นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 07 ธ.ค. 2025 5:47 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทำบุญให้ทาน
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 28 พ.ย. 2025 10:01 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 5136
เรื่องภัยพิบัตินั้นก็จะเกิดมีอยู่ อาตมาเห็นอยู่
แต่อาตมาไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นช่วงไหน
จึงขอเตือนให้ญาติโยมภาวนา
พุทโธ พุทโธ พุทโธ กันไว้

"คนที่ภาวนาพุทโธแล้วจะรอดพ้นจากภัยพิบัติหรอครับหลวงปู่" (โยมถาม)

"เปล่า.. คนภาวนาพุทโธ ตายแล้วจะไปสู่สุคติ"

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป





เรื่องน้ำทุกวันนี้ อย่าไว้ใจนะลูกหลาน ใครอยู่ที่ไหนที่อยู่เคยมีแหล่งน้ำท่วมหรือว่าสงสัยว่าน้ำจะท่วมนะต้องเตรียมการไว้เลยล่ะ ควรจะเตรียม ๆ การไว้ ของใช้ของสอยทุกสิ่งทุกอย่างจนถึงเสื้อชูชีพบ้าง เชือกบ้าง มีปัญหาอะไรเราจะมัดตรงไหน เก็บไว้ตรงไหน ไม้ขีดไฟ เทียนไข น้ำเราจะเก็บไว้ยังไง เก็บไว้ที่สูงยังไง มันต้องเตรียม ๆ นะ

อยู่ในโลกวัฏสงสาร อย่าไปชะล่าใจทีเดียวก็ไม่ได้นะ ทุกวันนี้ไม่ต้องพกเงิน ไปกดเอทีเอ็ม ไปใช้เงินห้างร้านไหนกดโทรศัพท์เลย ไปซื้อของ อย่าไปชะล่าใจนะลูกหลานนะ ถึงยังไงก็ต้องเก็บเงินไว้ในบ้านบ้าง ถ้าหากว่าโทรศัพท์ไม่มีไฟฟ้า ใช้ได้ไหม ตายเลย ไม่มีอันจะกินนะนี่ เงินในกระเป๋าก็ไม่มีใช่ไหม มีใช้แต่โทรศัพท์ใช่ไหมล่ะ มันจะตาเหลือกเด้ลูกหลานเด้สมัยใหม่มากเกินไป

หลวงพ่อในฐานะที่เป็นหลวงปู่หลวงตาก็เล่า ๆ กล่าว ๆ ให้ลูกให้หลานได้ฟัง สมมติว่าเราไม่มีเงินในกระเป๋า โทรศัพท์ก็ดับ ไฟฟ้ามันดับ จะทำยังไงทีนี้ อย่างน้อยเราก็ควรจะเก็บเงินไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ใช่เก็บสุรุ่ยสุร่ายนะ เก็บไว้ในที่ปลอดภัยไว้พอสมควร มีความจำเป็นก็เปิดเช็คแล้วก็แจกลูกแจกหลาน ใช้ให้ประหยัดนะลูกหลานนะ

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “เตรียมการรับมือภัยพิบัติ”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗






"..เอาปลวกเป็นตัวอย่าง มันเอาดินขึ้นมาทีละนิด เราฟันไม้นี่มีสะเก็ดตกออกมามากกว่าดินปลวกตั้งเยอะ จึงฟันไปเรื่อยๆ จนขอนไม้ที่ขวางทางคนเดินผ่านไปมาก็ลำบาก วันหนึ่งมันจะขาด วันหนึ่งมันจะขาด ก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น เหมือนเราทำความดีนะแหละ ตั้งใจจะพ้นทุกข์เมื่อเห็นโทษเห็นภัย มันก็เป็นไปเอง ไม่ต้องไปพูดถึงนิพพานมันล่ะ ไม่ใช่อยู่เฉยๆ
นี่ก็เหมือนกัน จะขาดเมื่อไรไม่เกี่ยว ฉันจะทำของฉันไปเรื่อยๆ กิเลสก็เหมือนขอนไม้ขวางทาง ฟันไปเรื่อยๆ หาวิธีอุบายคิดค้น มันก็จะมีทางพ้นทุกข์ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ทำไปเรื่อยๆ คนอยู่เฉยๆ จะให้มันมี มันรู้ มันเห็นได้ เป็นไปไม่ได้นะ.."

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ
วัดป่าประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
(พ.ศ.๒๔๓๑–๒๕๑๒)







” ยังไม่บรรลุ “

ถาม : ถ้าบุคคลตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค แต่ยังไม่บรรลุโสดาปัตติผล จะเป็นอย่างไร

พระอาจารย์ : ก็ยังไม่บรรลุ ก็ยังไปปุถุชนอยู่ ก็เหมือนเรียนยังไม่จบ อย่างหมอนี่ถ้ายังเรียนไม่จบ หมอจะเป็นหมอได้ไหม ก็ยังไม่ได้ ก็ต้องเรียนให้มันจบก่อน จนกระทั่งมหาลัยเขาบอกคุณเรียนจบทุกวิชาการแล้วตอนนี้ คุณไปเป็นหมอได้แล้ว ค่อยเป็น อันนี้ก็เหมือนกัน ใครเจริญปัตติมรรคก็คือยังศึกษาอยู่ขั้นโสดาอยู่ ยังไม่สำเร็จขั้นโสดา เป็นเพียงขั้นศึกษาและขั้นปฏิบัติ.

ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม
วิสัชนาธรรม
วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






.. หมู่พวกเพื่อนเคยถามผมว่า อันหนึ่งการทำสาธารณะประโยชน์หรือว่าภาวนาส่วนตัว อันไหนจะมีประโยชน์หรือเลิศประเสริฐกว่ากัน ตามที่จริงทั้งสองอย่างมันจำเป็นทั้งสองอย่าง การภาวนาก็จําเป็น การอยู่ในชุมชนและสังคม การปฏิบัติตนในชุมชนและสังคมมันก็จำเป็น

ถ้าว่าเราอยู่คนเดียวไม่เกี่ยวข้องกับใคร ขึ้นไปอยู่หลังเขา อันนั้นก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเราอยู่ในชุมชนและสังคมมันก็ต้องทำทั้งสองอย่างไปด้วยกัน ถ้าเรามีแต่เห็นแก่ตัวไม่ยอมช่วยหมู่คณะ ไม่ทำอะไร อันนั้นก็เป็นขยะของหมู่คณะ หมู่คณะก็คงไม่พอใจ เพราะฉะนั้นทั้งสองอย่าง เราก็ต้องเรียนรู้ทั้งคดีโลกและคดีธรรม

แต่ถึงยังไงก็ตามให้เน้นหนักเรื่องจิตภาวนาสำคัญกว่า พูดได้ว่าสำคัญ อันนั้นหัวใจสำคัญ อย่างอื่นก็ไม่ว่ากัน ทำการทำงานไป แต่อย่าให้ขาดตกบกพร่องเรื่องภาวนา พออยู่คนเดียว เอโกปุริโส ให้สติวิ่งปุ๊บเข้ามาหาตัวเองเลย เข้ามาหาใจเลย อย่าให้ปล่อยเอ้อระเหยลอยลม ที่ผ่าน ๆ มาทิ้งโยนทิ้งทั้งหมด ให้อยู่กับใจให้ เอโกปุริโส ให้เป็นหนึ่ง มันก็มีที่สิ้นสุดได้เหมือนกัน เราทำไป ช่วยหมู่คณะไป อย่างเวลาปัดกวาดเราก็ต้องปัดกวาด เมื่อปัดกวาดเสร็จแล้วก็ภาวนา ขณะปัดกวาดก็ภาวนาได้เป็นอะไรไป ก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือกัน

การอยู่ในโลกนี้ ถ้าหากว่าเราไม่ช่วยใครเลยมีแต่เอาประโยชน์ส่วนตน เราก็ต้องออกจากหมู่คณะไป ไปอยู่ตามลำพัง อยู่ได้ไหมอยู่ตามลำพัง ไม่เอาใครเลย เมื่อเราไม่เอาเขา เขาไม่เอาเราอีกเหมือนกัน เราก็อยู่ยากเหมือนกัน เพราะโลกมันต้องอาศัยพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เมื่อเราอาศัยเขา เขาก็ต้องอาศัยเรา ต่างคนต่างอาศัยซึ่งกันและกันในการอยู่ด้วยกัน
เมื่อเวลาออกทำงานทำการ เอ้า ยืดหยุ่น พอกลับมาอยู่ตามลำพัง ดีดตั๊บมาหาตัวเองเลย มองตนเองตลอด ทางโลกก็ทิ้งไปเลย ปล่อยวาง ..

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “ปล่อยวางเพื่อความสุข หรือจะแบกทุกข์ไว้ข้างหลัง”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๖







หลักพระพุทธศาสนา ไม่สอนแบ่งแยกว่า
เป็น"โลก"พวกหนึ่ง และเป็น"นิพพาน"
อีกพวกหนึ่ง ขอให้เข้าใจไว้ว่า อยู่ในโลก
กับ นิพพาน นั้น แยกกันแต่เพียงว่า ... ทุกข์
และ ดับทุกข์ เท่านั้น
.“คน”อยู่ที่ไหน “โลก”ก็อยู่ที่นั่น
“นิพพาน”ก็อยู่ที่นั่น คืออยู่ที่คน
อยู่ที่ในคนนั้นแหละ ! ไปสอนกันอย่างที่
เอานิพพานไว้ตรงไหนก็ไม่รู้ เอาโลกไว้ที่นี่
อย่างนี้ก็ผิดหมดไม่ถูกตามที่พระพุทธเจ้าสอน
แล้วปฏิบัติไม่ได้ ถ้าแยกอยู่คนละแห่งแล้ว
ปฏิบัติไม่ได้ ความทุกข์อยู่ที่ไหน ต้องปฏิบัติ
ที่นั่น แล้วผลก็ต้องเกิดขึ้นที่นั่น เพราะอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ... "โลกก็ดี เหตุให้เกิด
โลกก็ดี ความดับแห่งโลกก็ดี ทางให้ถึงความ
ดับแห่งโลกก็ดี อยู่ในร่างกายนี้ อยู่ในร่างกาย
ที่ยาวประมาณวาหนึ่งนี้ที่ยังมีชีวิตเป็นๆอยู่นี้
ร่างกายที่มีชีวิตเป็นๆอยู่ มีสัญญาและใจ คือมี
ความรู้สึกอยู่นี้ นั่นแหละ ! ในนั่นแหละ !
มีกิเลส มีนิพพาน มีความทุกข์ มีเหตุให้เกิด
ทุกข์ มีวิธีปฏิบัติให้ดับทุกข์ด้วย
เรื่องของวิธีปฏิบัตินี้ ก็คือ "ดับความอยาก"
"ดับความยึดมั่นถือมั่น" ซึ่งมีด้วยความโง่
ความหลง ด้วยอวิชชานี้ ทำเพื่อไม่ให้เกิด
"ยึดมั่น ถือมั่น" ขึ้นมาได้ ...
...
พุทธทาสภิกขุ / "อาทิพรหมจรรย์"
วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๑๐
ธรรมปาฏิโมกข์ เล่ม ๑ หน้า ๑๒๔





#สัตว์โลกเกิดมาเพราะกรรม
บางคนเกิดมาไม่รู้จักศาสนา เพราะชาติก่อนเขามีนิสัยมาจากสัตว์เดรัจฉาน

บางคนเกิดมาสร้างแต่ความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นเพราะชาติก่อนเขามีนิสัยมาจากนรกมาเกิด

บางคนเกิดมารู้จักเสียสละ ทำบุญให้ทาน รักษาศีล ภาวนา เพราะชาติก่อนเขามีนิสัยมาจากสวรรค์มาเกิด

บางคนเกิดมายากจนเพราะชาติก่อนเขาไม่เคยคิดเสียสละทรัพย์สิน เงินทองข้าวของ ทำบุญให้ทานแก่ผู้อื่น
กรรมจึงจำแนกความเป็นอยู่ของแต่ละคนให้มีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันไปต่าง ๆ นานา

หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป
วัดอรัญวิเวก (บ้านปง) ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO