Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

พระธรรมเทศนา หลวงปู่คำสุข ญาณสุโข

อังคาร 20 ม.ค. 2009 3:08 am

เมื่อรักษาศีลความทุกข์ก็จะหมดไป
สาธุชนทั้งหลายเราจะเห็นได้ว่าสิ่งที่มันสกปรกนั้นก็คือจิตของเราถ้าหากว่าเราทำความถูกต้องดีแล้ว ของที่สะอาดมันก็ยังมีอยู่ เหมือนพื้นศาลามันสกปรก หรืออะไรต่างๆ ที่มันได้สกปรกนั้นเมื่อมาเช็ดล้างสิ่งที่มันสกปรกนั้นออก ความสะอาดมันก็พ้นขึ้นมาอยู่ที่นั้น ที่ของสกปรกมันปกปิดอยู่นั่นเอง ความชั่วและความดีของเราทั้งหลายก็เหมือนกันฉันนั้นความชั่วทั้งหลายความดีของเราทั้งหลายก็เหมือนกันฉันนั้น ความชั่วอยู่ตรงไหนความดีก็อยู่ตรงนั้น ความผิดอยู่ตรงไหนความถูกก็อยู่ตรงนั้น ความสกปรกอยู่ที่ไหนความสะอาดก็อยู่ที่นั้น จิตใจเรานี้ก็เหมือนกันฉันนั้น
ธรรมชาติจิตของเราจริงๆ นั้นนะ มันเป็นจิตที่สม่ำเสมอเป็นจิตที่ไม่เศร้าหมอง เป็นจิตที่ผ่องใสขาวสะอาดอยู่อย่างนั้น ที่เศร้าหมองนั้นเพราะมันไปพบกับอารมณ์ พบกับธรรมารมณ์ที่ไม่ชอบของเรานั่นแหละก็ทำให้ใจเราขุ่นมัว ทำใจของเราให้เศร้าหมอง ทำใจของเราให้ไม่สะอาด ทำใจของเราให้สกปรกนี่เพราะอะไร ไม่ใช่จิตของเรามันสกปรกเพราะจิตของเรายังไม่แน่นอนไม่เชื่อมั่นในธรรมทั้งหลายนั่นเองเมื่อประสบกับอารมณ์ที่ไม่ชอบใจเราก็เศร้าหมองได้ อารมณ์ที่ชอบใจใจเราก็ผ่องใสมันก็เป็นอย่างนั้น
ฉะนั้นองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราท่านถึงได้ปฏิบัติไม่ให้พูดเฉยๆ ให้ปฏิบัติก็คือให้ทำความเป็นจริงเช่นว่า เราสมาทานซึ่งศีลอย่างนี้เป็นต้น ก็ว่า ปาณา.....อทินนา....กาเม.....มุสา.....สุรา นี่เรียกว่าศีลแต่เป็นเพียงคำพูดถึงศีลไม่ใช่ตัวของศีล สภาวะของศีลนั้นไม่ใช่ว่าการพูดมันเป็นการกระทำจริงๆ เช่นว่าไม่ฆ่าสัตว์อย่างนี้ เราก็ไม่ฆ่าสัตว์จริงๆ ไม่กินสุราเราก็ไม่กินจริงๆ ไม่พูดโกหกเราก็ไม่โกหกจริงๆ เราไม่ขโมยของๆ คนอื่นเราก็ไม่ขโมยจริงๆ ไม่ใช่แต่พูดดีเฉยๆ ศีลมันอยู่ที่ตรงนั้น อยู่ที่ตรงนื้ อยู่ที่ตรงการกระทำ ไม่อยู่ตรงที่คำพูด ที่พูดขึ้นเพื่อชี้ให้เห็นว่า อันนี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อเราตกลงใจว่าเป็นเช่นนั้นแล้วก็ลงมือกระทำได้เลย ลงมือปฏิบัติได้เลยก็จะเกิดผลขึ้นมาอันนั้นท่านเรียกว่าก้อนศีล ที่เราพูดตามภาษาของเรานี้มันก็ลำบาก ถึงวันพระไปรักษาศีลความจริงนั้นมันเป็นคำพูดที่ต่อกันมาเรื่อยๆ เป็นประเพณีเมื่อเราเพ่งความหมายแล้ว ศีลนะเห็นว่าโง่กว่าเราเสียแล้วละมังถึงไปรักษาศีลคงจะไม่ดีขนาดเราถึงไปรักษามัน ถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้วศีลนะไม่ต้องไปรักษาท่านหรอกท่านดีอยู่แล้วมารักษาตัวเรานี้เอง รักษากาย วาจา ใจ ของเรานี้ให้ดีศีลมันก็เกิดขึ้นมาเราก็ไม่ต้องไปรักษาศีลแต่รักษาตัวเรานี้คำพูดอันนี้มันพูดสูงเกินตัวไปเสียแล้วละมังว่าเราไปรักษาศีล บางคนไม่รู้จักศีลเลยก็เข้าวัดมา ถามไปไหนไปรักษาศีลก็คิดว่าศีลนะมันเป็นของยาก มันเป็นของลำบาก ความเป็นจริงมันสะท้อนกลับมาและก็มารักษาตัวเรานี้เอง เมื่อรักษาตัวดีไม่มีโทษศีลก็เกิดขึ้นมาที่ตรงนั้นฉะนั้นศีลนี้ไม่อยู่กับคำพูด แต่อยู่ที่การกระทำ องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนให้ฟังอย่างนี้ ให้ความดีเข้าไปฝังในใจ ถ้าความดีเข้าไปฝังในใจแล้วความทุกข์มันก็หมดไป ห่างออกไปอย่างนี้เป็นต้น

หลวงปู่คำสุข ญาณสุโข
วัดป่าซับคำกอง ต.เพชรละคร อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
ตอบกระทู้