นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 06 พ.ค. 2024 1:09 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทวิเหตุ
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 20 เม.ย. 2010 8:57 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
ท่านแสดงอริยสัจทั้งสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค

โดยนัยสุญญตา คือ ความว่างจากตัวตน

ดังข้อความจากอรรถกถาตอนหนึ่งมีว่า

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 307

ว่าด้วยวินิจฉัยโดยสุญญตา (ว่าง)

ในข้อว่า โดยสุญญตาและโดยเป็นธรรมอันเดียวกันเป็นต้น นี้

พึงทราบโดยสภาพว่างก่อน. จริงอยู่ โดยปรมัตถ์ สัจจะทั้งหมดทีเดียว พึง

ทราบว่า เป็นสภาพว่าง เพราะไม่มีผู้เสวย ไม่มีผู้ทำ ไม่มีผู้ดับ ไม่มีผู้เดิน

ด้วยเหตุนั้น นักปราชญ์จึงประพันธ์คำคาถานี้ไว้ว่า

ความจริง ทุกข์เท่านั้นมีอยู่ แต่

บุคคลไร ๆ ผู้เป็นทุกข์หามีไม่ การทำมีอยู่

แต่ผู้ทำหามีไม่ ความดับมีอยู่ แต่บุคคลผู้

ดับหามีไม่ ทางมีอยู่ แต่บุคคลผู้เดินหามีไม่.

อีกอย่างหนึ่ง

ความว่างในสัจจะ ๔ เหล่านั้น พึง

ทราบอย่างนี้ คือ สัจจะ ๒ บทแรกว่างจาก

ความเที่ยง ความงาม ความสุข และอัตตา

อมตบทคือพระนิพพานว่างจากอัตตา มรรค

ว่างจากความยั่งยืน ความสุข และอัตตา....
ปทปรมะ คือ ผู้มีบทอย่างยิ่ง หมายความว่า ไม่สามารถบรรลุ

เป็นพระอริยบุคคลได้ แม้ฟังพระธรรมมาก อบรมเพียรปฏิบัติมาก ก็ตายอย่างปุถุชน

ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนก็ตาม ในยุคครั้งพุทธกาลเป็นยุคกาลสมบัติ ผู้ที่สะสมบุญมามาก

เมื่อได้ฟังพระธรรมไม่มาก เพียง ๑ คาถา หรือ ๑ สูตร ก็สามารถบรรลุเป็นพระอริย

บุคคล และยุคหลังต่อๆมาผู้ที่บรรลุก็ค่อยๆน้อยลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไม่มีผู้บรรลุ แม้

ศึกษามากก็ตาม อนึ่งยุคหลังๆ ยิ่งไกลครั้งพุทธกาลมากเท่าไหร่ผู้ที่มีปัญญาก็ยิ่งน้อย

ลงเรี่อยๆครับ
จิตทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นชาติกุศล ชาติอกุศล ชาติวิบาก หรือ ชาติกิริยา ก็ตาม

มีลักษณะเดียว เท่านั้น คือ มีการรู้แจ้งอารมณ์เป็นลักษณะ เพราะเหตุว่าเมื่อจิตเกิด

ขึ้น ย่อมรู้อารมณ์ แล้วแต่ว่าจะเป็นอารมณ์อะไร (อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตรู้) เช่น เสียง

เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นรูปธรรมอย่างหนึ่ง เป็นอารมณ์ของจิตได้ยิน(โสตวิญญาณ)

แต่เมื่อศึกษาในรายละเอียดของวิถีจิต ก็จะทราบได้ว่าจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางโสต-

ทวาร ไม่ได้มีเฉพาะโสตวิญญาณเท่านั้นที่มีเสียงเป็นอารมณ์ แต่จิตทุกขณะที่เกิดขึ้น

ทางโสตทวาร รู้เสียงเหมือนกัน มีเสียงเป็นอารมณ์เหมือนกัน แต่รู้โดยกิจหน้าที่ที่ต่าง

กันเท่านั้น ครับ
แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา สูงสุดคือ วิมุติ การหลุดพ้นจากกิเลส (อรหันตมรรค)

ขั้นรองลงมาก็คือการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอนาคามีบุคคล พระสกทาคามีบุคคล

พระโสดาบันบุคคล สำหรับกัลยาณปุถุชนทั้งหลายก็เข้าถึงแก่นแท้ได้ระดับหนึ่ง

คือ การศึกษาพระธรรมจนเข้าใจ มีปัญญารู้หนทางที่ถูกต้อง อบรมอธิศีล อธิจิต

และอธิปัญญา เพื่อเป็นปัจจัยในการรู้แจ้งอริยสัจต่อไป

พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของผู้รู้ คือ เป็นคำสอนของพระผู้มีพระภาคอรหันต-

สัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมคำสอนที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา

นั้น เพื่อให้พุทธบริษัทเกิดปัญญา ความเข้าใจ ถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรม

ที่กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่อละความไม่รู้ สูงสุด คือ

วิมุตติสาระ (การบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด)

ไม่ใช่เพื่อลาภ สักการะ สรรเสริญ ชื่อเสียง ซึ่งเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น ครับ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ ๓๒๒

อรรถกถา พระปัจฉิมวาจา


..........................บทว่า อปฺปมาเทน สมุปาเทถ ความว่า


จงยังกิจทั้งปวงให้สำเร็จ ด้วยความไม่ไปปราศจากสติ.


ดังนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงบรรทมที่เตียงปรินิพพาน


ประทานพระโอวาท ที่ทรงประทานมา ๔๕ พรรษา


รวมลงในบทเดียว


คือ ความไม่ประมาท อย่างเดียวเท่านั้น.

ในมหาสาโรปมสูตร พระพุทธองค์แสดงว่า แก่นของการประพฤติพรหมจรรย์ใน

พระศาสนานี้ คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม บรรลุความเป็นพระอรหันต์ ธรรมะทุกข้อที่

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา ควรที่พุทธศาสนิกชนจะ

พิจารณา ทั้งเรื่อง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ อริยสัจจ์ ปฏิจจสมุปบาท และพระสูตรทั้งหลาย

ที่แสดงความจริง เพราะพระอริยสาวกเมื่อรู้ความจริงย่อมเบื่อหน่าย และหลุดพ้น

ว่าด้วยเปรียบน้ำตากับน้ำในมหาสมุทร [อัสสุสูตร]


เราผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ได้กล่าวไว้ดังนี้ว่า

กระดูกของบุคคลคนหนึ่งที่สะสมไว้กัปหนึ่ง พึง

เป็นกองเท่าภูเขา ก็ภูเขาที่เรากล่าวนั้น คือ ภูเขาใหญ่

ชื่อเวปุลละ อยู่ทิศเหนือของภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้เมือง

ราชคฤห์ อันมีภูเขาล้อมรอบ เมื่อใดบุคคลเห็นอริยสัจ

คือทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ความล่วงพ้นทุกข์ และ

อริยมรรคมีองค์ ๘ อันยังสัตว์ให้ถึงความสงบทุกข์

ด้วยปัญญาอันชอบ เมื่อนั้น เขาท่องเที่ยว ๗ ครั้ง

เป็นอย่างมาก ก็เป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ เพราะสิ้น

สังโยชน์ทั้งปวง ดังนี้แล.
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระอภิธรรม คือธรรมะที่ละเอียดยิ่ง พระอภิธรรม

กล่าวถึงความเป็นปัจจัยซึ่งกันและกันของ จิต เจตสิก รูป ว่าเป็นทุกข์

ไม่เที่ยง และเป็นอนัตตา การศึกษาเรื่อง จิต เจตสิกและรูป ที่กำลัง

ปรากฏ พิจารณาให้เข้าใจในความเป็นอนัตตาของธรรมทั้ง ๓ เป็นเรื่อง

ที่สำคัญที่สุด เพราะในขณะที่เห็น ได้รับรู้ และได้เข้าใจ นั้นไม่ใช่เรา

ที่ไม่ใช่เราเพราะเป็นธรรมะและเป็นอนัตตา


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒

หน้าที่ 554

เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้

เที่ยวเสาะหาแก่นไม้อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ถากเอาแก่นถือไป

รู้จักว่าแก่น บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้

รู้จักแก่น รู้จักกระพี้ รู้จักเปลือก รู้จักสะเก็ด รู้จักกิ่งและใบ จริงอย่างนั้น

บุรุษผู้เจริญนี้ มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะหาแก่นไม้

อยู่ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีแก่นตั้งอยู่ ถากเอาแก่นถือไป รู้จักว่าแก่น และกิจที่จะ

พึงทำด้วยไม้แก่นของเขา

ว่าด้วยที่สุดของพรหมจรรย์

[๓๕๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดังพรรณนามาฉะนี้ พรหมจรรย์นี้

จึงมิใช่มีลาภสักการะและความสรรเสริญเป็นอานิสงส์ มิใช่มีความถึงพร้อมแห่ง

ศีลเป็นอานิสงส์ มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งสมาธิเป็นอานิสงส์ มิใช่มีญาณ-

ทัสสนะเป็นอานิสงส์ แต่พรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุตติอันไม่กำเริบ เป็นประโยชน์

เป็นแก่น เป็นที่สุด.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นชื่นชม

ยินดี พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วแล.

จบ มหาสาโรปมสูตรที่ ๙

เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทานกับคุณแม่
ได้อนุโมทนาบุญกับผู้ใส่บาตรตามถนนหนทาง กรวดน้ำอุทิศบุญ
เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน
รักษาศีล อาราธนาศีล เจริญวิปัสสนา ได้ปฏิบัติธรรม
ได้ถวายข้าวพระพุทธรูป สักการะพระธาตุ
ทำงานบ้านช่วยพ่อแม่ทุกวัน
และเจริญอาโปกสิน
ฟังธรรมศึกษาธรรม
รักษาอาการป่วยของแม่
และสร้างบารมีครบทั้ง 10 อย่าง ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญสร้างวิหารทานสมเด็จโต พรหมรังสี
โทร 083-7348224

ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิจงบรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO