นวรัตน์ดอทคอม

เป็นความจริงอีกข้อหนึ่ง ความดีและความชั่วที่เราทำไปแล่วจะเอากลับมาทำอีกไม่ได้ เพราะสิ่งที่เราทำไปแล้วเป็นอดีต เหมือนข้าวที่เรากินเข้าไป จะเอากลับมาอีกไม่ได้ฉะนั้น


พระพุทธเจ้าสอนว่า เมื่อเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำไปแล้วไม่ดี เป็นความชั่ว ก็ให้ระวังตน อย่าทำความชั่วชนิดนั้นเป็นครั้งที่สอง และพร้อมกันนั้นก็ให้พยายามทำแต่ความดีไปอย่าได้ขาด นี่เป็นใจความแห่งการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาที่ว่า ให้ละชั่วทำดี

ศาสนาพราหมณ์มีวิธีล้างบาปด้วยการลงอาบน้ำในแม่น้ำ ศาสนาคริสต์มีวิธีล้างบาปด้วยการสารภาพผิดและเชื่อถือต่อพระเยซู ส่วนพระพุทธศาสนามีวิธีล้างบาปด้วยการละความชั่ว ประพฤติความดี ผู้ที่มีกาย วาจา ใจสุจริต ก็คือผู้มีบาปอันล้างแล้ว

การล้างของชั่วให้หายก็ต้องเอาของดีล้าง เราจะแก้ความร้อนก็ต้องเอาความเย็นแก้ จะแก้ความมืดก็ต้องเอาความสว่างแก้ จะล้างภาชนะที่เปรอะเปื้อนด้วยของโสโครกก็ต้องเอาน้ำที่สะอาดล้าง นี่คือ แนวคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีเหตุผลละละละเป็นจริงอย่างที่สุด



ที่มา : หนังสือ ศิษย์มีครู โดย สมชาย ปรางค์นวรัตน์ ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ขอบคุณครับ

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht

ขออนุญาตเสริมหน่อยนะ
การรู้สึกถึงปัจจุบันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าเพราะว่าการมีสติอยู่
ในขณะปัจจุบันนั้นเมื่อมีสติอยู่นั้นเอง
ก็สามารถที่จะละความชั่วได้
และขณะนั้นจิตใจก็สงบไปด้วยนี้แหละเป็นความดีอย่างหนึ่ง
ขอขอบคุณครับขออนุโมทนาด้วย

ขอขอบพระคุณ คุณรสมน มากค่ะ