นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 3:26 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: พ่อชาลีลูกรัก
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 06 ธ.ค. 2009 9:22 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๓ - หน้าที่ ๕๔๘


พระมหาสัตว์ตรัสว่า

[๑๑๗๐] ดูก่อนพ่อชาลีลูกรัก มานี่เถิด ลูกทั้ง

สองจงยังบารมีของพ่อให้เต็ม จงช่วยโสรจสรงหทัย

ของพ่อให้เย็นฉ่ำ จงทำตามคำของพ่อ ขอเจ้าทั้งสอง

จงเป็นดังยานนาวาของพ่อ อันไม่หวั่นไหวในสาคร

คือภพ พ่อจักข้ามซึ่งฝั่งคือชาติ จักยังสัตว์โลกพร้อม

ทั้งทวยเทพให้ข้ามด้วย ดูก่อนลูกกัณหามานี่เถิด เจ้า

เป็นธิดาที่รัก ทานบารมีก็เป็นที่รักของพ่อ จงช่วย

โสรจสรงหทัยของพ่อให้เย็นฉ่ำ ขอจงทำตามคำของ

พ่อ ขอเจ้าทั้งสองจงเป็นยานนาวาของพ่อ อันไม่

หวั่นไหวในสาครคือภพ พ่อจักข้ามซึ่งฝั่ง คือชาติ

จักช่วยสัตวโลกพร้อมทั้งทวยเทพให้ข้ามด้วย.



พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 492

๗. เปตเตยยสูตร

ว่าด้วยสัตว์ผู้เกื้อกูลบิดามีน้อย

[๑๗๖๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ผู้

เกื้อกูลแก่บิดามีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่เกื้อกูลแก่

บิดา มีมากกว่า ฯลฯ



พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 66

......เศรษฐีผู้คหบดีกราบทูลว่า การที่จิตของยสกุลบุตรพ้น

จากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่นนั้น เป็นลาภของ

ยสกุลบุตร ยสกุลบุตรได้ดีแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้

มีพระภาคเจ้ามียศกุลบุตรเป็นปัจฉาสมณะ..........



พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้าที่ 865

๘. ตักกลชาดก

ว่าด้วยการเลี้ยงดูบิดามารดา

[๑๔๐๕] ท่านสวิฏฐกะ ผู้ใดเป็นคนมีธรรมอัน

ลามก เบียดเบียนมารดาหรือบิดา ผู้ไม่ประ-

ทุษร้าย ผู้นั้นครั้นตายไปภายหน้า ย่อมเข้าถึง

นรกโดยไม่ต้องสงสัย.

[๑๔๐๖] ท่านสวิฏฐกะ ผู้ใดบำรุงเลี้ยงมารดาบิดา

ด้วยข้าวน้ำ ผู้นั้นครั้นตายไปภายหน้า เข้าถึง

สุคติโดยไม่ต้องสงสัย.



พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 274

๔. มหาศาลสูตร

...................ลำดับนั้น ลูกทั้งสี่คนของพราหมณ์

นั่งเฝ้าพระศาสดา กราบทูลในระหว่างเสวยภัตตา-

หารว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พวกข้าพระองค์

ปรนนิบัติบิดาของพวกข้าพระองค์ มิได้ประมาท

ขอพระองค์จงดูอัตภาพ. พระศาสดาตรัสว่า ขึ้นชื่อ

ว่า การเลี้ยงดูบิดามารดาที่พวกเธอทำแล้ว เป็น

ความดี พวกโบราณบัณฑิตเคยประพฤติกันอย่าง

สม่ำเสมอทีเดียว แล้วตรัสนาคราชชาดก ยก

อริยสัจ ๔ แสดงธรรม ในเวลาจบเทศนาพราหมณ์

พร้อมด้วยลูก ๔ คน ลูกสะใภ้ ๔ คน ส่งญาณไป

ตามกระแสเทศนา ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล. จำเดิม

แต่นั้น พระศาสดามิได้เสด็จไปที่เรือนของชนเหล่า

นั้นในกาลทั้งปวง ดังนี้แล.

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 141

ข้อความบางตอนจาก สิวิราชจริยา

ข้าแต่ท่านผู้เป็นจอมชนพระองค์ปรารถนา

อะไรหนอ จึงทรงให้ อายุ วรรณะ สุขะ พละ.

จริงอยู่ พระราชาผู้ยอดเยี่ยมกว่าชนใน

แคว้นสีพี พระราชทานพระเนตร เพราะเหตุ

แห่งปรโลกได้อย่างไร.

เราไม่ให้ดวงตานิเพราะหวังยศ ไม่

ปรารถนาบุตร ไม่ปรารถนาทรัพย์ ไม่ปรารถนา

แว่นแคว้น อนึ่ง ธรรมของสัตบุรุษทั้งหลาย

เป็นธรรมเก่าอันบัณฑิตประพฤติกันมาแล้ว.

ใจของเรายินดีในการให้ ด้วยประการ-

ฉะนี้แล

พระคุณของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เมื่อประมวลมาแล้วก็มีเพียง ๓ ประการ คือ

พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ และ พระปัญญาคุณ แต่เมื่อจะกล่าวโดย

ละเอียด ไม่มีใครที่จะนับ ไม่มีใครที่จะประมาณได้

"พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วและทรงให้ผู้อื่นตรัสรู้ตามด้วย

พระองค์ทรงพ้นแล้วและทรงยังผู้อื่นให้พ้นด้วย

พระองค์ทรงข้ามแล้วและทรงยังผู้อื่นให้ข้ามด้วย"



...ครั้นเมื่อภายหลังพุทธกาลล่วงได้ ๒๐๐ ปีเศษ พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้

ยิ่งใหญ่แห่งชมพูทวีปได้เสด็จไปนมัสการ ณ สถานที่ตรัสรู้นี้เป็นนิจ ทุกครั้งที่พระองค์

เสด็จมาพระองค์ได้นำเครื่องสักการบูชามาเป็นจำนวนมาก เพื่อทรงสักการบูชาแก่ต้น

พระศรีมหาโพธินั้นซึ่งเป็นเสมือนดังตัวแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งได้

เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงดำริที่จะสร้างเครื่องรองรับ

ของสักการบูชาที่พระองค์ทรงนำมาจากพระราชวัง จึงมีพระราชโองการให้หาช่างที่มี

ฝีมือเข้ามาเฝ้า แล้วทรงปรึกษากับบรรดาช่างเหล่านั้นโดยได้ทรงเสนอแนะให้ข้อคิดถึง

รูปลักษณะในการที่จะสร้างเครื่องรองรับของสักการบูชาเหล่านั้น บรรดาช่างทั้งหลายก็

รับพระบรมราชโองการและร่างแบบแปลนตามพระราชดำริทุกประการ …


...พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างพระแท่นวัชรอาสน์เพื่อแทนพระแท่นรัตนบัลลังก์

เก่าที่บังเกิดขึ้นแก่พระตถาคตเจ้าในวันตรัสรู้ หลังจากที่ได้ทรงประดิษฐานพระแท่นที่

รองรับเครื่องสักการบูชาแล้ว พระองค์จึงได้พระราชทานนามแห่งพระแท่นนั้นว่า “พระ

แท่นวัชรอาสน์” ซึ่งหมายความว่า “พระที่นั่งแห่งมหาบุรุษผู้มีใจเพชร”


และเพื่อจะได้เป็นอนุสรณ์แห่งพุทธศาสนิกชนผู้เกิดในรุ่นหลังที่ได้มานมัสการ

ณ สถานที่ตรัสรู้ จะได้รู้และเห็นว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมา

สัมพุทธเจ้าผู้เป็นเอกแห่งโลก ได้ประทับนั่งในวันตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ….

...รูปลักษณะของพระแท่นวัชรอาสน์ เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานสลักด้วยแผ่นหิน

ทรายด้านยาววัดได้ ๗ ฟุต ๖ นิ้ว ด้านกว้างได้ ๔ ฟุต ๑๐ นิ้ว ความหนาวัดได้ ๕ นิ้วฟุต

ครึ่ง ตั้งอยู่บนฐานก่ออิฐฉาบด้วยปูน เมื่อรวมฐานที่ประดิษฐานกับแท่นวัชรอาสน์สูง ๓

ฟุตพอดี ส่วนบนพื้นผิวด้านหน้าของพระแท่นแกะสลักเป็นเชิงศิลปะรูปหัวแหวนเพชร

และมีเพชรซีกประดับอยู่โดยรอบเรือนแหวน ด้านข้างทางทิศเหนือและทิศใต้แกะ

สลักเป็นรูปดอกบัวและรูปห่านหรือพระยาหงษ์ ส่วนด้านต้นพระศรีมหาโพธินั้นแกะ

สลักเป็นรูปดอกมณฑารพ (ACANTHUS) เป็นที่น่าเสียดายที่ด้านทิศตะวันออกนั้น

ได้ถูกเชื่อมติดกับองค์พระเจดีย์มหาโพธิวิหารเสีย

....พระแท่นวัชรอาสน์นี้ได้ถูกทำลายในตอนปลายคริสตศตวรรษที่ ๑๒ แตกออกเป็น

๕ เสี่ยง ต่อมาท่านเซอร์อเล็กซานเดอร์ คันนิงแฮม นักโบราณคดีแห่งอังกฤษได้ทำ

การบูรณปฏิสังขรณ์ โดยนำเอาส่วนต่าง ๆ มาประกอบกันเข้าในรูปเดิมได้อย่างเรียบ

ร้อย ซึ่งหากเราไม่สังเกตแล้วจะไม่ทราบเลยว่าพระแท่นนี้ได้เคยถูกทำลายมา

แล้ว…


ถ้าได้มากราบนมัสการพระแท่นวัชรอาสน์ในครั้งต่อไป คงจะซาบซึ้งในพระมหากรุณา

คุณของพระผู้มีพระภาคมากขึ้น เมื่อทราบว่าเป็นแท่นที่สร้างขึ้นแทนรัตนบัลลังก์ที่ทรง

ประทับนั่งในวันตรัสรู้


...เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงเสวยข้าวมธุปายาสที่นางสุชาดาถวายแล้ว ในเวลาเย็น

เสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชราไปยังแดนมหาโพธิ์ ทรงรับหญ้ากุสะ ๘ กำมือ จากโสตถิย

พราหมณ์ แล้วเสด็จตรงไปยังต้นพระศรีมหาโพธิ ทรงปูลาดหญ้ากุสะ ๘ กำมือนั้นลง

พลางออกพระโอษฐ์ตั้งพระสัตยาธิษฐานว่า “ถ้าอาตมะจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิ

ญาณแล้วไซร้ ขอจงบังเกิดเป็นรัตนบัลลังก์ขึ้น ณ บัดนี้”


ทันใดนั้น รัตนบัลลังก์ก็ได้อุบัติขึ้นด้วยบุญญาธิการของพระองค์ พระองค์จึงเสด็จขึ้น

ประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์นั้นโดยผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกทางแม่น้ำเนรัญชรา

พร้อมกับอธิษฐานจิตอย่างแน่วแน่ว่า


“ถึงเลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไป จะยังคงเหลืออยู่แต่เพียงหนัง เส้นเอ็น และ

กระดูกก็ตามที หากข้าพเจ้ายังมิได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วไซร้ ข้าพเจ้าจะ

มิยอมลุกขึ้นจากรัตนบัลลังก์นี้”…

...ทรงบรรลุญาณทั้ง ๓ ตามลำดับ คือ บุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ และ

อาสวักขยญาณ ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในเวลารุ่งอรุณพอดี


ครั้นได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว พระองค์ประทับอยู่บนรัตนบัลลังก์นั้น

เสวยวิมุตติสุขสิ้นกาล ๗ วันแล้ว พระองค์เสด็จลุกจากรัตนบัลลังก์มุ่งพระพักตร์ตรง

ไปทางทิศอีสาน ทันใดนั้นพระรัตนบัลลังก์ก็อันตรธานหายไป...


เมื่อได้เห็นแท่นวัชรอาสน์ และรู้ความหมายที่ว่า “พระที่นั่งแห่งมหาบุรุษผู้มีใจเพชร”

แล้ว แล้วความเข้าใจจากการได้ศึกษาธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ดีแล้วในคืนวันเพ็ญเดือน ๖

เมื่อ ๒,๕๙๗ กว่าปีมาแล้ว ก็ปรุงแต่งให้เกิดปีติยิ่งนัก แม้มีความเข้าใจธรรมที่ลึกซึ้ง

เพียงน้อยนิด เหมือนจะงอยปากยุงที่จุ่มลงในมหาสมุทร ก็ยังทำให้เกิดความสุขในชีวิต

มากขนาดนี้ เมื่อมีโอกาสได้ฟังสภาพธรรมที่เป็นจริงที่พระองค์ทรงนำมาแสดงตลอด

เวลา ๔๕ พรรษา ก็ยิ่งทำให้มีความศรัทธามั่นคงที่จะศึกษาพระธรรมและน้อมประพฤติ

ปฏิบัติตามต่อไปเพิ่มขึ้น จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งทุกข์

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า







เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน

เดินจงกรม กำหนดอิริยาบทย่อยเมื่อวานนี้ได้มีงานที่หอพระชลบุรี

มีงานเฉลิมฉลอง เนื่องในวันที่ 5 ธันวาคม มีการตักบาตรตอนเช้า และเมื่อวานนี้ได้ช่วยคางคกที่อยู่กลางถนนไม่ให้ถูกรถเหยียบ และได้โมทนาบุญกับผู้ใส่บาตรตอนเช้าตามถนนหนทาง และเมื่อคืนนี้ได้พาคุณแม่สวดมนต์

และตั้งใจว่าจะกำหนดอิริยาบทย่อย เดินจงกรม นั่งสมาธิ สวดมนต์

และวันนี้ตั้งใจว่าจะสักการะพระธาตุ และวันนี้ได้ถวายข้าวพระพุทธรูปด้วย

เมื่อวานเย็นก็ได้สนทนาธรรมกับพระอาจารย์ที่วัดแถวบ้านด้วย

และได้ช่วยเหลือเพื่อนแบ่งของใช้ให้เพื่อนในเครื่องอุปโภคบริโภค

ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO