มีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเวลาก่อนที่หลวงปู่หลวงตาจะฉัน ท่านจะนั่งหลับตาเสกข้าวก่อน ซึ่งแท้จริงแล้ว ท่านกำลังทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ให้พระภิกษุพิจารณาอาหารก่อนฉัน ซึ่งไม่เพียงแต่อาหารขบฉันเท่านั้น พระพุทธองค์ยังให้พิจารณาปัจจัย ๔ ทุกอย่างก่อนนำมาบริโภค
ปัจจัย ๔ ที่ผ่านการพิจารณาว่าบริโภคไปเพื่ออะไรแล้ว จึงจะเรียกว่าสามารถนำมาบริโภคใช้สอยได้อย่างไม่เป็นโทษ เพราะมิได้บริโภคด้วยความลุ่มหลงมัวเมา หลงสวยหลงงาม หลงความโก้เก๋ใด ๆ หากแต่บริโภคเพื่อยังอัตภาพร่างกาย รวมทั้งนุ่งห่ม หลบแดดฝน เหลือบยุง ฯลฯ เพื่อการประพฤติธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เท่านั้น
ในตอนหลวงปู่จะฉันอาหาร ขณะที่ท่านพิจารณาอาหารและอธิษฐานถวายข้าวพระพุทธเจ้าอยู่ ทุก ๆ คนในที่นั้นจะนั่งสงบนิ่ง ไม่มีเสียงแม้กระแอบกระไอ ทุกคนจะน้อมจิตร่วมถวายข้าวพระพุทธเจ้าไปกับหลวงปู่ด้วย (รวมทั้งมีภาพน่ารัก ๆ ของแมวตัวหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ หลวงปู่ ซึ่งนั่งอยู่ด้วยความเรียบร้อย ไม่ยุ่งวุ่นวายกับข้าวปลาอาหารเลย)
เมื่อหลวงปู่ลืมตาขึ้น ท่านจะตักกับข้าวมาใส่ในกะละมัง คนอาหารรวมกัน แล้วตักแบ่งไห้แมว ๒-๓ ช้อน แล้วท่านก็เริ่มฉันอาหาร ในขณะที่ลูกศิษย์ทั้งหลายจะรู้ตัวว่าต้องแยกย้ายกันไปนั่งสมาธิ โดยไม่ต้องรั้งรอให้หลวงปู่ไล่ให้ไป "ทำงาน" (คือปฏิบัติกรรมฐาน)
ข้าวที่เหลือในกะละมังของหลวงปู่ จะมีผู้นำไปตากแดด เพราะถือว่าข้าวนั้นหลวงปู่เสกให้แล้ว แต่แท้จริงแล้ว ข้าวนั้นถูกเสกโดยพระธรรม คือการทำข้อวัตรของพระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ จึงว่า ไม่เสกก็เหมือนเสก
----------------------------------------
บทความจากพี่พรสิทธิ์
เข้าสู่ระบบ 
สมัครสมาชิก
FAQ 
