นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 21 ธ.ค. 2025 3:46 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: แสวงหาธรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 20 ธ.ค. 2025 11:34 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 5152
#เรื่อง_การเดินธุดงค์ที่แท้จริง..!!

นานมาแล้วในอดีต มีพระอาจารย์รูปหนึ่ง
เข้ามาถามถึงข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการเดินธุดงค์กับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตว่า จะปฏิบัติด้วยวิธีใดจึงจะเป็นการถูกต้อง พระอาจารย์รูปนั้นได้เน้นว่า ผมเห็นพระธุดงค์ที่ไปปักกลดตามที่ชุมนุมชน หรือธุดงค์ไปไหว้พระเจดีย์ พระพุทธบาท บางกลดถึงกับเขียนประกาศติดไว้ที่มุ้งกลดว่ามีของดีใครต้องการ ให้มารับ

#พระอาจารย์มั่น ได้ให้คำตอบและอธิบายเรื่องนี้ให้พระรูปนั้นฟังอย่างแจ่มแจ้ง โดยใจความว่า

#การธุดงค์นั้นมุ่งหมายเพื่อถ่ายถอนกิเลส

กำจัดกิเลส การที่ออกธุดงค์โดยการโฆษณาหรือประกาศโฆษณาว่าจะออกไปทางโน้น
ทางนี้ โดยต้องการว่าจะให้คนไปหามากๆ
นั้นไม่ชื่อว่าเป็นการถูกต้อง ธุดงค์ก็แปลว่าเครื่องกำจัดความอยาก มีการฉันหนเดียว
ฉันในบาตรไม่มีภาชนะอื่น การบิณฑบาต
การอยู่โคนต้นไม้ การอยู่ป่า การปฏิบัติ
อย่างนี้ชื่อว่าเป็นธุดงค์ เช่นการฉันหนเดียวเป็นการตัดความอยากที่จะต้องการฉันอย่างโน้นอย่างนี้ เมื่อฉันแล้วก็แล้วกัน ในวันนั้น
ตัดการกังวลทั้งปวง หรือเช่นการฉันในบาตร ก็ไม่ต้องคิดถึงรสชาติ หรือต้องหาภาชนะให้เป็นการกังวล ที่จะคิดว่าจะแบ่งกับข้าว และข้าวไว้ต่างกันเพื่อหารสชาติแปลกๆ ต่างๆ
รวมกันหมดในบาตรเป็นการขจัดความอยากอย่างหนึ่ง หรือเช่นการไปอยู่ในป่าที่ไกล
จากบ้านพอควร หรือในถ้ำภูเขานี้ก็เป็นการหาสถานที่บำเพ็ญกัมมัฏฐาน แสวงหาความสงบเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม

#การแสวงหาแหล่งที่เป็นป่า

ภูเขาถ้ำนี้ต้องหาสถานที่เป็นสัปปายะ
เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณกิจ สมณธรรม
จริง อย่าไปหาถ้ำภูเขาที่ประชาชนไปกัน
มาก เป็นการผิด และไม่เป็นการดำเนินธุดงค์ หรือจะไปแสวงหาแหล่งที่เป็นภูเขา ถ้ำ ที่เป็นแหล่งเหมาะแก่การที่ประชาชนจะไปให้มาก และอยู่นานๆ จนประชาชนรู้จักแล้วก็จัดการก่อสร้างถาวรวัตถุให้เป็นที่จูงใจนักท่องเที่ยว มิหนำซ้ำยังมีการชักชวนประชาชนให้มาดูมาชม เขาไม่มาก็ไปหาเขา เขามาก็ต้อนรับด้วยวิธีการต่างๆ จนประชาขนติดใจ ชักชวนกันมา พระธุดงค์เหล่านั้นกลับดีใจว่าประชาชนขึ้นตัวมาก ไม่พยายามที่จะคิดหนีหรือไม่หาวิเวกทางอื่นอีก บางแห่งทำสถานที่โอ่อ่ายิ่งกว่าในบ้านในเมืองเขาเสียอีกอย่างนี้

#เมื่อพระอาจารย์มั่นได้พรรณนาถึงความเป็นเช่นนี้เกี่ยวกับการธุดงค์

ท่านจึงให้หลีกจากความเป็นดังกล่าวเสีย
เมื่ออยู่นานจะเป็นการเคยชินแล้วก็พยายามหาหนทางไปทางอื่น เมื่อรู้ว่ามีคนมามาก ก็รีบหลีกเลี่ยงไปเสีย การธุดงค์จึงจะถูก และเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสได้จริง เมื่อจะอยู่ที่ใดอันเป็นแหล่งของการวิเวกสงบสงัดแล้ว ก็พึงอยู่
ที่นั่นแล้วบำเพ็ญประโยชน์แก่ตน ยิ่งสงบเท่าใดยิ่งดี ยิ่งปราศจากผู้คนเท่าไรยิ่งดี ยิ่ง
อยู่ในดงสัตว์ร้ายเท่าไรยิ่งดี และพยายามอย่าอยู่แห่งเดียว เปลี่ยนที่อยู่เสมอๆ เพื่อแก้ความเคยชินต่อสถานที่ ท่านพระอาจารย์มั่นฯ ท่านเตือนหนักเตือนหนาว่าอย่าเอาการอยู่ป่า อยู่บนภูเขา อยู่ในถ้ำ เป็นเครื่องมือโฆษณาเป็นอันขาด เพราะการทำเช่นนั้นเป็นการทำให้
คนแตกตื่น เพราะคนชอบแตกตื่นกันอยู่แล้ว พอเห็นของแปลกเข้า ก็เลยแตกตื่นกันใหญ่ หากทำเช่นนั้นถือว่าเป็นการปลอมแปลงการถือธุดงค์ จะไม่ได้รับผลจากการรักษาปฏิบัติธุดงค์ตามความมุ่งหมาย.."
---------------------------------------------
#พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง
จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
"ปกิณกรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต"
จากหนังสือชีวิตคือการต่อสู้
โดยพระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร





ปุจฉา - วิสัชนา #เรื่องการเปลี่ยนจิตไม่รู้เป็นจิตรู้
คนรักพระ : ขอโอกาสพ่อแม่ครูอาจารย์ครับ #จิตคนเรา หรือที่เราปฏิบัติภาวนากันอยู่นี้ การที่เราเข้าไปสู่จิตผู้รู้ได้ หรือ #การเปลี่ยนจิตจากจิตไม่รู้เป็นจิตรู้ เป็นเพียงแค่ภาวะแว๊บเดียวเอง เพียงแค่พลิกฝ่ามือ #ทำไมผู้ปฏิบัติส่วนมากยังค้นหากันไม่เจอแลทำไม่ได้กัน หรือทำกันได้น้อยมากครับ

หลวงพ่อ : อ้าว...จริงๆนะ #มันแค่สภาวะแป๊บเดียวเอง จากจิตปุถุชนเป็นอริยะชน มันแค่แป๊บเดียวเองเห็นไหม ตรงนี้อาจารย์ก็ไม่รู้นะ อาจารย์ว่ามันน่าจะทำได้กันทุกคน แต่บางคนเขาไม่ได้จริงๆมันยาก บางคนเขาก็ได้ คนที่ได้บอกว่า มันง่าย...แค่นิดเดียวเองก็พลิกจิตได้แล้ว อย่างที่อาจารย์ให้ #อุบายน้ำเย็น ไป #ง่ายมากที่จะเข้าไปที่จิตผู้รู้ พอไปถึงจิตผู้รู้แล้วบางคนก็เจอแล้วเจอเลย รู้อยู่ตรงนั้นเลย แต่บางคนเจอแล้วบอกว่าไม่เห็นอะไร...นรกสวรรค์เทวบุตรเทวดาก็ไม่เห็น สุดท้ายก็ทิ้งเสีย เหมือนเดิม... ออกมาแสวงหาข้างนอกเหมือนเดิม สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้อะไรเลย แล้วก็บอกว่ายาก. #แต่คนที่เจอแล้วเขาสามารถเปลี่ยนจิตเขาได้เลย ไม่เหมือนกัน นะนะนะ....

คนรักพระ : กราบสาธุครับ

#ถาม-ตอบปัญหาธรรมกับ หลวงพ่อเยื้อน ขนฺติพโล & คนรักพระ สายวิปัสสนา








หลวงพ่อเคยพูดเคยกล่าวไม่รู้ว่ากี่ร้อยครั้ง เราอยู่คนเดียว อยู่หลายคน อยู่ในที่สาธารณะ อยู่ในที่ไหน ๆ ก็ตาม เราจับไฟมันร้อนไหม ร้อน อยู่ ณ สถานที่ใดอยู่คนเดียวอยู่หลายคน จับไฟมันก็ร้อน เพราะอะไร เพราะมันเป็นไฟ

นี้ก็เหมือนกัน การทำความชั่วถึงจะอยู่คนเดียว ต่อหน้าครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ไม่อยู่ มันก็คือความชั่ววันยังค่ำ เพราะฉะนั้น เราต้องมีหิริ คือความละอายแก่ใจ โอตัปปะ คือความกลัวต่อบาป มันจึงจะถูก ไม่ใช่ว่าต่อหน้าเป็นลูกพลับ ลับหลังเป็นตะโก แมวไม่อยู่หนูคะนอง มันไม่ใช่เรื่องของพระกรรมฐาน ไม่ใช่ผู้เชื่อในบาปในบุญ ผู้เชื่อในกรรมคือผลของกรรม

กรรมคือการกระทำ ถ้าตัวเองทำชั่วแล้วจะดีได้อย่างไร ถ้าตัวเองทำดีแล้วจะชั่วได้อย่างไร ถ้าพวกเราเชื่อในกรรมคือผลของกรรมแล้ว อยู่ ณ สถานที่ใดไม่มีที่ลับไม่มีที่แจ้งนะพระเณรลูกหลาน ทุกคนนะ มีแต่ประกอบคุณงามความดี มีสัมมาคารวะ มีหิริโอตัปปะ สำรวมกาย วาจาให้เรียบร้อยอยู่เสมอ อยู่ ณ สถานที่ใดร่มเย็นเป็นสุขถ้วนหน้ากัน

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “ยามเจ็บไข้ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕






"..ธาตุมนุษย์เป็นธาตุตายตัว ไม่เป็นอื่นเหมือน นาค เทวดาทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ มนุษย์ มีนิสัยภาวนาให้สำเร็จง่ายกว่าภพอื่น อคฺคํ ฐานํ มนุสฺเสสุ มคฺคํ สตฺต วิสุทฺธิยา มนุษย์มีปัญญาเฉียบแหลมคม คอยประดิษฐ์ กุศล อกุศล สำเร็จอกุศล...มหาอเวจีเป็นที่สุด ฝ่ายกุศล มีพระนิพพานให้สำเร็จได้ ภพอื่นไม่เลิศเหมือนมนุษย์ เพราะมีธาตุที่บกพร่อง ไม่เฉียบขาดเหมือนมนุษย์ ไม่มีปัญญากว้างขวางพิสดารเหมือนมนุษย์ มนุษย์ธาตุพอหยุดทุกอย่าง สวรรค์ไม่พอ อบายภูมิธาตุไม่พอ มนุษย์มีทุกข์ สมุทัย...ฝ่ายชั่ว ฝ่ายดี...กุศลมรรคแปด นิโรธ รวมเป็น ๔ อย่าง มนุษย์จึงทำอะไรสำเร็จ ดังนี้ ไม่อาภัพเหมือนภพอื่น.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







“ความดิ้นรนเพื่อให้ได้สมดังความปรารถนา
ต้องการ มิใช่ความสุข มิใช่ความสงบ แต่เป็น
ความทุกข์ เป็นความร้อน เป็นความวุ่นวาย
มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่ทั้งชีวิตไม่ได้พบ
ความสุขความสงบเลย เพราะมัวปล่อยใจ
ให้เป็นทาสของความโลภ ไม่รู้จักทำสติ
พิจารณาให้เห็นโทษของความโลภ
แล้วพยายามละเสีย ดับเสีย”
...
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณสังวร







โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต
เราทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา
มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มภูมิ
ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ อย่าลืมตัวลืมวาสนา
โดยลืมสร้างคุณงามความดีเสริมต่อ
ภพชาติของเราที่เคยเป็นมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงและกลับกลายหายไป
เป็นชาติที่ต่ำทราม​ ไม่ปรารถนาจะกลาย
มาเป็นตัวเราเข้าแล้วแก้ไม่ตก
ความสูงศักดิ์ ความต่ำทราม ความสุข
ทุกขั้นจนถึง บรมสุขและความทุกข์จน
เข้าขั้น มหันตทุกข์ เหล่านี้มีได้กับทุกคน
ตลอดสัตว์ ถ้าตนเองทำให้มี อย่าเข้าใจ
ว่ามีได้เฉพาะผู้กำลังเสวยอยู่เท่านั้น โดย
ผู้อื่นไม่มี เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติกลาง
แต่กลับกลายมาเป็นสมบัติจำเพาะของผู้
ผลิตผู้ทำเองได้ท่านจึงสอนไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน

เมื่อเห็นเขาตกทุกข์หรือกำลังจน

จนน่าทุเรศ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้นหรือ
ยิ่งกว่านั้นก็ได้ เมื่อถึงวาระเข้าจริงๆ ไม่มีใคร
มีอำนาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมดีกรรมชั่วเรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่นจึงมีทาง
เป็นได้เช่นเดียวกับผู้อื่น และผู้อื่นก็มีทางเป็นได้เช่นเดียวกับที่เราเคยเป็น
ศาสนาเป็นหลักวิชาตรวจตราดูตัวเองและผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ ไม่มีวิชาใดในโลกเสมอเหมือนสิ่งดีชั่วที่มีและเกิดอยู่กับตนทุกระยะ
มีใจเป็นตัวการพาให้สร้างกรรมประเภทต่างๆ
จนเห็นได้ชัดว่ากรรมมีอยู่กับผู้ทำ มีใจเป็นเหตุของกรรมทั้งมวล

กรรม_เป็นของลึกลับและมีอำนาจมาก

ไม่มีผู้ใดหนีกฎแห่งกรรมได้เลย​ ถ้าเราสามารถรู้เห็นกรรมดีกรรมชั่วที่ตนและผู้อื่น
ทำขึ้นเหมือนเห็นวัตถุต่างๆ จะไม่กล้าทำบาป
แต่จะกระตือรือค้นทำแต่ความดีซึ่งเป็นของเย็นเหมือนน้ำ ความเดือนร้อนในโลกก็จะลดน้อยลงเพราะต่างก็รักษาตัว กลัวบาปอันตราย
ท่านว่า ดี ชั่ว มิได้เกิดขึ้นมาเอง แต่อาศัยการทำบ่อยก็ชินไปเอง เมื่อชินแล้วก็กลายเป็นนิสัย ถ้าเป็น ฝ่ายชั่ว ก็แก้ไขยาก คอยแต่จะไหลลงตามนิสัยที่เคยทำอยู่เสมอ ถ้าเป็น ฝ่ายดี ก็นับว่าคล่องแคล่วกล้าขึ้นเป็นลำดับ

เราเกิดเป็นมนุษย์_มีความสูงศักดิ์มาก

อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ
มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์และจะเลว
กว่าสัตว์อีกมากมาย อย่าพากันทำ ให้พา
กันละบาป บำเพ็ญบุญ ทำแต่ความดี
อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์

การทำความเข้าใจเรื่องของกรรม
เป็นการศึกษาธรรมะเพื่อเตรียมพร้อมที่
จะรับภาวะของตัวเราเอง ซึ่งจะต้องเป็นไป
ตามกรรมที่ได้ทำไว้ ตามสุภาษิตที่มีว่า
“กรรมจำแนกสัตว์ให้ทรามและประณีตต่าง
กัน"

ผู้สงสัยกรรม_หรือไม่เชื่อกรรม

ว่ามีผล คือลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอด
อย่างช่วยไม่ได้ แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่มาเป็นอย่างดีเหมือนโลก
ทั้งหลายก็ตาม เขาก็มองไม่เห็นคุณของ
พ่อแม่ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่าง
ไรบ้าง แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขา
ที่เป็นคนหนึ่งกำลังรกโลกอยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น ไม่สนใจคิดว่าเขาเติบโตมาจากท่าน
ทั้งสอง ซึ่งเป็นแรงหนุนร่างกายชีวิตจิตใจเขา ให้เจริญเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน

การดื่มกินเป็นการสร้างสุขภาพ

ความเจริญเติบโตแก่ร่างกาย ไม่จัดว่า
เป็นกรรม กรรม คือ การกระทำ ดี ชั่ว ทาง
กาย วาจา ใจ ต่างหาก ผลจริง คือ ความสุข ทุกข์ที่ได้รับกันอยู่ทั่วโลก กระทั่งสัตว์ผู้ไม่
รู้จักกรรมรู้แต่กระทำคือหากินอยู่ ทางศาสนาเรียกว่า กรรมของสัตว์ ของบุคคล และผลกรรมของสัตว์ ของบุคคล

ควรมีเมตตาสงสารในสัตว์ทั้งหลาย

ซึ่งมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นเดียวกับเรา ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากันความยิ่งหย่อนแห่งวาสนาบารมีนั้นมีได้ทั้งคนและสัตว์สัตว์บางตัวมีวาสนาบารมีและอัธยาศัยดีกว่ามนุษย์บางคน
แต่เขาตกอยู่ในภาวะความเป็นสัตว์ ก็จำต้องทนรับเสวยไป สัตว์เดรัจฉานก็ยังมีและเสวยกรรมไปตามวิบากของมัน มิให้ประมาทเขาว่าเป็นสัตว์ที่เกิดในกำเนิดต่ำทราม ความจริงเขาเพียงเสวยกรรมตามวาระที่เวียนมาถึงเท่านั้น
เช่นเดียวกับมนุษย์ ขณะที่ตกอยู่ในความทุกข์จนข้นแค้น ก็จำต้องทนเอาจนกว่าจะสิ้นกรรม เมื่อมนุษย์เราเกิดเสวยชาติเป็นคน มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามวาระของกรรมที่อำนวยมนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่งที่พาให้มาเป็นอย่างนี้ ซึ่งล้วนผ่านกำเนิดต่างๆ จนนับไม่ถ้วน ให้ตระหนักในกรรมของสัตว์ว่ามีต่างๆ กัน เพราะฉะนั้นไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามในชาติกำเนิดความเป็นอยู่ของกันและกัน และสอนให้รู้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมดี กรรมชั่วเป็นของๆ ตน.
---------------------------------------------
พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวส ต.ธาตุิงชุม อ.เมือง
จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
ภูริทตฺตธมฺโมวาท จากหนังสือบูรพาจารย์​
รวบรวมโดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต







โลกเปรียบศาลาให้อาศัย
-
โลกนี้เปรียบ ศาลา ให้อาศัย
ประเดี๋ยวใจ ผ่อนพัก แล้วจักผัน
ทางที่ดี เมื่อพราก ไปจากมัน
ควรสร้างสรรค์ ส่งเสริม เพิ่มคะแนน

เมื่อเราได้ เกิดมา ในอาโลก
ได้พ้นโศก พ้นภัย สบายแสน
จึงควรสร้าง สิ่งชอบ ไว้ตอบแทน
ให้เป็นแดน ดื่มสุข ขึ้นทุกกาล

คุณความดี ของท่าน กาลก่อนก่อน
ที่ท่านสอน ไว้ประจักษ์ เป็นหลักฐาน
เราเกิดมา อาศัย ได้สำราญ
ควรหรือผ่าน พ้นไป ไม่คำนึง ฯ
-
พุทธทาส อินฺทปญฺโญ







เวลานั่งสมาธิ อย่านึกว่าเรามานั่งที่ศาลานี้ ให้นึกว่าเรานั่งอยู่ในป่าลึกคนเดียว ตัดปลิโพธกังวล ไม่คิดถึงหมู่คณะและใครทั้งหมด

เรื่องดี ชั่ว มี จน ก็ไม่ต้องคิด
คิดแต่เรื่องในกายของตัวเอง
และตั้งสติสูดลมหายใจของตนอย่างเดียว

หรือมิฉะนั้นก็ให้คิดว่าเวลานี้เรากำลังนั่งอยู่เฉพาะพักตร์พระพุทธ เจ้า เราจะต้องระวังตัวระวังมารยาทของเราให้ดี ไม่ทำกิริยาลุกลิกลุกลน หรือแกะโน่น เกานี่ กายก็ตรง ใจก็ตั้งเที่ยงเฉพาะพระองค์ หรือ “พุทโธ” อย่างเดียว มีสติทุกลมหายใจเข้าออก ไม่วอกแวกไปไหน.

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร






มีถ้อยคำที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้
ในที่อื่นบางแห่งว่า จงมีตนเป็นที่พึ่ง
จงมีตนเป็นสรณะ อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
จงมีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ
อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเป็นสรณะ
ให้ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งให้แก่ตน
เพราะว่าคนอื่นเป็นที่พึ่งให้ไม่ได้
มีความหมายว่าเพราะคนอื่นมาช่วย
ทำอะไรให้ไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่ผู้อื่น
จะช่วยทำให้ได้ ... ต้องทำเอง

ในพระพุทธศาสนานี้ให้ถือกันเป็นหลักว่า
สัมมาทิฏฐิ สมาทานา สัพพัง ทุกขัง อุปัจจคุง
บุคคลก้าวล่วงความทุกข์ทั้งปวงได้เพราะ
สมาทานสัมมาทิฏฐิ ความทุกข์ทั้งปวงในที่นี้
ก็หมายความตามตัว ทั้งปวงทั้งหมดทั้งสิ้น
ทุกๆ อย่าง ไม่ว่าความทุกข์ชนิดไหน
จะเป็นความทุกข์โดยตรงหรือโดยอ้อม
เป็นความทุกข์ตื้น ๆ หรือความทุกข์ลึกซึ้ง
ชนิดไหนก็ตาม นี่เราจะก้าวล่วงความทุกข์
เหล่านี้ได้ เพราะสมาทานสัมมาทิฏฐิ
สัมมาทิฏฐิซึ่งเป็นองค์ที่หนึ่งของอริยมรรค
มีองค์แปด เป็นองค์นำขององค์มรรคอื่น
ถ้ามีสัมมาทิฏฐิแล้วองค์อื่นๆ ก็จะต้องมี
ถ้ามีความรู้ ความคิด ความเข้าใจความเชื่อ
ที่ถูกต้องแล้ว การประพฤติ การกระทำ
ทั้งหมดย่อมจะถูกต้อง เมื่อมีความรู้ถูกต้อง
มันก็เลือกทำแต่ที่ถูกต้องเอง มันไม่กล้าทำ
ที่ผิดพลาด ที่ไม่ถูกต้อง ...

พุทธทาสภิกขุ







ท่านพ่อลี ธัมมธโร ท่านได้กล่าวสอน
ไว้ตอนหนึ่งว่า....

ในเรื่องของกรรมนั้น
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
ถ้าเราไม่ทำกับเขา
เขาย่อมไม่ทำกับเรา
เพราะเราเคยได้เบียดเบียนเขาไว้ก่อน
เรา...จึงต้องได้รับ
ผลแห่งกรรมนั้น
จากเขาบ้าง






"..ธาตุมนุษย์เป็นธาตุตายตัว ไม่เป็นอื่นเหมือน นาค เทวดาทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ มนุษย์ มีนิสัยภาวนาให้สำเร็จง่ายกว่าภพอื่น อคฺคํ ฐานํ มนุสฺเสสุ มคฺคํ สตฺต วิสุทฺธิยา มนุษย์มีปัญญาเฉียบแหลมคม คอยประดิษฐ์ กุศล อกุศล สำเร็จอกุศล...มหาอเวจีเป็นที่สุด ฝ่ายกุศล มีพระนิพพานให้สำเร็จได้ ภพอื่นไม่เลิศเหมือนมนุษย์ เพราะมีธาตุที่บกพร่อง ไม่เฉียบขาดเหมือนมนุษย์ ไม่มีปัญญากว้างขวางพิสดารเหมือนมนุษย์ มนุษย์ธาตุพอหยุดทุกอย่าง สวรรค์ไม่พอ อบายภูมิธาตุไม่พอ มนุษย์มีทุกข์ สมุทัย...ฝ่ายชั่ว ฝ่ายดี...กุศลมรรคแปด นิโรธ รวมเป็น ๔ อย่าง มนุษย์จึงทำอะไรสำเร็จ ดังนี้ ไม่อาภัพเหมือนภพอื่น.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)








“คนที่จะข้ามโอฆะได้ต้องมีศรัทธาเสียก่อน
ถ้าไม่มีศรัทธาเสียอย่างเดียวก็หมดทางที่จะ
ข้ามโอฆะได้ ศรัทธาจึงเป็นของสำคัญที่สุด
เช่น เชื่อมั่นในกรรม เชื่อผลของกรรม
ดังที่ได้อธิบายมาแล้ว แต่ว่าศรัทธาอันนั้น
เป็นเบื้องต้นที่จะทำทาน ถ้ามีศรัทธาแล้ว
ไม่อดเรื่องการทำทาน อยู่ที่ไหนก็ทำได้
ทำมากก็ได้ ทำน้อยก็ได้ ไม่ต้องเลือกวัตถุ
ในการทำทาน จะเป็นข้าว น้ำ อาหาร หมาก
พลู บุหรี่ ฯลฯ สารพัดสิ่งเป็นทาน ได้ทั้งหมด
แม้แต่ใบไม้ ใบตอง ใบหญ้า ก็เป็นทานได้
เราทำด้วยความเชื่อมั่นว่า สิ่งนี้ทำไปแล้ว
จะเป็นประโยชน์แก่ผู้นั้น ๆ ก็อิ่มอกอิ่มใจขึ้นมา
ก็เป็นบุญนั่นแหละ ศรัทธา มันทำให้อิ่มอก
อิ่มใจ ทำให้เกิดบุญ ซาบซึ้งถึงใจทุกอย่าง
ไม่ลืมเลย อันนั้นจึงเป็นเหตุเป็นปัจจัย
ให้ข้ามโอฆะ” ...
...
โอวาทธรรม
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี






“คนที่ตายไปแล้วปฏิบัติธรรมได้อย่างไร”

คำถาม: คนที่ตายไปแล้วปฏิบัติธรรมได้อย่างไรครับ เพราะคำสอนสอนให้ตัดกิเลสจากร่างกายครับ

พระอาจารย์: อ๋อ จะปฏิบัติธรรม ทำทาน รักษาศีล ภาวนาได้ ต้องใช้ร่างกายในขณะที่มีชีวิตอยู่ ต้องเป็นมนุษย์ด้วย ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ไม่สามารถจะทำบุญปฏิบัติธรรมได้ เวลาตายไปแล้วนี่ ดวงวิญญาณจะเป็นผู้ที่ไปรับผลบุญผลบาปที่ทำเอาไว้ มีภพเดียวเท่านั้นที่สามารถปฏิบัติสร้างบุญสร้างบาป ก็คือภพของมนุษย์นี้เอง นอกนั้นภพอื่นๆ เป็นภพที่ไปรับผลบุญผลบาปกัน เทวดาก็เป็นที่รับผลบุญ ถ้าไปเกิดเป็นเดรัจฉานไปเกิดเป็นเปรตก็เป็นที่ไปรับผลบาป.

รายการวิสัชนาธรรม วันอาทิตย์ (Youtube 20.00น.)
วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๘

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี





อย่าไปลุ่มหลงมัวเมากับการเสาะแสวงหาทรัพย์จนเกินไป ควรจะเสาะแสวงหาธรรม คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรมที่ดีเข้าสู่จิตใจด้วย วันพระ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เราควรจะประกอบคุณงามความดี รักษาศีล ๕ อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าจะรักษาศีล รักษากายวาจาให้เรียบร้อยไม่ให้มีโทษ ข้าพเจ้าจะไม่คิดฆ่าจะเป็นฆ่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยก็ตาม มนุษย์ช้างม้าวัวควายก็ตาม ข้าพเจ้าจะไม่คิดฆ่าทั้งหมด ข้าพเจ้าจะไม่คิดขโมย ข้าพเจ้าจะเคารพในสิทธิสามีภรรยาคนอื่น ข้าพเจ้าจะไม่โกหกต้มตุ๋นหลอกลวงคนอื่น ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุราให้ขาดสติ อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าสมาทานศีล ๕ วันหนึ่งกับคืนหนึ่ง

นี่ละอันนี้คือการประกอบคุณงามความดีเข้าสู่จิตใจ อันนี้อาหารใจนะลูกหลานนะ อาหารกายก็อย่างที่หลวงพ่อได้พูดได้กล่าว การเสาะแสวงหาทรัพย์ บัญชีนี้ค้าขายนี้ บริษัทนั้นบริษัทนี้ เงินอยู่ในบัญชีนั้นบัญชีนี้ หุ้นตัวนั้นหุ้นตัวนี้มีมากมายนะลูกหลาน สรุปแล้วก็คือยุ่งเหยิงวุ่นวายในการหาเงิน ถึงจะได้เงินมามากขนาดไหนก็เถอะมาเลี้ยงร่างกาย ถึงจะเลี้ยงไปก็อย่างที่หลวงพ่อได้พูดได้กล่าวนั้นล่ะ เพราะฉะนั้นควรเสาะแสวงหาศีลธรรมเข้าสู่จิตใจด้วยศีลธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม จริยธรรมที่ดีเข้าสู่จิตใจด้วย ไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น การเป็นอยู่
เคารพสิทธิเขาเคารพสิทธิเรา แล้วก็พร้อมกันมากกว่านั้น เราก็ควรจะสำรวมใจของตนเองทีนี้ ตามแนวแถวของพุทธะ

อย่างหลวงพ่อยกแล้วยกอีก ทำไมพระพุทธเจ้าจึงหนีออกจากเวียงวัง พระพุทธเจ้าไม่ฉลาดเหรอทำไมท่านจึงหนีออกจากเวียงวัง ท่านไม่รู้จักความสุขเหรอ ทำไมท่านจึงออกไปเสาะแสวงหาอยู่อย่างนั้นถึงหกปีเป็นทุกข์ระกำลำบากมากมายไม่เหมือนอยู่ในเวียงในวัง เป็นคนขอทานยิ่งกว่าขอทานอีกไม่รู้จักใครอีกต่างหาก นี่แหละแต่ว่าทำไมจุดประสงค์ของพุทธะคืออะไร ความในใจของพุทธะคืออะไร ไม่มีใครรู้ในยุคนั้นสมัยนั้นในใจของพุทธะ ท่านมีความมุ่งมั่นตั้งใจ จะทำยังไงจึงจะหนีจากความแก่เจ็บตาย วิชาทางอื่นเขายังมี ถ้าคนเดินช้าเขาก็ยังมีวิธีการที่จะทำไงให้มันเร็ว เวลาเราจะเดินทางไปทางไหน เราจะข้ามน้ำข้ามทะเลเราจะทำยังไงจึงจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปได้ เมื่อเห็นนกบิน เราจะทำยังไงจึงจะบินได้เหมือนนกมนุษย์เขาคิดกันทั้งหมด

แต่ว่าการคิดที่ว่าจะทำยังไงจีงจะไม่มาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารเป็นแนวความคิดของสิทธัตถะพุทธะ ถ้าเรามาเวียนว่ายตายเกิดอีก เกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องตายอีกจะทำยังไงจึงจะไม่มาเวียนว่ายตายเกิด สาเหตุที่มาเวียนว่ายตายเกิดเพราะอะไร มันมีสาเหตุเพราะอะไร ทำไมจึงมาเวียนว่ายตายเกิด เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าไปค้นคว้าศึกษานะลูกหลานนะ ถึงหกปีจึงรู้แจ้งเห็นจริงในแนวทาง ท่านบอกว่าตัวความรู้สึกนึกคิดตัวนั้นล่ะสำคัญ ความรู้สึกนึกคิด ความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะ โทสะ โมหะ คือความเห็นผิดหลงใหลคลั่งไคล้ตัวเองว่าจะอยู่นานเท่านาน หลงตัวเอง ใจหลงใจ ใจหลงตนเอง

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงไปรู้แนวทาง ท่านจึงได้นำแนวทางมาแนะนำสั่งสอนอย่างพวกเราท่านทั้งหลาย เพราะฉะนั้นพวกเราท่านทั้งหลาย ต้องศึกษาในจุดนี้นะ พุทธศาสนาไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดห่วยๆ นะ ลูกหลานนะ เป็นความรู้สึกนึกคิดที่แหลมคมมากที่จะรื้อภพรื้อชาติ ยกระดับจิตใจของตนเองให้พ้นจากทุกข์ในวัฏสงสาร จะไม่มาเวียนว่ายตายเกิดเป็นอนันตกาล ถ้าหากว่าพวกเรายังมาเกิดอีกความตายก็ต้องเข้ามาถึงแน่นอนไม่เป็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้นเราอย่ามาเกิดถ้าไม่เกิดแล้วก็จะไม่ตาย แต่ว่าจะทำยังไง นี่แหละให้ศึกษาในหลักธรรมคำสอน ถ้าเราศึกษาเราจะรู้ได้เห็นได้รู้แจ้งเห็นจริงตามแนวแถวของพระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านแนะนำสั่งสอนบอกกล่าว

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๔
เหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิด







“ท่านจะสมาธิ 10 นาที 5 นาที 10 นาที 20 นาที 30 นาทีก็ทำได้ 30 นาที ก็คงจะพอดี เมื่อทำแต่ละครั้ง พลังจิตอันนี้ มันจะผลิต ขึ้นมา โดยอัตโนมัติ

เมื่อพลังจิต ได้ถูกผลิต ขึ้นมาแล้ว พลังจิตนั้น ก็จะแทรกซึม เข้าไปในจิต เมื่อแทรกซึมเข้าไป ในจิต ก็ฝังสนิท อยู่ในจิตของเรา”

ธรรมะรุ่งอรุณ ๕ หน้า ๘

สมเด็จพระญาณวชิโรดม พุทธาคมวิศิษฐ์ จิตตานุภาพ พัฒนดิลก สาธกธรรมวิจิตร วิเทศศาสนกิจไพศาล วิปัสสนาญาณธุราทร ธรรมยุตติกคณิสสรบวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี​ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สถิต​ ณ วัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร​ กรุงเทพมหานคร

#เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม
#หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO