นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 12:08 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เมื่อเอ่ยถึง
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 05 พ.ย. 2009 8:40 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
เมื่อเอ่ยถึงประเทศศรีลังกา หลายท่านก็คงพอทราบได้ว่าเป็นประเทศที่นับถือพระ-

พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธ

ศาสนาในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนานั้นไม่ได้หมาย

ความถึง จำนวนวัดวาอารามหรือศาสนวัตถุต่างๆ แต่หมายถึงจิตใจของบุคคลที่มีความ

เข้าใจพระธรรม คำสั่งสอนอันเป็นเหตุให้บรรลุธรรม ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นใน

อนาคตกาลว่า พระศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองที่ประเทศศรีลังกาอันหมายถึงมีบุคคลต่างๆ

มากมายมีศรัทธาอันประกอบด้วยปัญญา ที่เข้าใจพระธรรมจนมีผู้ที่บรรลุธรรมนั่นเอง

ซึ่งหากเราได้เข้าใจประวัติของประเทศศรีลังกาอย่างแท้จริงแล้ว ตามที่พระธรรมที่

พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ก็จะทำให้เราซาบซึ้งเมื่อได้ไปประเทศศรีลังกา หรืออยากที่

จะไปศรีลังกาเพราะได้เข้าใจประวัติศรีลังกานั่นเอง ข้าพเจ้าจึงขอนำประวัติศรีลังกา

อันเป็นพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า อันเป็นการบูชาคุณพระรัตนตรัยให้สัตว์ทั้ง-

หลาย ได้เจริญในอริยทรัพย์มีศรัทธาและปัญญา เป็นต้น

ประวัติความเจริญในพระพุทธศาสนาประเทศศรีลังกา

ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระราชาผู้ปกครองประเทศอินเดีย พระเจ้าอโศกได้

นับถือพระพุทธศาสนา มีศรัทธาอย่างมาก ได้ถวายพระวิหารแด่พระภิกษุสงฆ์แปดหมื่น

สี่พันหลังและได้ให้พระราชโอรสและพระราชธิดาคือ พระมหินทกุมารและพระนางสังฆ-

มิตตาออกบวช ซึ่งพระมหินทเถระได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในขณะที่อุปสมบทนั่นเอง

ต่อมาก็มีผู้มีศรัทธาออกบวชมากมาย ลาภสักการะเจริญขึ้นกับพระพุทธศาสนา แต่พวก

นอกศาสนาเสื่อมลาภ สักการะ เพราะเหตุนั้นพวกอัญญเดียรถีย์จึงปลอมบวชเป็นพระ

ภิกษุ จนเป็นเหตุให้มีการสังคายนาครั้งที่สามและเมื่อเสร็จสิ้นการสังคายนาแล้วก็ได้มี

การตั้งพระภิกษุเผยแพร่พระศาสนาในที่ต่างๆ รวมทั้งที่เกาะตัมพปัณณิทวีป(ศรีลังกา)

ซึ่งทางคณะสงฆ์ได้ตั้งพระมหินเถระ (พะราชโอรสของพระเจ้าอโศก)ไปประกาศพระ-

ศาสนาที่ศรีลังกา





เพราะฉะนั้นแต่ละคนรู้ไหมว่า ชีวิตที่มีค่า..ถ้าเทียบจริง ๆ แล้วก็คือว่า

ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม..ก็จะเป็น...ไม่รู้จะตายหรือจะเป็น...นะ

เพราะว่าเป็นเด็ก...และก็ไม่มีพี่เลี้ยงที่เอาใจใส่คอยดูแลนะ...

ให้อาหาร คือพระธรรมตามสมควร

และก็ไม่ว่า...จะเกิดโรคอะไรขึ้นก็รักษาโรคนั้นด้วยยาต่าง ๆ

เพราะว่าสามารถที่จะเข้าใจว่า ยาไหนจะรักษาโรคอะไร สมควรเมื่อไร

แต่ถ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ และ ให้ยาสำหรับผู้ใหญ่ที่เติบโต...ทนไหวไหม...ใช่ไหม

แล้วเด็กเล็ก ๆ ก็มีหลายอัธยาศัยเหลือเกินนะ...

บางคนก็ดื้อยา บางคนไม่ชอบรับประทานยาเลย...นะ

บางคนรับประทานเข้าไปแล้วก็ ไม่มีผล ดื้อมาก..นะ

ต้องเปลี่ยนยาและต้องคอยดูแลประคับประคองอีกนาน...มาก...

ในชาตินี้และต่อไป...ในสังสารวัฏฏ์ ที่จะได้พบผู้ใหญ่ที่ใจดีอีกกี่คน...ใช่ไหม



แต่ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ใจดี และก็...ไม่รู้จักชื่ออาหาร...และก็ประโยชน์ของอาหาร...

และก็ไม่สามารถที่จะอ่านสลากยาได้ ผิด ๆถูก ๆก็...เป็นอันว่า

ไม่ได้ฟื้นหรือว่าไม่ได้เติบโต...ในพระธรรม

เพราะฉะนั้น พระธรรมเป็นสิ่งที่...ละเอียดมาก

และก็ผู้ใดที่มีความเข้าใจแล้ว...ก็..ช่วยกัน

ทำประโยชน์ เพื่อคนอื่น.จะได้มีความเข้าใจ
เพราะฉะนั้นเกิดมาแล้วก็มีเมตตาต่อกัน...นะ

ทำได้ไหม...ไม่ยากเลย...ใช่ไหม

เพียงแต่ว่า หวังดีต่อคนอื่น และก็.. ทำประโยชน์

พร้อมที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น

เพราะฉะนั้น ตอนนี้เป็นโอกาส

ใครจะเป็นเด็กมีโรคมาก หรือเรื้อรัง มีบาดแผล หรือจะยังไง ๆก็ตามแต่

หรือว่าอดอาหารมา ผอมมาก จะต้องบำรุงรักษาอีกนะ

กว่าจะฟื้นฟูให้เจริญเติบโตขึ้นได้

ก็เป็นโอกาส...ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่า...เมื่อไร

เพราะฉะนั้น ทำดีที่สุด...ทุกขณะ และก็ประโยชน์ที่สุดนะ

ก็คือว่าเข้าใจตนเองว่า เป็นคนที่จะต้องรักษาตัว เพราะโรคต่าง ๆ...

มีโรคอะไรบ้าง โรคโลภะ ติดหมดเลย...

ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

บริโภคโรคไปเท่าไรแล้วนี่ ตั้งแต่เช้ามา ไม่รู้เลย

โรคทั้งนั้นเลยนะ รักษาก็แสน...ที่จะยาก

ต้องเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์จริง ๆ ว่าเราป่วย...นะ เป็นไข้หนัก เป็นโรคเรื้อรัง

และหนทางเดียวที่จะรักษาโรคต่าง ๆ นี้ได้ก็คือว่า ความเข้าใจพระธรรม

เพราะว่าวันนี้ยังไม่ถึงไหนเลย ก็บริโภคโรคเยอะแยะ แล้วใช่ไหม

ก็เป็นอย่างนี้ พี่เลี้ยงใจดีก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนะ

เพื่อนฝูงที่ใจดีก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนะ ก็เป็นอย่างนี้นะ

แล้วก็...เดี๋ยวก็เข้าใจธรรมหน่อยหนึ่ง เกื้อกูลกัน ดีต่อกัน...





เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา กำหนดอิริยาบทย่อย ให้ธรรมะเป็นทาน

และตั้งใจว่าจะสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ศึกษาธรรม ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO