นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 2:20 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: การระลึกถึง
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 20 ต.ค. 2009 9:02 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
การที่ใครจะระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ไม่ใช่ด้วยตัวตน

ที่ไประลึกถึง แต่ต้องเป็นปัญญาที่มีความเข้าใจในพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัม-

พุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ จึงจะเป็นปัจจัยให้สติระลึกถึงพระพุทธคุณโดย

ไม่มีตัวตนไประลึก การระลึกถึง



คุณของเทวดานั้น ต้องเป็นปัญญาที่ระลึกถึงคุณความดี ที่เทวดานั้นได้กระทำไว้จึง

ได้ไปเกิดเป็นเทวดา เทวตานุสสติก็เช่นเดียวกัน ต้องเป็นปัญญาไม่ใช่ตัวตนที่จะไป

ระลึก...

จะเห็นได้ว่า...หลายคน ฟังมานาน...แต่ก็เหมือนเดิม



เช่น เคยโกรธ ก็ยังโกรธ อยู่.....แต่ ก็ยังฟังพระธรรม.





เมื่อสังขารขันธ์ปรุงแต่ง จนกระทั่ง เข้าใจพระธรรม ขณะใด



ขณะนั้น ย่อมเห็นความเปลี่ยนแปลง..........





เช่น เห็นโทษของตัวเอง...ที่โกรธบุคคลอื่น



ไม่ใช่เห็นโทษของคนอื่น...ที่ทำให้เราโกรธ.





อันนี้...ต่างกันแล้ว ใช่ไหม

อกุศลธรรมที่มีมาก ก็ต้องมีเหตุ



เพราะอกุศลจิตเกิดง่ายมาก และ ได้สะสมมามาก



ถ้าไม่มาก จนกระทั่งล้น...เช่น ทันทีที่เห็น ก็เกิดอกุศลจิต นั้น



จะเป็นไปได้ไหม.....?

เพราะฉะนั้น



ถ้าใครก็ตาม ที่เปลี่ยนไปจากเดิม...ก็เพราะ ความเข้าใจพระธรรม



ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นเลย

ความเข้าในพระธรรม ที่มากพอ



มากพอที่จะเป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดแทนที่อกุศลจิต



นี่คือประโยชน์ของ ความเข้าใจพระธรรม.





ไม่ใช่ฟังด้วยความหวัง ว่า...เมื่อไร สติปัฏฐานจะเกิด



โดยที่ไม่เข้าใจ ว่า เป็นสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่ง



โดยที่ใครก็ไปกะเกณฑ์ไม่ได้ ว่า วันนี้จะให้เข้าใจได้แค่นี้



วันต่อไปจะให้เพิ่มขึ้นอีกมาก



หรือ หวังว่า สติปัฏฐานจะเกิดเมื่อไร.

ถ้าเข้าใจ ความเป็นอนัตตา ของ ธรรม



ก็จะไม่มีปัญหาเหล่านี้เลย.!













เพราะฉะนั้น...แต่ละคำที่ได้ฟังนี้ มีความละเอียด ลึกซึ้ง



ในขณะที่ฟัง แล้วฟังด้วยความเคารพ...



ก็ต่างจากขณะที่ฟังด้วยความไม่เคารพ



นี่ก็เป็นเพราะ เห็นประโยชน์ ของการที่จะเข้าใจพระธรรม ที่ได้ฟัง.













การฟังพระธรรม ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก



จนกระทั่ง สังขารขันธ์ปรุงแต่งเป็นปัจจัยให้สามารถที่จะเข้าใจ "สภาพธรรม"

ขณะที่ได้ฟัง...ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้



นี่ก็เป็นสิ่งที่ต่างกันนะ

ถ้าฟังพระธรรม ด้วยความหวัง ว่าเมื่อไร สติปัฏฐานจะเกิด



หมายความว่า



ขณะนั้น...ไม่ได้ฟัง เพื่อที่จะเข้าใจ "ธรรม" ที่กำลังฟัง.



สิ่งที่ปรากฏทางตา เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ

ทุกอย่างที่เป็นที่น่ายินดี เพราะฉะนั้น ก็จะมีการนึกถึงว่า เป็นญาติบ้าง เป็นพี่บ้าง

เป็นน้องบ้าง แต่ตามความเป็นจริง คือยังมีความติดข้อง ไม่ว่าสิ่งใดจะปรากฏทาง

หนึ่งทางใด เพราะความไม่รู้จึงจำว่าเป็นคน เป็นหลาน เป็นอย่างนั้นอย่างนี้

แต่เพราะเหตุว่ายังมีความติดข้อง เครื่องผูก กามราคะสังโยชน์ ยังมีความพอใจอยู่

เปลี่ยนจากหลาน เปลี่ยนจากคุณแม่ เปลี่ยนจากใครก็ตามแต่ ก็ยังเป็นสิ่งที่ปรากฏ

ทางตาที่ยังพอใจ เป็นเสื้อ เป็นอาหาร เป็นอะไรได้ทั้งหมด ไม่สิ้นสุดความพอใจ

เพราะฉะนั้นจะไม่รู้เลยว่า ถ้ายังคงมีกามราคะความพอใจ ในรูป เสียง กลิ่น

รส โผฏฐัพพะ ก็จะต้องมีทุกข์ ไม่ใช่ไปโทษว่า เพราะอย่างนั้นทำให้เราเป็นทุกข์

เพราะรักคนนี้ทำให้เราเป็นทุกข์ เพราะรักคนโน้นทำให้เราเป็นทุกข์ แต่เพราะเรายัง

มีความติดข้อง ไม่จบ เพราะฉะนั้นก็ทุกข์ไม่จบ...















เอาบุญมาฝากวันนี้ได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน สวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ช่วยชีวิตสัตว์

กำหนดอิริยาบทย่อย ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO