นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 9:37 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 17 พ.ย. 2009 6:11 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
พระบรมสารีริกธาตุ คือ พระอัฐิธาตุ หรือกระดูกของพระพุทธเจ้า ส่วนอัฐิธาตุของพระ

อรหันต์ เรียกว่า พระธาตุ


ขนาดของพระบรมสารีริกธาตุ มี ๔ ขนาด คือ เท่าเมล็ดถั่วเต็ม หรือเมล็ดถั่วหักครึ่ง

เท่าเมล็ดข้าวสาร หรือเมล็ดข้าวสารหัก เท่าเมล็ดงา และเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด ซึ่ง

เป็นไปตามที่พระผู้มีพระภาคทรงอธิษฐานไว้ว่า “เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พระธาตุ

จงทำลายเรี่ยไรออกเป็น ๔ ขนาด มหาชนจะได้อัญเชิญไปนมัสการ ก่อพระสถูป บรรจุ

ไว้ในนานาประเทศที่อยู่แห่งตนๆ จะได้ผลไปสู่สุคติภพ”


พระบรมสารีริกธาตุมีเนื้อละเอียด มีความมันวาวสดใส ขนาดใหญ่มีสีเหลืองคล้ายสี

ทอง ขนาดกลางมีสีดั่งแก้วผลึก ขนาดเล็กมีสีดั่งดอกพิกุล


ชนิดของพระบรมสารีริกธาตุ มี ๒ ชนิด คือ


ชนิดคงรูปเดิม คือ ไม่แตกหรือเปลี่ยนรูป มีอยู่ ๗ องค์ คือ พระเขี้ยวแก้ว (ฟันกราม)

๔ องค์ พระรากขวัญ (ไหปลาร้า) ๒ องค์ พระอุณหิศ (หน้าผาก) ๑ องค์


ชนิดไม่คงรูปเดิม คือ ส่วนที่แตกออกเป็นองค์เล็กๆ จำนวน ๑๖ ทะนาน แบ่งออกเป็น

ขนาดเท่าเมล็ดถั่วจำนวน ๕ ทะนาน ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร ๕ ทะนาน ขนาดเท่า

เมล็ดงาหรือเมล็ดพันธุ์ผักกาด ๖ ทะนาน


เมื่อโทณพราหมณ์ได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้กษัตริย์ ๘ พระนครแล้ว บรรดากษัตริย์

เหล่านั้นได้สร้างพระสถูปเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจำนวน ๘ แห่ง คือ


๑. พระเจ้าอชาติศัตรูสร้างสถูปที่เมืองราชคฤห์


๒. กษัตริย์ศากยวงศ์ได้สร้างที่เมืองกบิลพัสดุ์


๓. เจ้าลิจฉวีได้สร้างที่เมืองเวสาลี


๔. เจ้าถูลิยะได้สร้างที่เมืองอัลลกัปปะ


๕. เจ้าโกลิยะได้สร้างที่เมืองรามคาม


๖. มัลลกษัตรยิ์แห่งเมืองวาปาได้สร้างที่เมืองปาวา


๗. มหาพราหมณ์ได้สร้างที่เมืองเวฏฐทีปกะ


๘. มัลลกษัตริย์แห่งกุสินาราได้สร้างที่เมืองกุสินารา


ส่วนกษัตริย์โมริยะไม่ได้ส่วนพระบรมสารีริกธาตุ เพราะมาทีหลัง จึงขอส่วนแบ่งเป็น

พระอังคาร แล้วนำไปสร้างสถูปที่เมืองปิปผลิวัน เรียกว่า อังคารสถูป โทณพราหมณ์

ได้สร้างสถูปบรรจุทะนานที่ใช้ตวงพระบรมสารีริกธาตุ เรียกว่า ตุมพสถูป หรือตุมพเจดีย์

เป็นพระสถูปทั้งหมด ๑๐ สถูป


พระบรมสารีริกธาตุส่วนอื่นๆ ได้ประดิษฐานในที่ต่างๆ ตามที่กล่าวไว้ในปฐมสมโพธิ

กถาว่า พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนฝ่ายขวากับพระรากขวัญเบื้องขวา ประดิษฐานในพระ

จุฬามณีเจดีย์ ณ ดาวดึงส์เทวโลก พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำฝ่ายขวา ไปประดิษฐาน ณ

ลังกาทวีป เป็นต้น


หลังจากพุทธปรินิพพานแล้ว ๔ ปี พระมหากัสสปะได้ทราบด้วยญาณว่า ต่อไปในภาย

ภาคหน้า อันตรายจะพึงบังเกิดแก่พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุไว้ในเมืองต่างๆ จึงได้ให้

คำแนะนำแก่พระเจ้าอชาตศัตรูให้ฝังพระบรมสารีริกธาตุในแผ่นดินให้พ้นจากอันตราย

เมื่อสร้างที่ประดิษฐานเสร็จแล้ว ท่านพระมหากัสสปะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ

ด้วยอำนาจฤทธิ์จากพระสถูปที่สร้างไว้ใน ๗ พระนคร เว้นเมืองรามคามแห่งเดียว

ต่อมาภายหลังจากพระพุทธศาสนาล่วงไปได้ ๒๑๘ ปี พระเจ้าอโศกมหาราชได้ขุด

ค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ จึงได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูปถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ ทุกๆ

พระนครทั่วชมพูทวีป เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งพระสถูปเจดีย์ที่พุทธ

คยาด้วย


พระผู้มีพระภาคตรัสถึงการอันตรธาน ๕ ประการ คือ


๑. ปริยัติอันตรธาน คือ ความเสื่อมสูญแก่งพระปริยัติธรรม


๒. ปฏิปัตติอันตรธาน คือ ความเสื่อมสูญแห่งการปฏิบัติ


๓. ปฏิเวธอันตรธาน คือ ความเสื่อมสูญแห่งการตรัสรู้มรรคผล


๔. ลิงคอันตรธาน คือ ความเสื่อมสูญจากเพศสมณะ


๕. ธาตุอันตรธาน คือ ความเสื่อมสูญแห่งพระบรมสารีริกธาตุ


เมื่อไม่มีผู้เคารพสักการบูชา พระบรมสารีริกธาตุทั้งปวงก็เสด็จไปสู่ถิ่นที่มีผู้สักการ

บูชา เมื่อเวลาผ่านไป ที่ทั้งหลายทั้งปวงปราศจากผู้ที่สักการบูชา พระบรมสารีริกธาตุ

ทั้งหลายทั้งจากมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก และนาคพิภพจะมารวมกันเข้า แล้ว

เสด็จไปสู่พระมหาเจดีย์ใหญ่ในลังกาทวีป ต่อจากนั้นก็จะเสด็จไปสู่ราชายตนเจดีย์

นาคพิภพ แล้วเสด็จไปสู่มหาโพธิบัลลังก์ ปรากฏเหมือนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ยังทรงพระชนม์อยู่ ประกอบด้วยพระมหาปุริสสลักษณะ ๓๒ ประการ และอนุพยัญชนะ

๘๐ ประการ ซึ่งมนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถมองเห็น มีแต่เทพยดาในหมื่นจักรวาลเท่า

นั้นที่มองเห็นได้ จากนั้นเตโชธาตุก็ตั้งขึ้นจากพระสรีรธาตุ เผาผลาญสังขารให้ย่อยยับ

เปลวไฟที่ตั้งขึ้นเผาพระบรมสารีริกธาตุนั้นพุ่งไปถึงพรหมโลก เป็นธาตุอันตรธาน หรือ

พระบรมสารีริกธาตุปรินิพพาน เป็นการสิ้นสุดศาสนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระโคดมพระองค์นี้


นับว่าเป็นโชคดีที่เกิดมาในสมัยที่ยังมีพระศาสนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

จึงได้เห็นพระบรมสารีริกธาตุ ได้เห็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่จะเป็นที่ประดิษฐานพระบรม

สารีริกธาตุเป็นครั้งสุดท้ายก่อนอันตรธาน ได้นมัสการอย่างใกล้ชิดด้วยการเทินไว้บน

ศีรษะ ได้ฟังพระธรรม ได้เห็นพระสงฆ์ และชาวพุทธที่มีจิตศรัทธาเดินทางมาจากที่

ต่างๆเพื่อนมัสการสังเวชนียสถานร่วมกัน ไม่รู้ว่าชาติต่อไปจะมีโอกาสอย่างนี้หรือไม่

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจธรรม จึงอธิษฐานว่า ผลจากการนมัสการอย่างสูง

สุดเช่นนี้ ขอให้มีส่วนในธรรมที่พระองค์ตรัสรู้แล้วด้วยเทอญ


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 102

[อธิบายเหตุให้เกิดความฝัน ๔ อย่าง]

ก็แล บุคคลเมื่อจะฝันนั้น ย่อมฝันเพราะเหตุ ๔ ประการคือ เพราะ

ธาตุกำเริบ ๑

เพราะเคยทราบมาก่อน ๑

เพราะเทวดาสังหรณ์ ๑

เพราะบุพนิมิต ๑.

บรรดาเหตุ ๔ อย่างนั้น คนผู้มีธาตุกำเริบ เพราะประกอบด้วย

ปัจจัยอันทำให้ดีเป็นต้นกำเริบ ชื่อว่า ย่อมฝัน เพราะธาตุกำเริบ. และ

เมื่อฝัน ย่อมฝันต่าง ๆ เช่นเป็นเหมือนตกจากภูเขา เหมือนเหาะไป

ทางอากาศ และเหมือนถูกเนื้อร้าย ช้างร้าย และโจรเป็นต้น ไล่ติดตาม.

เมื่อฝันเพราะเคยทราบมาก่อน ชื่อว่า ย่อมฝันถึงอารมณ์ที่ตนเคยเสวยมา

แล้วในกาลก่อน . พวกเทวดาย่อมนำอารมณ์มีอย่างต่าง ๆเข้าไป เพื่อ

ความเจริญบ้าง เพื่อความเสื่อมบ้าง เพราะเป็นผู้มุ่งความเจริญบ้าง

เพราะเป็นผู้มุ่งความเสื่อมบ้าง แก่บุคคลผู้ฝัน เพราะเทวดาสังหรณ์ ผู้นั้น

ย่อมฝันเห็นอารมณ์เหล่านั้นด้วยอนุภาพของพวกเทวดานั้น. เมื่อบุคคล

ฝันเพราะบุพนิมิต ชื่อว่า ย่อมฝันที่เป็นบุพนิมิตแห่งความเจริญบ้าง แห่ง

ความเสื่อมบ้าง ซึ่งต้องการจะเกิดขึ้น ด้วยอำนาจแห่งบุญและบาป

เหมือนพระมารดาของพระโพธิสัตว์ ทรงพระสุบินนิมิตในการที่จะได้

พระโอรสฉะนั้น, เหมือนพระโพธิสัตว์ทรงมหาสุบิน ๕ และเหมือน

พระเจ้าโกศลทรงพระสุบิน ๑๖ ประการฉะนั้นแล.

บรรดาความฝัน ๔ อย่างนั้น ความฝันที่คนฝัน เพราะธาตุกำเริบ

และเพราะเคยทราบมาก่อนไม่เป็นจริง. ความฝันที่ฝันเพราะเทวดา

สังหรณ์ จริงก็มี เหลวไหลก็มี, เพราะว่าพวกเทวดาโกรธแล้ว ประสงค์

จะให้พินาศโดยอุบาย จึงแสดงให้เห็นวิปริตไปบ้าง. ส่วนความฝันที่คนฝัน

เพราะบุพนิมิต เป็นความจริงโดยส่วนเดียวแล. ความแตกต่างแห่ง

ความฝัน แม้เพราะความแตกต่างแห่งมูลเหตุทั้ง ๔ อย่างนี้คละกันก็มี

ได้เหมือนกัน. ก็แลความฝันทั้ง ๔ อย่างนี้นั้น พระเสขะและปุถุชน

เท่านั้น ย่อมฝันเพราะยังละวิปลาสไม่ได้. พระอเสขะทั้งหลาย ย่อมไม่ฝัน

เพราะท่านละวิปลาสได้แล้ว


พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 643

ข้อความบางตอน ...

ชื่อว่าการนอนหลับของบุคคล เพราะความเกลื่อนกล่นแล้วด้วยกุศลจิตเป็นต้น

ซึ่งเป็นไปรวดเร็วบ่อย ๆ อันใดก็ฉันนั้น. การข้ามไปจากภวังค์บ่อย ๆ เพราะ

ความเป็นไปของการหลับอันใด การประกอบด้วยการหลับนั้น ย่อมเห็นสุบิน

เพราะเหตุนั้นการฝันนี้ ย่อมเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง เป็นอัพยากตะบ้าง. ใน

การฝันเหล่านั้น เมื่อบุคคลฝันว่าทำการไหว้พระเจดีย์ การฟังธรรม การแสดง

ธรรมเป็นต้น ย่อมเป็นกุศล เมื่อฝันว่าทำปาณาติบาตเป็นต้น ย่อมเป็นอกุศล

พ้นจากจิตทั้งสองนี้ ในขณะแห่งอาวัชชนะและตทารัมมณะ พึงทราบว่าเป็น

อัพยากตะ. แม้ในเวลาที่กล่าวว่า สิ่งนี้เราเห็นแล้ว สิ่งนี้เราได้ยินแล้ว สิ่ง

ที่ปรากฏแล้วนั่นแหละ ก็เป็นอัพยากตะเช่นกัน. ..
อัพยากตะ โดยรวมหมายถึง ธรรมที่ไม่เป็นกุศล และ ไม่เป็นอกุศล

อัพยากตะ ได้แก่ วิบากจิต กิริยาจิต เจตสิกที่ประกอบ รูปทั้งหมด และ นิพพาน



เอาบุญมาฝากเมื่อวานไปบริจาคเลือดครั้งที่ 14 ก่อนไปบริจาคเลือด ได้ไป
ทำบุญกับมูลนิธิช่วยชีวิตเด็กผู้ด้อยโอกาส ได้ทำบุญสร้างบ้านให้เด็กด้อยโอกาส
และมีอีกหลายอย่างที่จำไม่ได้ และในขณะบริจาคก็ยังมีสติกำหนดอิริยาบทย่อยแม้จะเจ็บตรงที่เข็มแทงก็มีสติกำหนดอยู่ และได้สวดมนต์ เจริญวิปัสสนา
ให้ธรรมะเป็นทาน นั่งสมาธิ เดินจงกรม อาราธนาศีล และตั้งใจว่าจะสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม กำหนดอิริยาบทย่อย และเอสบุญมาฝากอีกเมื่อเช้านี้ได้ไปถวายสังฆทาน และได้ตักบารตรด้วยมีผู้คนมาตักบาตรเยอะมากก็ได้อนุโมทนา
กับผู้ใส่บาตรตลอดสายถนนเมื่อเห็นผู้อื่นใส่ก็อนุโมทนาตลอดทางเลยขอให้อนุโมทนาด้วย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 17 พ.ย. 2009 10:20 pm 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
สาธุ..

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO