นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 13 พ.ค. 2024 5:51 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 02 ก.ค. 2011 7:30 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4557
ในพระไตรปิฎก แสดงถึงเรื่องการสร้างโลกและจักรวาลไว้ด้วย เพราะพระพุทธเจ้า

ทรงเป็นโลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลกตามความเป็นจริงทั้งหมด ทั้งโลกที่เป็นจักรวาล ที่

เป็นโอกาสโลก พระองค์ก็รู้ทั้งหมด โลกที่เป็นสัตวโลกคือหมู่สัตวทั้งหมดและสังขาร

โลก คือสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ทั้งหมด ที่เกิดขึ้นดับไปตามความเป็นจริงครับ

ซึ่งในส่วนในเรื่องที่เป็นโอกาสโลก ที่เป็นกำเนิดโลกและจักรวาล พระพุทธองค์

แสดงไว้ว่า เมื่อถึงคราวที่กัปพินาศ โลกและจักรวาลก็ถูกทำลายทั้งหมด จาก ลม

และไฟ เป็นต้น และเมื่อจักรวาลถูกทำลายหมดแล้ว ผ่านไปนาน ฝนก็จะค่อยๆตก

จนเต็มจักรวาล และก็เวลาผ่านไปนานอีก เทวโลก็ปรากฎ พรหมโลก็ปรากฎ สัตว์ที่

เป็นพรหมมีอยู่เป็นส่วนมาก และก็ค่อยๆเริ่มเกิดเพศชาย หญิง วันเวลา เป็นไปตาม

ลำดับครับ นี่กล่าวเพียงย่อๆในส่วนการกำเนิดของจักรวาล ซึ่งสามารถหาอ่านได้ ใน

คัมภีร์วิสุทธิมรรค ในหมวดปัญญา ในเรื่องปุพเพนิวาสนุสสติญาณ และในพระไตรปิฎก

ในพระสูตร อัคคัญญสูตรครับ

รูปเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่ไม่รูอะไร เมื่อรูปเกิดขึ้น จะไม่เกิดขึ้น

เพียงรูปด้วย แต่ต้องอาศัยรูปอื่นๆเกิดร่วมด้วยครับ อย่างน้อยที่สุด 8 รูป มีรูปที่เกิด

พร้อมกันและอาศัยกันเกิดขึ้นหลายรูป รวมกันเป็น ๑ กลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งแยกออกจากกัน

ไม่ได้เลย ภาษาบาลีเรียกว่า ๑ กลาป

กลาป หมายถึง กลุ่มของรูปซึ่งประชุมรวมกันอยู่ เป็นส่วนที่เล็กที่สุดของรูปธรรม

ซึ่งเป็นสภาพที่ไม่รู้อารมณ์ ส่วนละเอียดของรูปธรรมนี้อย่างน้อยที่สุดมี ๘ รูป

ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชา เรียกกลุ่มนี้ว่า อวินิโภครูป (รูปที่ไม่

สามารถแยกออกจากกันได้) หรือ สุทธัฏฐกกลาป (กลุ่มของรูปที่มี ๘ รูปล้วน) กลาป

หรือกลุ่มของรูป ไม่ได้มีเพียง ๘ รูปเท่านั้น บางกลาปมี ๙ รูป บางกลาปมี ๑๐ รูป

บางกลาปมี ๑๑, ๑๒, ๑๓ รูป ขึ้นอยู่กับกลุ่มของรูปนั้นเกิดจากสมุฏฐานใด

ดังนั้น กลาป จึงหมายถึง กลุ่มของรูปที่ประชุมรวมกัน อาศัยกันละกันนั่นเองครับ

ซึ่งการเกิดของรูป รูปจะเกิดขึ้นด้วย สมุฏฐาน 4 อย่างคือ กรรม จิต อุตุ อาหาร ครับ นี่

คือการเกิดขึ้นของรูปครับ

เมื่อจุติเกิดขึ้นคือตายจากความเป็นบุคคลนี้ ก็มีกรรมใดกรรมหนึ่งที่เคยทำไว้ เป็น

ปัจจัยให้เกิดปฏิสนธิจิต และขณะที่ปฏฺสนธิจิตเกิดก็มี รูปที่เกิดพร้อมจิตนั้นด้วยครับ

เกิดพร้อมกับปฏิสนธิจิต รูปที่เกิดพร้อมปฏิสนธิจิต ก็มี หทยัยวัตถุรูป กายปสาทรูป

เป็นต้น และขณะต่อๆมาก็มีรูปอื่นๆเกิดต่อมา เช่น จักขุปสาท(ตา) เป็นต้นครับ ดังนั้น

เพราะอาศัยกรรมในอดีตที่ทำไว้นั่นเอง เป็นปัจจัยให้เกิดปฏิสนธิจิตและรูปอื่นๆด้วยครับ

และจากคำถามที่ว่าทำไมบางคนมีรูปสวย บางคนไม่สวย ขี้เหร่ พิการ เป็นต้น เพราะ

อะไร ก็เพราะกรรมในอดีตที่ทำมาให้ผลครับ กรรมที่ไม่ดี ไม่ประณีต ก็ทำให้เกิดรูปไม่ดี

น่าเกลี่ยด เป็นต้นครับ เพราะกุศลกรรมอย่างอ่อน นำเกิดก็ทำให้เกิดมาพิการตั้งแต่

กำเนิด เป็นต้นครับ ดังนั้นเพราะกรรมไม่ดี หรือ อกุศลกรรมให้ผล และกุศลกรรมอย่าง

อ่อนให้ผล ก็เป็นปัจจัยให้เกิดมามีรูปร่างหน้าตาไม่ดี หรือ พิการครับ ส่วนบางคนรูปร่าง

หน้าตาดี ก็เพราะผลของกรรมที่ดี ที่ทำไว้ให้ผลนั่นเองครับ ดังที่พระพุทธเจ้าได้แสดง

ว่า สัตว์ทั้งหลาย แตกต่างกันไป เพราะความแตกต่างกันมาของกรรมที่ทำมานั่นเองครับ


พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 150
[๕๖] ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ มีบางสมัยบางคราว โดย

อันล่วงไปแห่งกาลอันยาวนาน โลกนี้ก็จะพินาศไป เมื่อโลกกำลังพินาศ

อยู่ โดยมากหมู่สัตว์ย่อมวนเวียนไปเกิดในชั้นอาภัสสรพรหม ในชั้น
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 151

อาภัสสรพรหมนั้น สัตว์เหล่านั้นมีความสำเร็จได้โดยทางใจ มีปีติเป็น

ภักษา มีรัศมีเอง ท่องเที่ยวไปได้ในอากาศ ดำรงอยู่ในวิมานอันแสนงาม

ย่อมดำรงอยู่ได้สิ้นกาลยืดยาวนาน. ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ มี

สมัยอีกบางครั้ง โดยอันล่วงไปแห่งกาลยืดยาวนาน โลกนี้ย่อมเจริญขึ้น

เมื่อโลกกำลังเจริญขึ้น โดยมากเหล่าสัตว์ก็จะพากันเคลื่อนจากพวกอาภัสสร-

พรหมมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก และสัตว์เหล่านั้นมีความสำเร็จได้โดยทางใจ

มีปีติเป็นภักษา มีรัศมีเอง ท่องเที่ยวไปในอากาศได้ ดำรงอยู่ในวิมานอัน

งดงาม ย่อมดำรงอยู่ตลอดกาลยืดยาวนาน. ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ

ก็โดยสมัยนั้นแลจักรวาลนี้ก็จะกลายเป็นน้ำไปหมด มีความมืด มองไม่เห็น

ทั้งดวงจันทร์ และ ดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ปรากฏ ดวงดาวนักษัตรก็ยังไม่ปรากฏ

กลางวันกลางคืนก็ไม่ปรากฏ เดือนหนึ่งกึ่ง เดือนหนึ่งก็ยังไม่ปรากฏ ฤดู

และ ปีก็ยังไม่ปรากฏ หญิงชายก็ยังไม่ปรากฏ. หมู่สัตว์ทั้งหลายก็ถึงการ

นับว่า สัตว์ดังนี้อย่างเดียวกัน. ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ ในกาล

บางคราว โดยอันล่วงได้แห่งกาลยืดยาวนาน ง้วนดินก็เกิดลอยอยู่บนน้ำ

ปรากฏแก่สัตว์เหล่านั้น เหมือนน้ำนมสดที่บุคคลเคี่ยวแล้วทำให้เย็นสนิท

แล้วปรากฏเป็นฝาอยู่ข้างบนฉะนั้น ง้วนดินนั้นได้สมบูรณ์ด้วยสี กลิ่น รส

มีสีคล้ายเนยใสอย่างดี และเนยข้นอย่างดีฉะนั้น และได้มีรสอันน่าชอบใจ

เหมือนน้ำผึ้งอันปราศจากโทษฉะนั้น. ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะที่นั่น

แล มีสัตว์บางตนมีชาติโลเลกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ สิ่งที่ลอยอยู่นี้ จะเป็น

อะไรดังนี้แล้วเอานิ้วมือช้อนเอาง้วนดินขึ้นมาลิ้มดู เมื่อเขากำลังเอานิ้วมือ

ช้อนง้วนดินขึ้นมาลิ้มอยู่ ง้วนดินที่ได้ซ่านไปทั่ว ความอยากจึงเกิดขึ้น

แก่เขา. ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ สัตว์เหล่าอื่นแลก็ถึงทิฏฐานุคติ

ของสัตว์นั้นก็จะพากันเอานิ้วมือซ้อนง้วนดินนั้นขึ้นมาลิ้มดู. เมื่อสัตว์เหล่า
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 152
นั้นกำลังเอานิ้วมือช้อนเอาง้วนดินนั้นขึ้นมาชิม ง้วนดินก็แผ่ซ่านไปทั่ว

สรรพางค์ และตัณหาก็เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น. ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารท-

วาชะ ที่นั้นแล สัตว์เหล่านั้นจะพากันพยายามเอามือปั้นง้วนดินปั้นทำให้

เป็นคำเพื่อที่จะบริโภค. ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ เมื่อใดแลที่สัตว์

เหล่านั้นพยายามที่จะเอามือปั้นง้วนดินทำเป็นคำเพื่อที่จะบริโภค เมื่อนั้น

รัศมีเฉพาะตัวของสัตว์เหล่านั้นก็จะหายไป. เมื่อรัศมีเฉพาะตัวหายไป

พระจันทร์และพระอาทิตย์ก็ปรากฏขึ้นมา เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์

ปรากฏขึ้นแล้ว หมู่ดาวนักษัตรก็จะปรากฏ เมื่อหมู่ดาวนักษัตรปรากฏ

แล้ว กลางคืน และ กลางวันก็ปรากฏ เมื่อกลางคืนกลางวันปรากฏแล้ว

เดือนหนึ่ง กึ่งเดือนหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้น เมื่อเดือนหนึ่ง และ กึ่งเดือนหนึ่ง

ปรากฏขึ้นแล้ว ฤดู และ ปีก็ปรากฏขึ้น. ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ

ด้วยเหตุเพียงประมาณเท่านี้แล โลกนี้ก็ย่อมเจริญขึ้นมาอีก.

[๕๗] ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ ครั้งนั้นแล สัตว์เหล่านั้น

พากันบริโภคง้วนดิน มีง้วนดินเป็นภักษาเป็นอาหาร ได้ดำรงอยู่ตลอดกาล

ยืดยาวนาน. ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ สัตว์เหล่านั้นบริโภคง้วนดิน

มีง้วนดินนั้นเป็นภักษาเป็นอาหาร ได้ตั้งอยู่ตลอดกาลยืดยาวนานโดยประการ

ใดแล ความแข็งแกร่งก็เกิดมีในกายของสัตว์เหล่านั้น ความมีผิวพรรณดี

ก็ได้ปรากฏชัดขึ้นมา สัตว์บางพวกก็มีผิวพรรณดี บางพวกมีผิวพรรณเลว.

บรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดมีผิวพรรณดี สัตว์เหล่านั้นก็ดูหมิ่นสัตว์

ที่มีผิวพรรณเลวว่า เรามีผิวพรรณดีกว่าสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่านั้นมี

ผิวพรรณเลวกว่าเราดังนี้. เมื่อสัตว์เหล่านั้นเกิดมีมานะถือตัว เพราะการ

ดูหมิ่นเรื่องผิวพรรณเป็นปัจจัย ง้วนดินก็ได้อันตรธานหายไป. เมื่อง้วนดิน

หายไปแล้ว สัตว์เหล่านั้นจึงประชุมกัน ครั้นประชุมกันแล้วต่างก็พากัน

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 153
ทอดถอนใจว่า รสดี รสดีดังนี้. แม้ในทุกวันนี้พวกมนุษย์ได้ของมีรสดีบาง

อย่างเท่านั้น ก็พากันกล่าวอย่างนี้ว่า รสดี รสดี ดังนี้ หมู่พราหมณ์ทั้ง

หลายพากันอนุสรณ์ถึงอักขระที่รู้กันว่าเป็นของเลิศเป็นของเก่านั้น แต่หาได้รู้

ถึงความหมายของอักขระนั้นเลย.

การที่สัตว์บุคคลทั้งหลายโดยทั่วไปต่างกันเป็นหญิงและชายนั้นเพราะ....ภาวรูป ๒

คือ

อิตถีภาวรูป เป็นรูปที่ซึมซาบอยู่ทั่วกาย ทำให้ปรากฏเป็นทรวดทรง สัณฐาน

อาการ กิริยา ท่าทางของเพศหญิง

ปุริสภาวรูป เป็นรูปที่ซึมซาบอยู่ทั่วกาย ทำให้ปรากฏเป็นทรวดทรง สัณฐาน

อาการ กิริยา ท่าทางของเพศชาย


ในแต่ละบุคคลจะมีภาวรูปหนึ่งภาวรูปใด คือ อิตถีภาวรูป หรือปุริสภาวรูปเท่านั้น และ

บางบุคคลก็ไม่มีภาวรูปเลย เช่น พรหมบุคคลในพรหมโลก และผู้ที่เป็นกะเทย


รวม อวินิพโภครูป ๘ + ลักขณรูป ๔ +ปริจเฉทรูป ๑ + ปสาทรูป ๕ + หทยรูป ๑ +

ชีวิตินทริยรูป ๑ + ภาวรูป ๒ รวมเป็น ๒๒ รูป

ปุริสภาวรูป

ปริส (บุรุษ , ผู้ชาย) + ภาว (ความมี , ความเป็น) + รูป (รูป)

รูปที่แสดงความเป็นชาย หมายถึง สภาวรูป ๆ หนึ่งซึ่งเป็นสุขุมรูป มีลักษณะที่ซึม

ซาบอยู่ทั่วร่างกาย โดยแสดงความเป็นชาย คือ ทำให้ปรากฏเป็นทรวดทรง สัณฐาน

กิริยา อาการของเพศชาย เห็นผู้ชาย แท้ที่จริงทางตามองเห็นสีส้นวรรณะเท่านั้น

แต่รู้ว่าเป็นผู้ชายเพราะคิดนึกทางใจ
อิตถีภาวรูป

อิตฺถี ( สตรี , ผู้หญิง ) + ภาว ( ความมี , ความเป็น ) + รูป ( รูป )

รูปที่แสดงความเป็นหญิง หมายถึง สภาวรูปๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นสุขุมรูปมีลักษณะที่ซึม

ซาบอยู่ทั่วร่างกาย โดยแสดงความเป็นหญิง คือทำให้ปรากฏเป็นทรวดทรง สัณฐาน

กิริยา อาการของเพศหญิง อิตถีภาวรูปมองไม่เห็นด้วยตา แต่รู้ได้ด้วยใจ ฉะนั้น ที่

เข้าใจว่ามองเห็นผู้หญิง แท้ที่จริงทางตามองเห็นสีสันวรรณะเท่านั้น แต่รู้ว่าเป็นผู้หญิง

เพราะคิดนึกทางใจ



เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ปล่อยชีวิตเต่า 1 ตัว ไหว้พระหลวงปู่ทวดและหลวงปู่โต
และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปล่อยชีวิตเต่า 1 ตัว ไหว้พระหลวงปู่ทวดและหลวงปู่โต
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO