นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 06 พ.ค. 2024 1:20 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ปัจจัย
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 29 เม.ย. 2010 9:16 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
ประโยชน์ของการฟัง คือ มีความเห็นที่ถูกต้อง ว่า

ฟัง เพื่อ ละ ความไม่รู้-ในสิ่งที่ไม่เคยได้ฟัง.


ความรู้ จะมีได้

ก็ต่อเมื่อมีสิ่งที่มีจริง ๆ ที่กำลังปรากฏ-ให้สามารถที่จะรู้ได้.


จากความไม่รู้ ก็จะเริ่มค่อย ๆ รู้ขึ้น ๆ

และไม่ใช่ไปรู้สิ่งอื่น ซึ่งไม่ปรากฏในขณะนี้.


นี่คือประโยชน์ของการฟัง"พระสัทธรรม"

คือ เริ่มมีความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ในสิ่งที่ได้ฟัง.


สิ่งที่มีจริง ๆ ที่กำลังปรากฏนั้น เป็นสิ่งที่รู้ (ลักษณะ) ได้ไหม.?

แล้วถ้ารู้ จะรู้ได้อย่างไร.?


เมื่อฟังต่อไปอีก ก็จะค่อย ๆ เข้าใจขึ้นอีกได้

(ซึ่งก็คือ การ "อบรม" เจริญปัญญา)


เพราะว่า "ปัญญา" ไม่ได้รู้อย่างอื่น

แต่ รู้ สิ่งที่กำลังมี ซึ่งกำลังปรากฏให้รู้.


การดำรงชีวิตอยู่ในโลก โดยไม่มีอะไรปรากฏให้รู้ ให้เห็น ฯ เป็นไปไม่ได้

ความจริง คือ อยู่โดยไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง.!

แล้วจะอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ความจริงไปเรื่อย ๆ

หรือจะอยู่ไป โดยค่อย ๆ เข้าใจขึ้น ว่า สิ่งที่มีจริง ๆ นั้น คืออะไร.!


ถ้าบอกว่า

"ขณะนี้ เป็นธรรมะ ที่รู้ได้ เข้าใจได้"

แต่ ต้อง ด้วย "ปัญญา" เท่านั้น.!


คือ ค่อย ๆ มีความเห็นถูก

มีความเข้าใจถูก ในสิ่งที่กำลังฟัง เพิ่มขึ้น ๆ


และจะต้องเป็น "ปัญญาของผู้ฟัง" ผู้นั้นเอง

ไม่ใช่ว่า ต้องไปเชื่อใคร หรือว่า เชื่อตามใคร.


ในการเริ่มต้นศึกษา "พระสัทธรรม"

ก็คือ ฟังสิ่งที่ "ผู้รู้" ตรัสรู้...........?


.


ผู้ที่พูดให้ฟังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

ผู้พูด จะรู้หรือไม่รู้

ผู้ฟัง จะรู้ว่า สิ่งที่ได้ฟังนั้น ถูกหรือไม่

ก็ควรพิจารณาว่า ถ้าพูดถูก ก็หมายความว่า ผู้พูด รู้ตามที่พูด.


ถ้าผู้พูด พูดเหมือนกับว่ารู้

แต่เมื่อฟังไปเรื่อย ๆ ก็ย่อมรู้ได้ว่า ผู้พูดไม่ได้รู้จริง ๆ


เช่น ถ้าบอกว่า

"ขณะนี้ เป็น ธรรมะ"

"พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรมะ"


แล้วผู้ฟัง จะ รู้ อะไร.?

ก็ต้อง "รู้ธรรมะ" ที่กำลังปรากฏ ในขณะนี้.?


ถ้าสิ่งที่มีจริง แต่ไม่ได้กำลังปรากฏ ในขณะนี้

หรือถ้าสิ่งที่มีจริง ปรากฏแล้ว ดับไปหมดแล้ว

ก็ไม่สามารถที่จะ "รู้ลักษณะของสิ่งนั้น" ได้.


เพราะฉะนั้น

"ความรู้" จะมีได้ ก็ต่อเมื่อมีสิ่งที่กำลังปรากฏ.!


การพูดในสิ่งที่จริง ต้อง "รู้เจตนา" ด้วย ว่า พูดทำไม

พูด ให้เกิดความเห็นถูก หรือว่า พูด ให้เข้าใจผิด.


จะผิด หรือ ถูก ก็ไม่ใช่ใคร

เพราะเป็น "ธรรมะ"


"ธรรมะ" ที่เป็นความเห็นผิด ก็มี

"ธรรมะ" ที่เป็นความเห็นถูก ก็มี.


เพราะฉะนั้น

การพูด เพื่อให้เกิดความเห็นถูก

ว่า สิ่งใดที่ผิดไปจากความเป็นจริง ก็ต้องผิด

จะเปลี่ยนสิ่งที่ผิด ให้เป็นถูกนั้น เปลี่ยนไม่ได้

จะเปลี่ยนสิ่งที่ถูก ให้เป็นผิด ก็เปลี่ยนไม่ได้เช่นกัน

เพราะเป็น "ธรรมะ"


ขณะที่กำลังเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิดนึก

ซึ่งเกิดขึ้นตามปกติ ในชีวิตประจำวันอยู่แท้ ๆ

ก็ยังไม่รู้ตามความเป็นจริงเลย

ว่า แท้จริงแล้ว เป็น "ธาตุ" (ธรรมะ) ซึ่งมีปัจจัยที่ทำให้เกิด-ดับ-สืบต่อ

และต้องเป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย.


ซึ่งไม่มีวันที่จะสิ้นสุด ถ้า "ปัญญา" ไม่เกิดขึ้น

ก็ไม่สามารถที่จะ "ดับ-ธาตุรู้"

ซึ่งเป็นปัจจัยให้สภาพธรรมเกิด-ดับ-สืบต่อ-ตามเหตุ ตามปัจจัย

ซึ่งก็หมายถึง "สังสารวัฏฏ์"


ผู้ที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน

ด้วยความไม่รู้ ไม่ประจักษ์สภาพธรรม ตามความป็นจริงนั้น เป็นไปไม่ได้.!

และ "หนทาง" ในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อการประจักษ์สภาพธรรม

คือ การเจริญสติปัฏฐาน หรือ มรรคมีองค์ ๘.


"สติปัฏฐาน"

จะเกิดขึ้น รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้

ตามปกติ ตามความเป็นจริง

โดยไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจอะไรเลยนั้น...ไม่ได้.!


ขณะที่ "สติ" กำลังรู้สภาพธรรมใด ๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ๆ

ก็เป็นสิ่งที่ "เลือกไม่ได้เลย" เพราะเป็นอนัตตา

คือ ต้องเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย ซึ่งบังคับบัญชาไม่ได้.


สติปัฏฐาน ก็เป็น อนัตตา

เพราะฉะนั้น

ความรู้ ความเข้าใจ ที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จากการฟัง "พระสัทธรรม"

แล้ว ละความต้องการ (ว่าเมื่อไรสติปัฏฐานถึงจะเกิด)

สติปัฏฐาน จึงจะมีปัจจัย ที่จะเกิดขึ้นได้.


เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน
ได้อนุโมทนาบุญกับผู้ใส่บาตรตามถนนหนทาง กรวดน้ำอุทิศบุญ
เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน
รักษาศีล อาราธนาศีล เจริญวิปัสสนา ได้ปฏิบัติธรรม
ได้ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระธาตุ
ทำงานบ้านช่วยพ่อแม่ทุกวัน
และเจริญอาโปกสิน
ฟังธรรมศึกษาธรรม
ศึกษาการรักษาโรค
คุณพ่อและคุณแม่ฟังธรรมะทุกวัน และเมื่อวานนี้คุณแม่ก็ได้สวดมนต์
นั่งสมาธิ เดินจงกรม
และสร้างบารมีครบทั้ง 10 อย่าง ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญสร้างบันไดขึ้นถ้ำ (สำนัสงฆ์ถ้ำ 2ชั้น )
0879001012

ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิจงบรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO