นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 29 มี.ค. 2024 8:27 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 14 พ.ค. 2009 5:42 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 10:41 am
โพสต์: 1599
ปรกติผมเป็นคนชอบอ่านพุทธประวัติ รวมไปถึงประวัติพระสาวก เพราะมีส่วนช่วยเพิ่มพลังศรัทธา รวมทั้งให้แง่คิดมุมมองต่าง ๆ ที่สำคัญ เป็นการตามรอยหลวงปู่ดู่ที่ท่านสนใจศึกษาเรื่องเหล่านี้เช่นกัน

พออ่านไป ๆ ก็จะทำให้ตระหนักว่า กิเลสในสมัยก่อนกับสมัยนี้มันก็ตัวเดียวกัน เพียงแต่มีการแต่งเนื้อแต่งตัวแตกต่างกันเท่านั้น เนื้อแท้ยังคงเป็นเรื่องโลภ โกรธ หลงทั้งนั้น กิเลสก็ตัวเก่า ดังนั้น หนทางปราบกิเลส คือ มรรคมีองค์แปดก็ยังคงใช้ได้ผลตลอดทุกยุคทุกสมัยอย่างแน่นอน

เดิมพยายามเอาเรื่องนี้ไปโพสต์ลงใน "พุทธบารมี" แต่ทำอยู่หลายครั้ง ก็ไม่สำเร็จ มันเด้งออก ๆ จึงต้องมาโพสต์ในหมวดนี้ไปพลางก่อน เพราะเห็นว่าให้คติแง่คิดดีไม่น้อย โดยได้พยายามเรียบเรียงเรื่องให้กระชับขึ้นพอสมควรแล้ว

จะมีใครรู้บ้างว่าพระพุทธเจ้าในอดีตชาติก็เคยมีอะไร ๆ เช่นเดียวกับเรา ซึ่งในเรื่องที่จะนำมาเล่านี้ จะเห็นว่า พระองค์ก็เคยปฏิเสธการไปวัดในเวลาที่เพื่อนกัลยาณมิตรมาชักชวน แต่ภายหลังจากการที่ได้มีโอกาสฟังธรรม ทัศนะของพระองค์ก็เปลี่ยนไป ชีวิตของพระองค์ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน


เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงเกิดเป็นโชติปาลมาณพในนิคมแห่งหนึ่ง มีช่างหม้อชื่อฆฏิการะ เป็นโยมอุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาคกัสสปะ . ฆฏิการะแม้จะอยู่ในตระกูลที่ต่ำกว่าแต่ก็เป็นสหายรักของโชติปาละ


ด้วยความปรารถนาดี ฆฏิการะพยายามเชิญชวนอย่างที่สุดที่จะให้โชติปาลมาณพ ได้มีโอกาสไปพบและฟังธรรมพระกัสสปะพุทธเจ้า โดยกล่าวว่า
"เพื่อนโชติปาละ! มา, เราไปด้วยกัน, เราจักไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสปะ. การเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น บัณฑิตลงเห็นพร้อมกันว่า ดี".
แต่โชติปาละกลับปฏิเสธว่า “เพื่อน ฆฏิการะ! มีประโยชน์อะไรด้วยการเห็นสมณะหัวโล้นนั้น".
เขาทั้งสองพูดโต้กันอยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายหน

สุดท้าย ฆฏิการะจึงเปลี่ยนเป็นชวนไปเล่นนั้น โชติปาละจึงไปด้วยกัน แต่ในระหว่างอาบน้ำอยู่นั้น ก็ไม่วายที่จะเชิญชวนให้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าให้ได้อีก ถึงขั้นลงไม้ลงมือ ฉุดดึงให้ไปด้วยกัน จนโชติปาละเห็นผิดสังเกต คิดในใจว่า
"น่าแปลกใจจริงหนอที่ฆฏิการะช่างหม้อผู้มีชาติอันต่ำ มาอาจเอื้อมจับเรา ที่มวยผมของเรา, เรื่องนี้เห็นจักไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้วหนอ." ดังนี้ จึงกล่าวกะฆฏิการะช่างหม้อ
"เพื่อนฆฏิการะ! นี่จะเอาเป็นเอาตายกันเชียวหรือ?"
"ใช่ เพราะการเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการดีจริง ๆ."
" ถ้าเช่นนั้น ก็จงปล่อยมือออก เราจักยอมไปด้วยกัน".


เมื่อ ฆฏิการะและโชติปาลมาณพ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคกัสสปะถึงที่ประทับ. ฆฏิการะก็ก้มลงกราบ ในขณะที่โชติปาละแค่นั่งชื่นชมพระพุทธองค์อยู่ พระผู้มีพระภาคกัสสปะ ได้ทรงพระเมตตาแสดงธรรมยังความอาจหาญ ร่าเริง และปราโมทย์แก่เขาทั้งสอง


หลังจากกราบลาพระพุทธองค์ โชติปาลมาณพผู้ซึ่งบัดนี้เป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธองค์อย่างล้นเหลือจึงได้กล่าวถามกะฆฏิการะว่า
"เพื่อนฆฏิการะ ทำไมจึงยังไม่ออกบวช ยังจะมัวหวังประโยชน์อะไรจากการครองเรือนอีกเล่า?"
"เพื่อนไม่เห็นหรือ ฉันต้องเลี้ยงมารดาบิดาผู้แก่และตาบอดอยู่".
"เพื่อนฆฏิการะ! ถ้าเช่นนั้น ฉันจักบวช ออกจากเรือนไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนละ".
จากนั้นโชติปาลมาณพ ได้บรรพชาและอุปสมบทในสำนักแห่งพระผู้มีพระภาคกัสสปะแล้ว, ราวกึ่งเดือน พระผู้มีพระภาคกัสสปะ ก็เสด็จจาริกไปยังเมืองพาราณสี. ...ฯลฯ...

เมื่อเราได้อ่านและทราบเรื่องราวนี้แล้ว จะได้มีกำลังใจว่าพระพุทธองค์ก็เคยเป็นคนห่างวัดมาก่อน แต่ด้วยอาศัยกัลยาณมิตรและการตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ในที่สุดพระองค์ก็ได้บำเพ็ญบารมีโดยฝึกฝนอบรมตนเองอย่างต่อเนื่องกระทั่งมาเป็นพระพุทธเจ้าผู้เป็นสรณะสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย

ลูกศิษย์สำคัญๆ ของหลวงปู่ดู่บางคนในอดีตก็เคยปฏิเสธเวลามีเพื่อนมาชวนไปกราบพระ (กราบหลวงปู่ดู่) แต่ผมสังเกตว่าเข้าวัดเร็วหรือช้าไม่สำคัญ สำคัญที่การมีคุณสมบัติของความเป็นคนจริง แม้เข้ามาทีหลังแต่ปฏิบัติจริงๆ ปฏิบัติด้วยความเคารพ ไม่ทำเล่นๆ สุดท้ายผมก็เห็นเขาก้าวหน้าเป็นหลักให้กับหมู่คณะจำนวนไม่น้อย
นี้แหละ จึงว่าเรื่องราวพุทธประวัติสามารถให้ทั้งคติแง่คิดและพลังใจแก่พวกเราได้เป็นอย่างดี

----------------------------------------------------------
จากลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ดู่

_________________
ชาตินี้ไม่จริง ชาติไหนก็ไม่จริง


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 15 พ.ค. 2009 6:22 am 
ออฟไลน์
Administrator
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 08 ก.ย. 2008 11:37 am
โพสต์: 6391
สาาาาาธุ ........

_________________
089 969 9445 @ anytime
line ID navaraht


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 16 พ.ค. 2009 12:11 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
อนุโมทนาอย่างแรงครับสำหรับเรื่องนี้ :D

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 18 พ.ค. 2009 12:57 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
อนุโมทนาครับ โดยเฉพาะท่อนสุดท้าย "ได้ใจ" จริงๆ :P


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 18 พ.ค. 2009 9:29 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 8:36 pm
โพสต์: 969
ได้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์และแฝงด้วยธรรมะครับ

_________________
ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นคือดีเลิศ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO