นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 06 พ.ค. 2024 8:04 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: กามวิถี
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 30 ก.ย. 2010 3:13 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4550
สิ่งสำคัญคือค่อย ๆสะสมความเข้าใจถูก ความเห็นถูกซึ่งก็คือ ปัญญา นั่นเอง จน

กว่าจะเข้าถึงฐานะ...พระโสดาบันบุคคลอยู่ในฐานะที่ไม่ยึดถือสภาพธรรมว่าเที่ยง เป็น

สุข เป็นอัตตา เพราะท่านเข้าถึงฐานะความเป็นพระอริยเจ้าขั้นต้น หมดความสงสัยใน

สภาพธรรม ท่านเข้าถึงฐานะที่รู้ความจริงของสภาพธรรมว่าไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่

ใช่ตัวตน



ต่อไปจะเป็นเรื่องของ

อุทยชาดก



อุทยชาดก

(ว่าด้วยพระเจ้าอุทัยภัทระ และ พระนางอุทัยภัทรา)



... จาก ...
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่มที่ ๓๓ หน้าที่ ๑๔๖ - ๑๔๙





พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่มที่ ๖๐ - หน้าที่ ๓๑ - ๕๐

๔. อุทยชาดก

(ว่าด้วยพระเจ้าอุทัยภัทระ และ พระนางอุทัยภัทรา)

[๑๕๒๖] ดูก่อนพระนาง ผู้มีพระวรกายงามหาที่

ติมิได้ มีช่วงพระเพลากลมกลึงผึ่งผาย ทรงวัตถาภรณ์

อันสะอาด เสด็จขึ้นสู่ปราสาทประทับนั่งอยู่พระองค์

เดียว ดูก่อนพระนางผู้มีพระเนตรงามดังเนตรกินนร

หม่อมฉันขอวิงวอนพระนาง เราทั้งสองควรอยู่ร่วมกัน

ตลอดคืนหนึ่งนี้.

[๑๕๒๗] นครนี้มีคูรายรอบ มีป้อมแลซุ้มประตู

มั่นคง มีหมู่ทหารถือกระบี่รักษา ยากที่ใครๆ จะเข้าได้

ทหารนักรบหนุ่มก็ไม่มีเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่าน

ปรารถนามาพบข้าพเจ้าด้วยเหตุอะไรหนอ.

[๑๕๒๘] ดูก่อนพระนางผู้เลอโฉม หม่อมฉัน

เป็นเทพบุตรมาในตำหนักของพระนาง ดูก่อนพระนาง

ผู้เจริญ เชิญพระนางชื่นชมกับหม่อมฉันเถิด หม่อมฉัน

จะถวายถาดทอง อันเต็มด้วยทองแก่นาง.

[๑๕๒๙] นอกจากเจ้าชายอุทัยแล้ว ข้าพเจ้าไม่

พึงปรารถนาเทวดา ยักษ์ หรือมนุษย์ผู้อื่นเลย ดูก่อน

เทพบุตรผู้มีอานุภาพมาก ท่านจงไปเสียเถิด อย่ากลับ

มาอีกเลย.

[๑๕๓๐] ความยินดีอันใด เป็นที่สุดของผู้บริโภค-

กาม สัตว์ทั้งหลายประพฤติ ไม่สมควรเพราะเหตุแห่ง

ความยินดีอันใด พระนางอย่าพลาดความยินดี ในทาง

อันสะอาดของพระนางนั้นเลย หม่อมฉันขอถวายถาด

เงินอันเต็มด้วยทองแก่พระนาง.

[๑๕๓๑] ธรรมดาชาย หมายจะให้หญิงเอออวย

ด้วยทรัพย์ ย่อมประมูลราคาขึ้นจนให้พอใจ ของท่าน

ตรงกันข้าม ท่านประมูลราคา โดยลดลงดังที่เห็น

ประจักษ์อยู่.

[๑๕๓๒] ดูก่อนพระนางผู้มีพระวรกายงาม อายุ

และวรรณะของหมู่มนุษย์ในมนุษยโลก ย่อมเสื่อมลง

ด้วยเหตุนั้นแล แม้ทรัพย์สำหรับพระนางก็จำต้องลดลง

เพราะวันนี้ พระนางชราลงกว่าวันก่อน ดูก่อนพระราช-

บุตรีผู้มีพระยศ เมื่อหม่อมฉัน กำลังเพ่งมองอยู่อย่างนี้

พระฉวีวรรณของพระนางย่อมเสื่อมไป เพราะวันคืน

ล่วงไป ๆ ดูก่อนพระราชบุตรผู้มีปรีชา เพราะเหตุนั้น

พระนางพึงประพฤติพรหมจรรย์เสียวันนี้ทีเดียว จะได้

มีพระฉวีวรรณงดงามยิ่งขึ้นอีก.

[๑๕๓๓] เทวดาทั้งหลายไม่แก่ เหมือนมนุษย์หรือ

เส้นเอ็นในร่างกายของเทวดาเหล่านั้นไม่มีหรือ ดูก่อน

เทพบุตร ข้าพเจ้าขอถามท่านผู้มีอานุภาพมาก ร่างกาย

ของเทวดาเป็นอย่างไร.

[๑๕๓๔] เทวดาทั้งหลาย ไม่แก่เหมือนมนุษย์

เส้นเอ็นในร่างกายของเทวดาเหล่านั้นไม่มี ฉวีวรรณ

อันเป็นทิพย์ของเทวดาเหล่านั้น ผุดผ่องยิ่งขึ้นทุก ๆ วัน

และโภคสมบัติก็ไพบูลย์ขึ้น.

[๑๕๓๔] หมู่ชนเป็นอันมากในโลกนี้ กลัวอะไร

เล่า จึงไม่ไปเทวโลกกัน ก็หนทางไปเทวโลกบัณฑิต

ทั้งหลายกล่าวไว้หลายด้าน ดูก่อนเทพบุตรผู้มีอานุภาพ

มาก ข้าพเจ้าขอถามท่านว่า บุคคลตั้งอยู่ในหนทางไหน

จึงจะไม่กลัวปรโลก.

[๑๕๓๖] บุคคลผู้ตั้งวาจาและใจไว้โดยชอบ ไม่

กระทำบาปด้วยกาย อยู่ครองเรือนอันมีข้าวและน้ำมาก

เป็นผู้มีศรัทธา อ่อนโยน จำแนกแจกทาน รู้ความ

ประสงค์ ชอบสงเคราะห์ มีถ้อยคำกลมกล่อม อ่อน-

หวาน ผู้ตั้งอยู่ในคุณธรรมดังกล่าวมานี้ ไม่พึงกลัว

ปรโลก.

[๑๕๓๗] ข้าแต่เทพบุตร ท่านพร่ำสอนข้าพเจ้า

เหมือนมารดาบิดา ข้าแต่ท่านผู้มีผิวพรรณงามยิ่ง ข้าพ-

เจ้าขอถาม ท่านเป็นใครหนอ จึงมีร่างกายสง่างามนัก.

[๑๕๓๘] ดูก่อนพระนางผู้เลอโฉม ข้าพเจ้าเป็น

พระเจ้าอุทัย มาในที่นี้ เพื่อต้องการจะเปลื้องข้อผูกพัน

ข้าพเจ้าบอกพระนางแล้ว จะขอลาไป ข้าพเจ้าพ้นจาก

ข้อผูกพันของพระนางแล้ว.

[๑๕๓๙] ข้าแต่พระลูกเจ้า ถ้าพระองค์เป็น

พระเจ้าอุทัยเสด็จมา ณ ที่นี้ เพื่อต้องการจะเปลื้องข้อ

ผูกพันไซร้ ข้าแต่พระราชบุตร ขอเชิญพระองค์จง

โปรดพร่ำสอนหม่อมฉัน ด้วยวิธีที่เราทั้งสองจะได้พบ

กันใหม่อีกเถิด เพคะ.

[๑๕๔๐] วัยล่วงไปเร็วยิ่งนัก ขณะก็เช่นนั้น

เหมือนกัน ความตั้งอยู่ยั่งยืน ไม่มี สัตว์ทั้งหลายย่อม

จุติไปแน่แท้ สรีระไม่ยั่งยืน ย่อมเสื่อมถอย ดูก่อน

พระนางอุทัย เธออย่าประมาท จงประพฤติธรรม

พื้นแผ่นดินทั้งสิ้นเต็มไปด้วยทรัพย์ ถ้าพึงเป็นของของ

พระราชาพระองค์เดียว ไม่มีผู้อื่นครอบครอง ถึง

กระนั้น ผู้ที่ยังไม่ปราศจากความกำหนัดก็ต้องทิ้ง

สมบัตินั้นไป ดูก่อนพระนางอุทัย เธออย่าประมาท

จงประพฤติธรรม มารดา บิดา พี่ชาย น้องชาย พี่สาว

น้องสาว ภรรยาและสามีพร้อมทั้งทรัพย์ แม้เขาเหล่า

นั้นต่างก็จะละทิ้งกันไป ดูก่อนพระนางอุทัย เธออย่า

ประมาท จงประพฤติธรรม ดูก่อนพระนางอุทัย เธอ

พึงทราบว่า ร่างกายเป็นอาหารของสัตว์อื่น ๆ พึง

ทราบว่า สุคติและทุคติในสังสาระ เป็นที่พักชั่วคราวเธอ

อย่าประมาท จงประพฤติธรรมเถิด.

[๑๕๔๑] เทพบุตรพูดดีจริง ชีวิตของสัตว์ทั้ง

หลาย น้อย ทั้งลำเค็ญ ทั้งนิดหน่อย ทั้งประกอบไป

ด้วยทุกข์ หม่อมฉันจักสละสุรุนธนนคร แคว้นกาสี

ออกบวชอยู่ลำพังผู้เดียว.

จบอุทยชาดกที่ ๔.



ข้อความโดยสรุป

อุทยชาดก (ว่าด้วยพระเจ้าอุทัยภัทระ และ พระนางอุทัยภัทรา)

ก่อนจะถึงข้อความที่ปรากฏในพระสูตร

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งผู้เกิดความเบื่อหน่ายด้วยอำนาจของ

กิเลส โดยที่พระองค์ตรัสกับภิกษุรูปนั้นว่า การที่เธอบวชในพระศาสนาที่นำออกจาก

ทุกข์เช่นนี้แล้วเกิดความเบื่อหน่ายด้วยอำนาจของกิเลส เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เพราะ

เหตุว่า บัณฑิตในปางก่อน ทรงครองราชย์ ในสุรุนธนนคร แม้จะทรงอยู่ร่วมห้องเดียว

กันกับพระอัครมเหสี ก็มิได้ทรงแลดูกันและกันด้วยอำนาจแห่งโลภะ เลย จึงทรง

นำเรื่องในอดีตมาแสดง (โดยสรุปความจากอรรถกถา) ดังต่อไปนี้

ในอดีตกาล เมื่อครั้งที่พระเจ้ากาสี ทรงครองราชย์ในสุรุนธนนคร แคว้นกาสี

พระโพธิสัตว์ (จุติจากพรหมโลก) ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระอัครมเหสี เมื่อประสูติ

แล้ว ทรงมีพระนามว่า อุทัยภัทระ (แปลว่าผู้เกิดมาทำให้หทัยของมหาชนเจริญเบิก

บาน เพราะเป็นพระโอรสพระองค์แรกของพระเจ้ากาสี) เมื่อพระโพธิสัตว์ทรงย่าง

พระบาทไปได้ ก็มีสัตว์อื่น (จุติจากพรหมโลก) บังเกิดเป็นกุมาริกาในพระครรภ์ของพระ

เทวีองค์ใดองค์หนึ่งของพระเจ้ากาสี เมื่อประสูติแล้วทรงมีพระนามว่า อุทัยภัทรา

เมื่อพระโพธิสัตว์ทรงเจริญวัยก็ทรงศึกษาศิลปวิทยา พอถึงเวลาอันสมควร พระราช-

บิดาทรงประสงค์จะให้พระโพธิสัตว์อภิเษกสมรส แต่พระโพธิสัตว์ไม่ทรงมีความต้อง

การเช่นนั้น เพราะเหตุว่าทรงเป็นพรหมจารีตั้งแต่กำเนิด ไม่รู้จักเมถุนธรรมแม้ด้วยความ

ฝัน แต่เมื่อถูกรบเร้าจากพระราชบิดาบ่อย ๆ จึงกราบทูลว่า ถ้าหาสตรีที่สวยเท่ากับ

รูปปั้นสตรีที่ทำด้วยทองคำชมพูนุท ได้ ก็จะกระทำตามพระประสงค์ของพระราชบิดา

พวกข้าราชบริวาร ก็ได้นำรูปปั้นทองคำตระเวนไปในเมืองต่าง ๆ ก็หาสตรีที่สวยเท่ากับ

รูปปั้นดังกล่าวไม่ได้ พระราชาจึงรับสั่งให้ตกแต่งพระนางอุทัยภัทรา(ซึ่งเป็นน้อง ต่าง

พระมารดา) ไปประทับนั่งในห้องของพระเจ้าอุทัยภัทระ ซึ่งพระนางมีความสวยงามยิ่ง

กว่ารูปปั้นทองคำนั้น และในที่สุดพระเจ้ากาสี ก็ได้จัดให้มีการอภิเษกสมรสขึ้น

ระหว่างพระโพธิสัตว์ กับ พระนางอุทัยภัทรา โดยที่ทั้งสองไม่มีความต้องการเลย

แต่ก็ต้องกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้ากาสี และได้ทรงครองราชย์สมบัติต่อ

จากพระเจ้ากาสี ทั้งสองพระองค์แม้จะทรงอยู่ร่วมห้องเดียวกัน แต่ก็มิได้ทรงแลดูกัน

ด้วยอำนาจแห่งโลภะ เลย ทรงอยู่อย่างบุคคลผู้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่ทั้งสองได้

ทรงกระทำข้อผูกพันกันว่า ถ้าใครสิ้นพระชนม์ไปก่อน ไปเกิดที่ใด ให้กลับมาบอกด้วย

คนในยุคนั้น มีอายุ ๑๐,๐๐๐ ปี พระเจ้าอุทัยภัทระ ทรงครองราชย์ได้ ๗๐๐ ปี ก็สิ้น

พระชนม์ ไปเกิดเป็นท้าวสักกะในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนพระนางอุทัยภัทรา ไม่ทรง

มีพระราชาองค์ใหม่ ทรงสำเร็จราชการแทนทุกอย่าง โดยมีพวกอำมาตย์เป็นผู้ช่วยใน

การครองราชย์

ต่อมาเมื่อล่วงไป ๗๐๐ ปี โดยการนับปีในเมื่องมนุษย์(ซึ่งก็เท่ากับ ๗ วันในสวรรค์)

ท้าวสักกะ (พระโพธิสัตว์) ทรงระลึกถึงข้อผูกพันที่เคยกระทำไว้กับพระนางอุทัย-

ภัทรา ทรงมีพระประสงค์จะทดลองพระนางด้วยทรัพย์ แล้วจึงจะแสดงธรรมให้พระ

นางได้สดับในภายหลัง เพื่อจะทรงปลดเปลื้องข้อผูกพันดังกล่าว จึงได้เสด็จเข้าไป

หาพระนางอุทัยภัทรา ที่ประทับนั่งระลึกถึงศีลของตน อยู่ในห้องบนปราสาทชั้นที่ ๗

โดย(ท้าวสักกะ) ทรงมาพร้อมกับถาดทอง ๑ ใบ บรรจุทองจนเต็ม (วันแรกทรงมาพร้อม

กับถาดทอง บรรจุทอง วันที่สอง ทรงมาพร้อมกับถาดทอง บรรจุเงิน และวันที่สาม

ทรงมาพร้อมกับถาดโลหะ บรรจุกษาปณ์ ซึ่งลดลงเรื่อย ๆ) และได้มีการสนทนากัน

ไปมา ตามข้อความที่ปรากฏในพระสูตร นั่นแล

ในที่สุด พระนางอุทัยภัทรา ได้สละราชสัมบัติ ออกผนวช(บวช) เป็นฤาษิณี (ฤาษี

ผู้หญิง) อยู่ที่พระราชอุทยาน ในพระนครนั้นนั่นเอง ทรงประพฤติธรรม เมื่อสิ้นพระ

ชนม์แล้ว ไปเกิดเป็นบาทปริจาริกา (เทพธิดาผู้รับใช้ใกล้พระบาท) ของท้าวสักกะ

ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงชาดกนี้จบลง พระภิกษุรูปดังกล่าวได้บรรลุเป็น

พระโสดาบัน (พระนางอุทัยภัทรา ได้มาเป็นพระนางยโสธราพิมพา พระมารดาของ

พระราหุล ส่วนท้าวสักกเทวราช ได้มาเป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า).


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้าที่ ๔๕

บุคคลใดตั้งวาจาและใจไว้โดยชอบ แม้ด้วยทั้งกายก็มิได้กระทำบาปต่าง ๆ คือ

มาประพฤติยึดมั่นซึ่งกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการเหล่านี้ เมื่ออยู่ครองเรือนอันมีข้าวและ

น้ำมากมาย คือ มีไทยธรรมเพียงพอ ประกอบด้วยความเชื่อมั่นว่าวิบากแห่งทานมีอยู่

มีจิตอ่อนโยน ได้นามว่า ผู้จำแนกแจกจ่าย เพราะการจำแนกทาน ได้นามว่าผู้รู้ถ้อย

คำ เพราะทราบถึงการให้ปัจจัย แก่เหล่าบรรพชิตผู้ท่องเที่ยวไปเพื่อภิกษาพากันกล่าว

ไว้ หมายความว่า เพราะทราบวาทะนี้ ชอบสงเคราะห์กันด้วยสังคหวัตถุ ๔ ประการ

ได้นามว่าผู้มีวาจาน่าคบหาเป็นสหาย เพราะเป็นผู้พูดแต่วาจาที่น่ารัก ได้นามว่า ผู้พูด

อ่อนหวาน เพราะกล่าววาจาที่เป็นประโยชน์ บุคคลนั้นดำรงอยู่ในกองแห่งคุณธรรมนี้

คือ มีประมาณเท่านี้ เมื่อจะไปยังปรโลก ก็ไม่ต้องหวาดกลัวเลย.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้าที่ ๔๙

เธอพึงทราบเถิดว่า ในสังสาระนี้ สุคติคือที่เกิดของมนุษย์และทุคติคือที่เกิดของ

สัตว์ดิรัจฉาน นี้ใด แม้ทั้งสองนั้น เป็นที่พักชั่วคราวแล้ว จงไปประพฤติธรรม

อย่าประมาทเสียนะ การมาจากที่ต่าง ๆ แล้วพบกันในที่แห่งเดียวกันของสัตว์เหล่านั้น

เป็นการนิดหน่อย สัตว์เหล่านี้ อยู่ร่วมกันชั่วกาลมีประมาณเล็กน้อยเท่านั้น เพราะ

ฉะนั้น เธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท.







เอาบุญมาฝากวันนี้ได้จะถวายสังฆทาน
อนุโมทนาบุญกับผู้ใส่บาตรตามถนนหนทาง กรวดน้ำอุทิศบุญ เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน
รักษาศีล อาราธนาศีล เจริญวิปัสสนา ได้ปฏิบัติธรรม
ได้ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระธาตุ
ทำงานบ้านช่วยพ่อแม่และเจริญอาโปกสิน ศึกษาการรักษาโรค
ให้อาหารสัตว์เป็นทาน นำดอกไม้มาบูชาพระธาตุและพระรัตนตรัย
วันนี้พิเศษได้ไปปิดทองพระธาตุ และปิดทองพระ 2 วัด

และปล่อยหอยกับปลาดุกจำนวนประมาณ 50 ตัว

ถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ ได้รักษาอาการป่วยของคนไข้โดยไม่คิดเงิน

ช่วยเหลือเพื่อนยามตกยากและเมื่อวานนี้ได้มีการให้ทานแก่บุคคล

ทั่วไป ประมาณ 150 คน และที่วัดก็มีการให้อาหารปลาเป็นทานบารมี
และสร้างบารมีครบทั้ง 10 อย่าง ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย




เชิญชวนร่วมทำบุญ สร้างโบสก์ วันป่าดอนหายโศก จังหวัดอุดรธานี

กฐินวัดป่าดอนหายโศก ปี 2553 นี้ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม (วันอาทิตย์)

กำหนดการมีดังนี้



0730 พระภิกษุบิณฑบาตร
0800 เร่ิมประเคนอาหาร
0900 ตั้งกองกฐิน และ ทอดถวาย
1000 พระสงฆ์ อนุโมทนา และเร่ิมการกรานกฐิน เสร็จพิธี
ผู้ที่ต้องการบริจาค สามารถทำได้ที่วัดโดยตรง หรือ โอนผ่านบัญชีของวัด
ธนาคารกรุงไทย สาขา บิ๊กซีอุดรธานี

ชื่อบัญชี “วัดป่าดอนหายโศก” 950-0-04474-9


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO