นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 28 เม.ย. 2024 8:51 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 13 ม.ค. 2012 7:41 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4542
สักกายทิฏฐิ สก ( ของตน ) + กาย ( ที่ประชุม ) + ทิฏฺฐิ ( ความเห็น )

ความเห็นว่าเป็นกายของตน , ความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน หมายถึง ความเห็นผิด

ในขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา ของเรา หรือเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริงตาม

สภาพธรรม เช่น ยึดถือ ขณะที่ว่า เห็น เป็นเราที่เห็น เป็นเราที่ได้ยิน เป็นต้น

สักกายทิฏฐิ เป็นความเห็นผิดที่เป็นพื้นฐาน เป็นอนุสัยกิเลสซึ่งมีอยู่กับทุกบุคคลที่

ไม่ใช่พระอริยะ เรียกว่า ทิฏฐิสามัญ ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดทิฏฐิพิเศษที่มีโทษมากได้

เช่น สัสสตทิฏฐิ อเหตุกทิฏฐิ อกิริยทิฏฐิ นัตถิกทิฏฐิ คือ เห็นว่าบุญไม่มีบาปไม่มี

และ สักกายทิฏฐิ ยังแบ่ง เป็น 20 ประการ ด้วย ลักษณะของความยึดถือ ว่าเป็นตัวตน

มีลักษณะ หลายประการ 20 ประการมีดังนี้ครับ

๑. เห็นรูปเป็นตน คือ ขณะที่เห็นผิดยึดถือว่า รูปร่างกายเป็นเรา ( ตน ) อุปมา

เหมือนเห็นเปลวไฟและสีของเปลวไฟเป็นอย่างเดียวกัน

๒. เห็นตนมีรูป คือ ขณะที่ยึดถือว่า นามธรรมเป็นเราที่มีรูปร่างกาย อุปมา

เหมือนเห็นต้นไม้มีเงา

๓. เห็นรูปในตน คือ ขณะที่ยึดถือว่า นามธรรมเป็นเรา และรูปอยู่ในนามที่เรา

อุปมาเหมือนกลิ่นในดอกไม้

๔. เห็นตนในรูป คือ ขณะที่ยึดถือว่า นามธรรมเป็นเราที่อยู่ในรูปร่างกาย อุปมา

เหมือนแก้วมณีในขวด

๕. เห็นเวทนาเป็นตน คือ ขณะที่ยึดถือว่า ความรู้สึกเป็นเรา ( ตน ) อุปมาโดย

นัยเดียวกันกับรูป

๖. เห็นตนมีเวทนา คือ ขณะที่ยึดถือรูป สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นเรา

และเรามีเวทนา

๗. เห็นเวทนาในตน คือ ขณะที่ยึดถือรูป สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็น

เรา และมีเวทนาในเรา

๘. เห็นตนในเวทนา คือ ขณะที่ยึดถือรูป สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็น

เรา และเรามีอยู่ในเวทนา

๙. เห็นสัญญาเป็นตน คือ ขณะที่ยึดถือว่า ความจำเป็นเรา ( ตน )

๑๐. เห็นตนมีสัญญา คือ ขณะที่ยึดถือรูป เวทนา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็น

เรา และเรามีสัญญา

๑๑. เห็นสัญญาในตน คือ ขณะที่ยึดถือรูป เวทนา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็น

เรา และมีสัญญาในเรา

๑๒. เห็นตนในสัญญา คือ ขณะที่ยึดถือรูป เวทนา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็น

เรา และเรามีอยู่ในสัญญา

๑๓. เห็นสังขารเป็นตน คือ ขณะที่ยึดถือว่า สังขารตัวปรุงแต่งเป็นเรา

๑๔. เห็นตนมีสังขาร คือ ขณะที่ยึดถือรูป เวทนา สัญญา วิญญาณ ว่าเป็น

เรา และเรามีสังขาร

๑๕. เห็นสังขารในตน คือ ขณะที่ยึดถือรูป เวทนา สัญญา วิญญาณ ว่าเป็น

เรา และมีสังขารในเรา

๑๖. เห็นตนในสังขาร คือขณะที่ยึดถือรูป เวทนา สัญญา วิญญาณ ว่าเป็น

เรา และเรามีอยู่ในสังขาร

๑๗. เห็นวิญญาณเป็นตน คือในขณะที่ยึดถือว่า วิญญาณเป็นเรา ( ตน )

๑๘. เห็นตนมีวิญญาณ คือขณะที่ยึดถือรูป เวทนา สัญญา สังขาร ว่าเป็น

เรา และเรามีวิญญาณ

๑๙. เห็นวิญญาณในตน คือขณะที่ยึดถือรูป เวทนา สัญญา สังขาร ว่าเป็น

เรา และมีวิญญาณในเรา

๒๐. เห็นตนในวิญญาณ คือขณะที่ยึดถือรูป เวทนา สัญญา สังขาร ว่าเป็น

เรา และเรามีอยู่ในวิญญาณ



โดยทั่วไปแล้ว หากได้อ่านข้อความในพระไตรปิฎก ก็จะเห็น จำนวน ข้อความที่กล่าว

ถึง 3 ครั้งบ่อยๆ ไม่ใช่เพียง การกล่าวสรรเสริญบูชาพระพุทธํเจ้าเท่านั้นครับ ซึ่งเรา

สามารถพิจารณาไ้ด้ครีับว่า ทำไมถึงต้องกล่าวถึง 3 ครั้ง สำหรับบางพระสูตร เมื่อมีผู้คน

มาถามพระพุทธองค์ พระองค์ก็จะตรัสห้ามถึง 3 ครั้ง ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว คือ เมื่อเขาทูล

ถามพระองค์ แม้ถึง 3 ครั้ง พระองค์ก็ตรัสห้าม และไม่ตอบทั้ง 3 ครั้ง แสดงถึงความหนัก

แน่น แม้ของผู้ถามเอง ที่มีกำลัง ที่จะต้องการถาม ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว และพระพุทธองค์

ก็ทรงปฏิเสธ 3 ครั้ง ก็ทรงแสดงถึงความหนักแน่นและมีกำลัง ที่จะไม่ตรัสตอบ และห้าม

การถามนั้นครับ และบางตัวอย่าง เช่น พระนางมหาปชาบดีโคตมี ทูลขอบรรพชา เป็น

พระภิกษุณี ก็ทูลขอทั้ง 3 ครั้ง พระพุทธเจ้าก็ตรัสห้ามทั้ง 3 ครั้ง นั่นแสดงถึง กำลัง

ความหนักแน่นของ พระมหาปชาบดีโคตมี ที่มีศรัทธาอย่างมีกำลัง จนกล่าวขอบรรพชา

ทั้ง 3 ครั้ง ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวเลย และพระพุทธองค์ก็ทรงแสดงให้เห็นว่า การบรรพชา

เป็นสิ่งที่ยาก และพระนางมหาปชาบดีโคตมี จะได้เห็นคุณค่า และประพฤติตามครุธรรม

จึงตรัสห้าม 3 ครั้ง ไม่ใช่ครั้งเดียว แสดงถึงความมีกำลัง หนักแน่นของเรื่องนั้นนั่นเอง

ดังนั้น แม้การกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า นโมตัสสะ 3 ครั้ง หรือ ขอถึงพระพุทธเจ้า

เป็นที่พึ่่ง 3 ครั้ง ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ก็แสดงให้เห็นถึงกำลัง ความหนักแน่นของผู้ที่มี

ศรัทธาเลื่อมใสแล้วอย่างแท้จริง ซึ่งหากเราๆได้อ่านพระธรรมในพระไตรปิฎก ผู้ที่กล่าว

ถึง 3 ครั้ง ไม่ใช่ครั้งเดียว เพราะได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า จนเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว

เกิดปัญญาอยางแท้จริงผู้นั้น ก็จะกล่าวว่า พระองค์แสดงธรรมดีแล้ว เปรียบเหมือนคน

ที่หงายของทีี่คว่ำ เปิดของที่ปิด...และขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ หรือ กล่าว

สรรเสริญพระพุทธเจ้า 3 ครั้ง ก็แสดงให้เห็นว่า เกิดปัญญา ความเข้าใจและศรัทธามที่มี

กำลัง จึงกระทำถึง 3 ครั้ง ไม่ใช่ครั้งเดียวครับ

เวลาเราจะัทำอะไร บ่อยๆ ย้ำๆ ก็แสดงถึง ความมีกำลัง ของสิ่งนั้นทั้งฝ่ายกุศลและ

อกุศลครับ ดังนั้น 3 ครั้งแสดงถึงความหนักแน่น มีกำลัง มีศรัทธาในพระรัตนตรัย และ

ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป จึง 3 ครั้งครับ


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO