม่ยอมตกลงแน่ อาตมาอยากลองใจผู้พันเล่นเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก เอาละ โยมมีอะไรก็ว่าไป ถึงคิดแล้วไม่ใช่หรือ" ท่านพูดกับหญิงสาวเสียงใส
"คุณพ่อคุณแม่ให้หนูมานิมนต์หลวงพ่อไปงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ค่ะ" หญิงสาวบอก "ธุระ"
"ที่ไหน เมื่อไหร่" หล่อนบอกสถานที่ วัน เวลา นายทหารหนุ่มใหญ่ได้โอกาส จึงพูดขึ้นว่า
"หลวงพ่อครับ ผมขออนุญาตมารับหลวงพ่อไปงานนี้นะครับ"
"ผู้พันไม่ทำงานหรอกหรือ วันที่ ๒๘ เป็นวันพฤหัสนี่นะ"
"ผมลางานครึ่งวันได้ครับ"
"แล้วรู้จักบ้านงานหรือ" ท่านถามอีก
"ประเดี๋ยวผมขออนุญาตหลวงพ่อ ขับรถไปส่งเขาครับ บ้านอยู่ทางเดียวกัน" เขาสรุปง่าย ๆ
"หนูขับรถมาค่ะหลวงพ่อ" หญิงสาวเรียนท่านพระครู แล้วค้อนให้คนเสนอตัว
"งั้นผมขับตามไปก็ได้ครับ" เขาว่าอีก
"ตามใจ จะเอาอย่างนั้นก็ตามใจ ว่าแต่ว่าจำทางให้แม่น ๆ ก็แล้วกัน เกิดพาอาตมาหลง เดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์เขา" ท่านย้ำ
"รับรองครับ งั้นผมขอกราบลาเลยนะครับ"
ท่านพระครูหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาจด แล้วพูดกับหญิงสาวว่า
"เอาละ อาตมาจดไว้แล้ว ตกลงโยมจะให้ผู้พันเขามารับอาตมา หรือว่าจะให้ไปเอง"
"หนูต้องปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ก่อนค่ะ" หล่อนตอบเลี่ยงไปอีกทาง เสร็จธุระแล้วจึงลาท่านพระครู นายทหารหนุ่มใหญ่เดินตามหล่อนไปติด ๆ ทั้งที่ฝ่ายหญิงไม่ยอมพูดด้วย
"เขาเรียกว่าโชคสองชั้น ดูเอาเถอะ รอดตายมาอย่างปาฏิหาริย์แล้วยังมาได้พบเนื้อคู่" ท่านเจ้าของกุฏิพูดกับญาติโยมที่นั่งอยู่ ณ ที่นั้น
"เขาเป็นเนื้อคู่กันหรือคะหลวงพ่อ" สตรีวัยยี่สิบห้าถามอย่างนึกเสียดายนายทหารหนุ่มผู้นั้น ท่านพระครูรู้ใจ จึงตอบว่า
"ถูกแล้วโยม แต่เนื้อคู่ของโยมไม่ได้เป็นทหารหรอก อยากรู้ไหมล่ะว่าเป็นอะไร"
"อยากค่ะ หลวงพ่อกรุณาบอกหนูด้วยเถิดค่ะ"
"บอกก็ได้ เขาเป็นปลัดอำเภอจ้ะ แต่ตอนนี้เขาไปหลงรักนางเอกลิเก เลิกกันแล้วถึงจะมาเจอโยม เอาละบอกแค่นี้แหละ" แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า
"เอาละ ใครมีอะไรจะถามหรือจะปรึกษาเรื่องอะไร ก็เชิญได้" ท่านกวาดสายตาไปทั่ว ๆ แล้วพูดว่า
"แหม วันนี้คิวยาวจัง เสาร์อาทิตย์นี้ ควรจะต้องเพิ่มรอบเช้าอีกสักรอบ หรือคนจัดคิวว่ายังไง" ท่านถามนายขุนทอง ซึ่งนั่งสัปหงกอยู่เบื้องหลัง
"อ้าว หลับหรือ ขุนทองเอ๊ย" เรียกด้วยเสียงปกติ หากก็ทำให้คนถูกเรียกถึงสะดุ้ง
"หลวงลุงมีอะไรให้หนูรับใช้หรือฮะ" เขาถาม ก็ชงน้ำชากาแฟแจกหมดทุกคนแล้ว ไม่น่าจะมีงานอะไรอีก
"ข้าถามว่าวันเสาร์วันอาทิตย์นี่น่าจะเพิ่มรอบเช้าอีกสักรอบ เกรงใจญาติโยมเขาที่ต้องมาคอยนาน หรือเอ็งว่ายังไง"
"ก็ดีฮะหลวงลุง หนูกำลังจะปรึกษาหลวงลุงอยู่เหมือนกัน สองวันนี่เป็นวันหยุด คนมักจะมามากเป็นพิเศษ แต่หลวงลุงคงต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีก ทุกวันนี้ก็ได้จำวัดแค่วันละสองชั่วโมงเท่านั้น หนูไม่อยากให้ตรากตรำจนเกินไปเดี๋ยวหมอรู้เข้า ก็มาว่าหนูดูแลไม่ดีอีก แล้วอีกอย่าง...." พูดยังไม่ทันจบ ท่านพระครูก็ขัดขึ้นว่า
"พอ ๆ ไม่ต้องร่ายยาว แหมข้าถามนิดเดียว ตอบเสียยาวยืดเลย สมชายไปไหน ไปบอกมาดูรถได้แล้ว สักพักข้าจะไปงานศพ" ท่านสังการ
หลานชายลุกออกไปแล้ว จึงพูดกับญาติโยมว่า "ลูกศิษย์วัดป่ามะม่วงมีทุกแบบละโยม จะเอาแบบไหนล่ะ อย่างว่าแหละ ที่ดี ๆ เขาก็ไม่มีเวลามารับใช้ ที่มารับใช้ก็ไม่ค่อยจะเต็มบาทเต็มเต็งสักเท่าไหร่ ก็ต้องทน ๆ กันไป เอาละ ใครมีอะไรก็ว่าไป"
"หลวงพ่อคะ หนูมีปัญหากับแม่ผัวค่ะ" สตรีอายุสามสิบเศษเอ่ย หล่อนมากับน้าสาววัยห้าสิบ
"ปัญหายังไงล่ะโยม ไหนว่าไปซิ" หล่อนไม่พูด หากนั่งร้องไห้กระซิก ๆ คนเป็นน้าจึงพูดแทนว่า
"แม่ผัวเขาร้ายค่ะหลวงพ่อ แกล้งใช้งานสารพัด แถมยังไถเงินใช้ พอหลานฉันหาให้ไม่ทัน ก็ยุลูกชายให้มีเมียใหม่ แรก ๆ ลูกเขาก็ไม่เชื่อแม่เขา แต่ตอนนี้กำลังจะเชื่อค่ะ จำทำยังไงดีคะหลวงพ่อ"
"ก็เขามาขอหย่าจากหลานฉันน่ะซีคะ เขาว่าเขาเห็นแก่แม่ หาว่าหลานฉันไม่ดีกับแม่เขา" คนเป็นน้าอธิบาย
"ขอหย่าก็หย่าไปเลย จะได้หมดเรื่องหมดราว" ได้ยินดังนั้น คนเป็นลูกสะใภ้ก็ร้องไหหนักขึ้น ท่านพระครูจึงปลอบว่า
"ใจเย็น ๆ น่าโยม อาตมาลองใจเล่นเท่านั้น เดี๋ยวจะบอกวิธีแก้ให้รับรองว่าไม่ต้องหย่า" รู้สึกเห็นใจหญิงสาว เพราะรู้ซึ้งถึงหัวอกของคนเป็นสะใภ้ ที่มักจะถูกแม่ผัวกลั่นแกล้ง ในเจ็ดชาติที่ท่านระลึกนึกย้อนถึงอดีตได้นั้น มีชาติหนึ่งที่ท่านเกิดเป็นสะใภ้เขา แม้จะล่วงกาลผ่านพ้นมาแสนนานขนาดข้ามภพข้ามชาติ หากท่านก็ยังจำความขมขื่นในครั้งนั้นได้ดี จึงให้ข้อคิดกับคนฟังว่า
"ญาติโยมโปรดจำไว้ แม่ผัวกับลูกสะใภ้นั้น มักจะเป็นคู่เวรกันมาแต่ครั้งอดีตชาติ รายไหนก็รายนั้น ที่จะดีต่อกันอย่างจริงใจน่ะหายากเต็มที ถ้าใครมีแม่ผัวดี ต้องกราบเช้ากราบเย็นเชียวนา แล้วก็คุยได้เลยว่าเป็นคนโชคดีที่สุดในโลก อาตมาเข็ดแล้ว ไม่ยอมเป็นลูกสะใภ้ใครอีกแล้ว" ผู้ที่นั่งฟังพากันหัวเราะ คนเป็นลูกสะใภ้ก็หัวเราะทั้งน้ำตา
"ฟังแล้วห้ามเอาไปพูดต่อนะ สมัยที่อาตมาเป็นลูกสะใภ้เขาน่ะ โอ้โฮ ลำบากอย่าบอกใครเลย แม่ผัวเขาใช้งานไม่พัก ข้าวก็ให้กินทีหลัง กับข้าวก็ไม่มี อาตมาเลยต้องกินข้าวคลุกน้ำตาทุกวัน ถึงต้องหนีมาบวชไงล่ะ" คนฟังหัวเราะอีก ด้วยคิดว่าท่านพูดเล่น ท่านเองก็ต้องการให้เขาคิดเช่นนั้น เพราะหากจะบอกว่าเป็นเรื่องจริง ก็จะกลายเป็นว่าท่านอุตริมนุสสธรรม
"พวกแม่ผัวนี่ ทำไมมันถึงได้ร้ายนักนะคะหลวงพ่อ นี่ดีนะที่เป็นหลานฉัน ถ้าเป็นฉันละก็ ฮึ่ม" หล่อนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
"โยมจะทำยังไง เกิดโยมเป็นสะใภ้ และโดนแบบนี้ จะแก้ปัญหายังไง" ท่านซักอย่างนึกสนุก
"ฉันก๊อจะถลกหนังหัวแม่ผัวมาทำกลองน่ะซีคะ" คนฟังหัวเราะชอบใจ ท่านพระครูเองก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ โชคดีที่ไม่มี "แม่ผัว" นั่งอยู่ ณ ที่นั้นแม้แต่คนเดียว มิฉะนั้นก็คงสนุกกันยกใหญ่
"โอ้โฮ คิดเหมือนอาตมาเปี๊ยบเลย ตอนนั้นอาตมาก็คิดอย่างที่โยมว่ามานี่แหละ แต่เดี๋ยวนี้เลิกคิดแล้ว พอมาเป็นพระ เลยเลิกคิด"
"แหม ฉันชักอยากจะเป็นลูกสะใภ้เขาซะแล้วซีหลวงพ่อ" คนเป็นน้ารู้สึกดังที่ปากพูด
"ยังงั้นหรือ ตอนนี้โยมอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ"
"ห้าสิบค่ะ" สาววัยเที่ยงคืนตอบ
"อ้อ...อายุห้าสิบ ถ้าคิดอยากจะแต่งงาน อยากจะเป็นสะใภ้" เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงพูดยิ้ม ๆ บุรุษและสตรีที่นั่งในที่นั้นต่างก็มี "ใบหน้าอันเปื้อนยิ้ม" ด้วยกันทุกคน...



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนและผู้ที่มีจิตศรัทธาทุกท่าน ร่วมทำบุญสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ฯและพุทธมณฑลประจำจังหวัดอยุธยา
http://www.watsuttawasvi.com/


ขอเชิญร่วมทำบุญแบตเตอรีและซ่อมแซมกุฏิที่ถ้ำจั๊กต่อ
หากท่านใดมีจิตศรัทธา สามารถร่วมบุญได้ที่
อุษาวดี มาลีวงศ์
ธนาคารไทยพานิชย์
สาขาเทสโก้ โลตัส วังหิน ออมทรัพย์
เลขที่ 4031876826


เชิญร่วมสร้างพระพุทธรูปประจำตัว ประจำครอบครัว ประจำตระกูล
วัดม่อนป่าสัก โทร.๐๘๖-๙๑๔-๖๕๔๘


เชิญร่วมสมทบทุนสร้างเจดีย์ศรีสุทธาวาส บรรจุพระบรมสารีริกธาตุฯ
โทร...053-384684


ขอเชิญร่วมทำบุญเทพื้นคอนกรีตรอบองค์หลวงปู่ทวด ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ
โทรศัพท์ ๐๘-๕๐๓๗-๐๓๗๐


กองบุญละ 100 บาท ถวายพระสีวลี ประดิษฐานหน้าพระอุโบสถ วัดวังขอน จ.ฉะเชิงเทรา
085-361-4989<O </O


ขอเชิญชวนร่วมทำบุญสร้างพระสีวลี และพระสังกัจจาย ที่วัดถ้ำน้ำ จ.ราชบุรี
โดยสามารถโอนเข้าบัญชีธนาคารด้านล่างนี้

ธนาคารกสิกรไทยเลขที่บัญชี 271-2-01842-1

ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 980-5-05203-6

ออมทรัพย์ สาขาเซ็นทรัล เชียงราย




ร่วมส่งมวลสาร ธูปจากที่ใดก็ได้ ดิน น้ำมนต์ และอื่นๆ มาร่วมสร้างพระกันค
เนื่องจากพุทธชยันติ กระผมร่วมสร้างพระคันธราฐ ขนาด 3x2ซม. สร้างจนกว่าจะสิ้นปีนี้
ขอเชิญทุกท่านร่วมส่งมวลสารมา

จะส่งหลวงพ่อเดิมรุ่นย้อนยุคไป
ส่งมาที่
ชัชพิมุข คล้ายคลึง
11/250หมู่4หมู่บ้านนันทวัน
ซ.นันทวัน12 ถ.กาญจนาภิเษก
ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่
จ.นนทบุรี 11140



ขอเชิญร่วมเททองหล่อพระประทาน พระพุทธเมตตาฯ 14-16 ก.ค.55 วัดคลองทราย บ้านฉาง จ.ระยอง

ร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม โรงทาน ห้องนัำ ณ.ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดป่าขามป้อม
0817091125



เชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญใหญ่ทอดผ้าป่าสร้างเมรุ และพระประธาน วัดที่ขาดแคลน
โดยร่วมบริจาคผ่านธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา ชื่อบัญชีนางสาวธัชสรัญ ปทีปนำพาผล
ผู้ประสานงาน เลขที่บัญชี 089-0-10802-1



ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพสร้างกำแพงวัด จำนวน ๒๐๐ ช่อง ๆ ละ ๑,๐๐๐ บาท
โทรศัพท์ 08-5037-0370



เชิญร่วมซื้อที่ดินและสร้างศาลาปฏิบัติธรรมคุณธรรมนำชีวิตสำนักวิปัสสนาคุณธรรมนำชีวิต ต.วังไทรอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา



ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพจัดซื้อหญ้ามาเลเซีย เมตรละ ๓๐ บาท ปรับปรุงภูมิทัศน์
โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑


ขอเชิญร่วมสร้างพระพุทธรูปจำลอง พระพทธรูป ของโบราณ พระเจ้าแสนแส้ อ. เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ขนาดหน้าตัก 9 เมตร สูง 9 เมตร


สร้างวิหารสมเด็จองค์ปฐม และหล่อสมเด็จองค์ปฐม วัดพระธาตุดอยพระฌาน
ท่านสามารถร่วมทำบุญได้โดยตรงโดยโอนปัจจัยเข้าบัญชีพระท่านโดยตรงที่
พระพรชัย อัคควังโส
ธ.กรุงไทย สาขา แม่ทะ
บ.ออมทรัพย์ 528-0-08159-0


ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างพระสังกัจจายน์ หน้าตัก ๗ เมตร ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ
โทรศัพท์ ๐๘-๕๐๓๗-๐๓๗๐


ขอเชิญร่วมทำบุญซ่อมแซมวัด พระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี


ขอเชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพต่อเติมกุฏิสงฆ์ สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่
089-6427273



ขอเชิญร่วมบุญ "บัญชีโมทนาบุญ (ทุกอย่าง)" กับชมรมโมทนาบุญ
088-5078338


ขอเชิญร่วมสร้างวิหารทาน-ซื้อที่ดินและสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ณสำนักวิปัสสนาคุณนำชีวิต
ต.วังไทร.อ.ปากช่อง จ.โคราช
ร่วมสร้างบุญได้ที่พระปลัดวิสุทธิ์ศรี
วัดคู้บอน กทม.
ธนาคารกรุงไทย
พระปลัดวิสุทธิ์ศรี เพื้อซื้อที่ดิน
เลขที่980-8-20880-0
สาขาปัญญาวิลเลจ



ขอเชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐม 4 ศอกพร้อมศาลาไม้สักทอง
ชื่อบัญชี : นินันท์ อาจศิริวัฒน์
เลขที่บัญชี : 050-030013-2 บัญชี ออมทรัพย์
ธ.กรุงเทพ สาขา บิ๊กซี รัชดาภิเษก

วันสุดท้ายรับปัจจัยทำบุญ วันที่ 25 กรกฎาคม



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพส่วนต่างในโครงการสร้างองค์ปฐม องค์แรกในพัทลุง
โทร 084-9637460


ขอเชิญร่วมบุญสร้างห้องน้ำถวาย วัดบนดอย ที่จังหวัดอุตรดิตถ์
085-6044849


เชิญร่วมทำบุญ "สร้างรูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัย"
โทร 082-5562879



ร่วมบุญซื้อที่ดินถวายวัดสิริกมลาวาส ( วัดใหม่เสนา ) วังหิน
ร่วมบุญได้ตามเบอร์บัญชีด้านล่างนี้
ธ. ไทยพาณิชย์ สาขาย่อยโลตัสวังหิน
ประเภทบัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี " พระอ่อนสี ธมฺมโชโตและพระคำจันทร์ โชติญาโณ "
เลขบัญชี 401-201781-9



วัดป่าสิมารักษ์ขอเชิญร่วมสร้างโรงครัวโรงทานอย่างวัดป่า
085-0830735


ขอเชิญร่วมทำบุญ เททองหล่อพระ ปิดทองคำแท้ กาญจนบุรี 02/08/2555
ติดต่อสอบถามที่ หลวงพี่ตึก
โทร. ๐๘๗-๒๔๕-๗๔๑๓




ขอเชิญร่วมบุญถวายพระพุทธรูปประจำหน้าโรงเรียน
ร่วมบริจาค ได้ที่ บัญชีธนาคาร กรุงไทย สาขาสวนใหญ่ (ท่าน้ำนนทบุรี) เลขบัญชี 145-0-07908-3 ชื่อบัญชี พระณรงค์เดช อธิมุตฺโต


ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสร้างศาลาปฏิบัติธรรม จ.เพรชบูรณ์
โทร. 084-8951656


วัดป่าญาณรังษี ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมประจำปี 2555 ครั้งที่ 2
ร่วมงานปฏิบัติธรรมประจำปี 2555 ครั้งที่ 2 ใน วันพุธ ที่ 20 มิถุนายน 2555 ถึงวันอาทิตย์ ที่ 24 มิถุนายน 2555 รวมงาน 3 คืน 4 วัน

ในงานปฏิบัติธรรมประจำปี 2555 จัดให้มีการบูชาสักการะพระพุทธชินราชหน้าตัก 108 นิ้วพร้อมอัครสาวกซ้ายขวา และพระพุทธศรีรัตนนาคปรก และรูปหล่อจำลองพระญาณรังษี และ มีการเททองหล่อช่อฟ้า หน้าตัก 28 นิ้วความสูง 3 เมตร และจัดให้มีพิธีเททองหล่อช่อฟ้า ศาลาการเปรียญ ในวันเสาร์ ที่ 23 มิถุนายน 2555 เวลา 15:00 น.

ท่านใดสน สามารถติดต่อกับทางวัดได้โดยตรง เบอร์โทรศัพท์ 088-5449651



โครงการทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างพระไตรปิฎก-ปีที่-๒-ครั้งที่-๓
กำหนดการทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างพระไตรปิฎก ๙ ชุดพร้อมตู้ในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น.ณ วัดประสิทธิเวช คลอง ๑๕ อ.องครักษ์ จ.นครนายก

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดซุ้มกระต่าย
0873098494


________________________________________
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบูรณปฏิสังขรณ์กุฏิหลวงพ่อเมตตา
ณ วัดเกียรติแก้วสามัคคี ตำบลศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ
โทร 090-6128077


เชิญจองเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารพระ และเลี้ยงต้อนรับผู้มาร่วมงานบุญยิ่งใหญ่
โทร.๐๘๕-๑๙๘-๒๙๑๑


ขอเชิญร่วมทำบุญทอดกฐิน สำนักสงฆ์ป่าช้าบ้านธาตุน้อย จ.อุดรธานี
โทร. 084-924-4807


ขอเชิญเป็นเจ้าภาพสร้าง ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดป่าขามป้อม
0817091125


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสร้างวัดพุทธ ณ ลุมพินี ประเทศเนปาล
ท่านใดประสงค์จะร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสร้างวัดพุทธ ณ ลุมพินี ประเทศเนปาล สามารถร่วมบุญได้โดยการโอนเงินเข้าบัญชีข้างล่างนี้ ตั้งแต่บัดนี้ - จนถึงวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๘.๐๐ น.
ชื่อธนาคาร : กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขา เทสโก้โลตัส หลักสี่
ชื่อบัญชี : นายณัฐพัชร จันทรสูตร
เลขที่บัญชี : 948 - 006930 – 2

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี กองละ 100 บาท
เพื่อสมทบทุนในการสร้างกุฏิสงฆ์
ณ วัดลาดกระทิง
ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา081-0027915


ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสร้างตึกผู้ป่วยโรคเรื้อรังตึกสงฆ์อาพาธและซื้อเครื่องฟอกไต
ณ บ้านเลขที่ 1805/11 ซ.จรัญฯ 57 แยก 3-7
(ซ.วัดรวกบางบำหรุ) ถ.จรัญฯ บางพลัด กทม.

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน 2555 เวลา 7.30 น



ขอเชิญร่วมบุญถวายเทียนจำนำพรรษาและเครื่องไทยทานแก่พระสงฆ์๙วัดในถิ่นทุรกันดาร
โทร. ๐๘๕-๖๐๔๔๘๔๙

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี ๑๔ วัด ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ถ.รามอินทรา กม.10 เขตคันนายาว กทม. ในวันเสาร์ที่ ๒๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๕๕ เวลา ๐๖.๓๐-๑๐.๐๐ น.


ร่วมทอดผ้าป่าสร้างอาคารโรงทาน วังมรดกธรรมพระตถาคต
087-9337733


ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสร้างพนังกั้นน้ำ วัดตาลเอน อยุธยา
http://www.wattanen.com/



ขอเชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพรับบุญ จากพระในที่ห่างใกล
๑ สร้างกุฏิพระ ๑๐ หลัง หลังละ ๑๕,๙๙๙ บาท (ร่วมบุญได้เรื่อยๆ )<O </O
๒ บวชพระเข้าพรรษาที่วัดท่าน ๒ รูป รูปละ ๓,๙๙๙ บาท (อุปสมบทวันที่๑๔ กรกฎาคม นี้)<O </O
๓ ส่งชุดบวชไปบวชพระลาว ๒๔ รูป ชุดละ ๓,๙๙๙ บาท (ขาดอีก๒๐ รูป ค่ะ ส่งก่อน๒๐ ก.ค. ท่านจะนัดพระทางลาวมารับที่ด่านห้วยพร้าว )<O </O
๔ อีกบุญ แนะนำ ถ้าใครต้องการเป็นเจ้าภาพเครื่องเสียงใช้ในวัดค่ะ อานิสงค์คือกิจการดี ชื่อเสียงดี เป็นเจ้าภาพถวายชุดละ ๓๗,๙๙๙ บาทน่ะ
โทร ๐๙๐๔๙๓๕๔๙๙



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม วัดสุวรรณเจดีย์
โทร 089-9233518


ขอเชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่ามหากุศลเพื่อสร้างเจดีย์ศรีพิมาย
084-8254943


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อพัฒนาศักยภาพนักเรียน โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย แผนกประถม ด้วยความเมตตาจาก หลวงปู่คำบุ คุตฺตจิตฺโต (อายุวัฒนมงคล ๙๑ ปี) วัดกุดชมภู อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ในวันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๕ (ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ เหนือ) โทร 082-1851173


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทุนการศึกษาและค่าพาหนะรับส่งสามเณรไปโรงเรียน
085-717-8432


ขอเชิญร่วมทำบุญวัดเขานางบวช สร้างหนังสือพระไตรปิฎก (รอบที่ 2)
โทร. 035-837590


ขอเชิญร่วมบุญจัดพิมพ์หนังสือ "คู่มือทำวัตร-สวดมนต์แปล ฉบับประชาชน"
โทรศัพท์ 082-4448270


ต้องการขอรับบริจาค CDหรือDVD บาลีไวยากรณ์
หากญาติโยมท่านใดมี CD หรือ DVD บาลีไวยากรณ์ ดังกล่าว
ติดต่ิอบริจาคได้ที่ พระกตตน์ กิตฺติญาโณ (โทรศัพท์ 082-4448270)
หรือที่อยู่ "เลขที่ 774 วัดสุทธจินดา ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000


ขอเชิญเรียนหลักสูตรครูสมาธิ สมาธิไฮเทค โดยหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
084-459-1100


ทางสำนักสงฆ์บูรณสามัคคธรรม จ.สุรินทร์ ได้ก่อตั้งมา หกสิบกว่าปีแล้วแต่ยังขาดแคลนหนังสือคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นพระบรมครูของเหล่าทวยเทพและมนุษย์ จึงขอรับบิณฑบาตรพระไตรปิฎก พุทธวจนะล้วน (33 เล่ม ของกลุ่มพุทธโอษฐ์ ที่ได้จัดทำขึ้น) พร้อมตู้บรรจุ
เจริญพร
สุปัญโญภิกขุ
โทร.0854921577


บอกบุญ ขอเชิญสาธุชนทุกท่านร่วมบรจาคหนังสือเรียนเเก่พระภิกษุ-สามเณร
0851545615


เรียนเชิญร่วมถวายหนังสือสวดมนต์ 299 วัดทั่วไทย ครั้งที่ 1
088-118-1867


ขอเชิญร่วมบุญ อุปสมบทหมู่ 21-23 ก.ค. 55 ณ วัดป้อมแก้ว สมุทรสงคราม
034-716-526



บุญด่วน!!!! ส่งผ้าไตรบาตรบริขารบวชไปให้วัดที่ประเทศลาว บวชพระจำนวน๒๔ ชุด ขาดอีก20ชุด
085-6044849


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO