นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 2:26 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 09 พ.ย. 2009 8:28 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
จากเรื่องราวเมื่อตอนที่แล้วได้แสดงว่า พระมหินเถระที่ประเทศอินเดีย ได้พิจารณา

ถึงกาลเวลาที่เหมาะสมในการประกาศพระศาสนาที่ประเทศศรีลังกา ว่าเวลาที่พระเจ้า-

เทวนัมปิยดิสขึ้นครองราชย์เป็นเวลาที่เหมาะสม ในการประกาศพระศาสนา และเมื่อ

พระเจ้าเทวนัมปิยดิสขึ้นครองราชย์ พระอินทร์ก็ได้ไปบอกกับพระมหินเถระว่าถึง

เวลาแล้วที่ควรไปประกาศพระศาสนาที่ประเทศศรีลังกา เหตุที่พระอินทร์ไปบอกกับ

พระมหินเถระเพราะพระพุทธเจ้าเมื่อยังไม่ได้ปรินิพพาน ได้ทรงเห็นว่าในอนาคตกาล

พระพุทธศาสนาจะรุ่งเรื่องที่ประเทศศรีลังกา จึงได้ตรัสกับพระอินทร์ว่าแม้พระองค์ก็

ควรไปเกาะศรีลังกากับพระมหินเถระด้วย

มาถึงตอนที่ 2 เรื่องราวจึงพอสรุปได้ดังนี้ พระมหินเถระและภิกษุรูปอื่นๆ เหาะจาก

ประเทศอินเดียมาที่มิสสกบรรพตที่ประเทศศรีลังกา ประมาณ ปี 236 หลังจากที่พระ-

พุทธเจ้าปรินิพพาน ซึ่งในขณะนั้นพระเจ้าเทวนัมปิยดิสกำลังล่าเนื้ออยู่ที่ภูเขามิสสก

บรรพตเช่นกัน จึงได้พบพระเถระและได้มีการสนทนา ซึ่งขอให้ได้อ่านข้อความใน

พระไตรปิฎกโดยละเอียดอันจะนำมาซึ่งความเข้าใจและปิติปราโมทย์ในพระธรรม

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 123

[พระมหินทเถระพร้อมกับคณะไปเกาะลังกา]

พระเถระ รับคำของท้าวสักกะนั้นแล้ว เป็น ๗ คนทั้งตน เหาะขึ้น

ไปสู่เวหาจากเวทิสบรรพต แล้วดำรงอยู่บนมิสสกบรรพต ซึ่งชนทั้งหลายใน

บัดนี้จำกันได้ว่า เจติยบรรพตบ้าง ทางทิศบูรพาแห่งอนุราชบุรี. เพราะ เหตุนั้น

พระโบราณาจารย์ทั้งหลายจึงได้กล่าวไว้ว่า

พระเถระทั้งหลายพักอยู่ที่เวทิสคิรี-

บรรพตใกล้กรุงราชคฤห์ สิ้น ๓๐ ราตรีได้

ดำริว่า เป็นกาลสมควร ที่จะไปยังเกาะอัน

ประเสริฐ, พวกเราจะพากันไปสู่เกาะอัน

อุดม ดังนี้ แล้วได้เหาะขึ้นจากชมพูทวีป

ลอยไปในอากาศดุจพญาหงส์บินไปเหนือ

ท้องฟ้าฉะนั้น,พระเถระทั้งหลายเหาะขึ้นไป

แล้วอย่างนั้นก็ลงที่ยอดเขาแล้ว ยืนอยู่บน

ยอดบรรพต ซึ่งงามไปด้วยเมฆ อันตั้งอยู่

ข้างหน้าแห่งบุรีอันประเสริฐราวกะว่า หมู่-

หงส์จับอยู่บนยอดเขาฉะนั้น.

ก็ท่านพระมหินทเถระ ผู้มาร่วมกับพระเถระทั่งหลาย มีพระอิฏฏิยะ เป็นต้น

ยืนอยู่อย่างนั้น บัณฑิตพึงทราบว่า ได้ยืนอยู่แล้วในเกาะนี้ ในปีที่ ๒๓๖ พรรษา

นับมาแต่ปีที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน



[พระเจ้าเทวานัมปิยดิสทรงพบพระมหินทเถระ]

ก็ในวันนั้น ที่เกาะตัมพปัณณิทวีป มีงานนักษัตรฤกษ์ในเชษฐมาสต้น

(คือเดือน ๗). พระราชาทรงรับสั่งให้โฆษณานักษัตรฤกษ์ แล้วทรงบังคับ


พวกอำมาตย์ว่า พวกท่าน จงเล่นมหรสพเถิด ดังนี้ มีราชบุรุษจำนวนถึง


สี่หมื่นเป็นบริวาร เสด็จออกไปจากพระนคร มีพระสงค์จะทรงกีฬาล่าเนื้อ


จึงเสด็จไปโดยทางที่มิสสกบรรพตตั้งอยู่. เวลานั้น มีเทวดาตนหนึ่ง ซึ่ง

สิงอยู่ที่บรรพตนั้น คิดว่า เราจักแสดงพระเถระทั้งหลาย แก่พระราชา จึง

แปลงเป็นตัวเนื้อละมั่งเที่ยวทำทีกินหญ้าและใบไม้อยู่ในที่ไม่ไกล(แต่พระเถระ

นั้น). พระราชาทรงทอดพระเนตรเห็นเนื้อละมั่งตัวนั้นแล้ว จึงทรงดำริว่า บัดนี้


ยังไม่สมควรจะยิงเนื้อ ตัวที่ยังเลินเล่ออยู่ จึงทรงดีดสายธนู. เนื้อเริ่มจะหา


ทางหนี ๆ ไปทางที่กำหนดหมายด้วยต้นมะม่วง. พระราชาเสด็จติดตามไป


ข้างหลัง ๆ แล้วเสด็จขึ้นสู่ทางที่กำหนดด้วยต้นมะม่วงนั่นเอง. ฝ่ายมฤค ก็

หายตัวไปในที่ไม่ไกลพระเถระทั้งหลาย. พระมหินทเถระเห็นพระราชากำลัง

เสด็จมาในที่ไม่ไกล จึงอธิษฐานใจว่า ขอให้พระราชาทอดพระเนตรเห็น

เฉพาะเราเท่านั้น อย่าทอดพระเนตรเห็นพวกนอกนี้เลย จึงทูลทักว่า ติสสะ

ติสสะ ขอจงเสด็จมาทางนี้. พระราชาทรงสดับแล้ว เฉลียวพระหฤทัยว่า

ขึ้นชื่อว่าชนผู้ที่เกิดในเกาะนี้ซึ่งสามารถจะเรียกเราระบุชื่อว่า ติสสะ ไม่มี ก็

สมณะโล้นรูปนี้ทรงแผ่นผ้าขาดที่ตัด (ด้วยศัสตรา) นุ่งห่มผ้ากาสาวะ เรียก

เราโดยเจาะชื่อ ผู้นี้คือใครหนอแล จักเป็นมนุษย์หรืออมนุษย์ ? พระเถระจึง

ถวายพระพรว่า

ขอถวายพระพร มหาบพิตร ! อาตม-

ภาพทั้งหลายชื่อว่าสมณะ เป็นสาวกของ

พระธรรมราชามาที่เกาะนี้ จากชมพูทวีป

เพื่ออนุเคราะห์มหาบพิตรเท่านั้น



ท้าวเธอพระองค์นั้น เมื่อทรงอนุสรณ์ถึงศาสนาประวัตินั้น ที่พระองค์

ได้ทรงสดับมาไม่นาน(ได้ฟังจากพระเจ้าอโศก) ครั้นได้ทรงสดับคำนั้น ของ

พระเถระว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร ! อาตมภาพทั้งหลาย ชื่อว่าสมณะ

เป็นสาวก ของพระธรรมราชาดังนี้ เป็นต้นแล้วทรงดำริว่า พระผู้เป็น

พระเจ้าทั้งหลาย มาแล้วหนอแล จึงทรงทิ้งอาวุธในทันใดนั้นเอง แล้วประทับ

นั่งสนทนาสัมโมทนียกถาอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง.เหมือนดังที่พระโบราณาจารย์

กล่าวไว้ว่า

พระราชาทรงทิ้งอาวุธแล้ว เสด็จ-

ประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ครั้นประทับนั่ง

แล้ว ได้ตรัสพระดำรัสประกอบด้วยประโยชน์

เป็นอันมากร่าเริงอยู่.

[พรเถระแสดงให้พระราชาทอดพระเนตรเห็นจริงอีก ๖ คน]

คราวนั้น พระเถระ ก็แสดงชน ๖ คนแม้นอกนี้. พระราชาทอด

พระเนตรเห็น (ชนทั้ง ๖ นั้น) แล้ว จึงทรงรับสั่ง (ถาม) ว่า คน

เหล่านี้มาเมื่อไร ?

พระเถระ. มาพร้อมกับอาตมภาพนั่นแล มหาบพิตร !

พระราชา. ก็บัดนี้สมณะแม้เหล่าอื่น ผู้เห็นปานนี้ มีอยู่ในชมพูทวีปบ้างหรือ ?

พระเถระ. มีอยู่ มหาบพิตร ! บัดนี้ ชมพูทวีป รุ่งเรืองไปด้วย

ผ้ากาสาวพัสตร์ สะบัดอบอวลไปด้วยลมฤษี, ในชมพูทวีปนั้น

มีพระอรหันต์พุทธสาวกเป็นอันมาก

ซึ่งเป็นผู้มีวิชชา ๓ และได้บรรลุฤทธิ์

เชี่ยวชาญทางเจโตปริยญาณ สิ้นอาสวะแล้ว.

พระราชา. ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ! พระคุณเจ้าทั้งหลาย พากัน

มาโดยทางไหน ?

พระเถระ. มหาบพิตร ! อาตมภาพทั้งหลายไม่ได้มาทางน้ำและทางบกเลย.

พระราชา. ก็ทรงเข้าพระทัยได้ดีว่า พระคุณเจ้าเหล่านี้มาทางอากาศ



เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน และตั้งใจว่าจะสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
 หัวข้อกระทู้: Re: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 09 พ.ย. 2009 8:40 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 24 พ.ค. 2009 9:57 am
โพสต์: 106
อนุโมทนา สาธุ ครับ
อ่านแล้วเกิดปีติซาบซ่านอย่างยิ่ง ขอขอบพระคุณครับ...

_________________
************สนับสนุนให้คนไทย************
พิมพ์ พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยอย่างถูกต้อง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO