|
".. สมบัติในโลกเราแสวงหามาเป็นความสุขก็พอหาได้ จะแสวงหามาเป็นไฟก็ทำให้ฉิบหายได้ จริงๆข้อนี้ขึ้นอยุ่กับความฉลาดและความโง่เขลา ของผู้แสวงหาแต่ละราย ท่านผู้พ้นทุกข์ไปด้วยความอุตส่าห์สร้างความดีใส่ตน จนกลายเป็นสรณะของพวกเรา จะเข้าใจว่าท่านไม่เคยมีสมบัติเงินทอง เครื่องหวงแหนอย่างนั้นหรือ เข้าใจว่าเป็นคนร่ำรวยสวยงามเฉพาะสมัยพวกเราเท่านั้นหรือ จึงพากันรักพากันหวงพากันห่วงจนไม่รู้จักเป็นรู้จักตาย บ้านเมืองเราสมัยนี้ไม่มีป่าช้าสำหรับเผาหรือฝังคนตายอย่างนั้นหรือจึงสำคัญว่าตนจะไม่ตาย และพากันประมาทจนลืมเนื้อลืมตัว กลัวแต่จะไม่ได้กิน ไม่ได้นอนกลัวแต่จะไม่ได้เพลิดไม่ได้เพลิน ประหนึ่งโลกจะดับสูญไปเดี๋ยวนี้ จึงรีบพากันตักตวงเอาความไม่เป็นท่าใส่ตนแทบหาบไม่ไหว อันสิ่งเหล่านี้ แม้แต่สัตว์เขามีได้เหมือนมนุษย์เรา อย่าสำคัญว่าตนเก่งกาจสามารถฉลาดรู้ยิ่งกว่าเขาเลย ถึงกับสร้างความืดมิดปิดตามาทับถมตัวเองจนไม่มีวันสร่างซา เมื่อถึงเวลาจนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์ ใครจะไปทราบได้ถ้าไม่เตรียมทราบไว้ตั้งแต่บัดนี้.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓–๒๔๙๒)
สุวฑฒโนวาท ... ตราบใดที่เราท่านทั้งหลายยังไม่ถึงฝั่ง พระนิพพาน ก็ต้องเก็บเล็กผสมน้อย โดยทำทุก ๆ ทางเพื่อความไม่ประมาท โดยทำทั้งทาน ศีล และภาวนา สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้ จะถือว่าการ เจริญวิปัสสนาภาวนานั้น ลงทุนน้อยที่สุด แต่ได้กำไรมากที่สุด ก็เลยทำแต่วิปัสสนา อย่างเดียว โดยไม่ยอมลงทุนทำบุญให้ทาน ใด ๆ ไว้เลย เมื่อเกิดชาติหน้าเพราะเหตุที่ ยังไม่ถึงฝั่งพระนิพพาน ก็เลยมีแต่ปัญญา อย่างเดียว ไม่มีจะกินจะใช้ ก็เห็นจะ เจริญวิปัสสนาให้ถึงฝั่งพระนิพพานไป ไม่ได้เหมือนกัน ... ... สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชีรญาณสังวร
..คนที่จะมีบุญบารมีเท่านั้นที่จะบวชได้ในพระพุทธศาสนานี้ ให้ศึกษาทางเดินวิถีชีวิตของเรา ชีวิตของเราจะเดินทางเส้นไหนที่ถูกต้อง ได้บวชได้ศึกษาได้รู้จักกราบรู้จักไหว้ รู้จักเคารพบูชา ครูบาอาจารย์ ถ้าเป็นฆราวาสก็ต้องเคารพพ่อเคารพแม่ ผู้มีบุญมีคุณต่อตน ท่านได้เลี้ยงดูแลเรามาตั้งแต่เล็กจนใหญ่จนโต เพราะมีคุณพ่อคุณแม่คอยดูแล ท่านมีคุณมาก ห้ามโต้เถียงห้ามด่าห้ามทุบตี ต้องรู้จักช่วยเหลือให้ความเคารพ แม้ว่าท่านจะไม่ได้เรียนจบมาสูงก็ตามพ่อกับแม่ แต่ท่านก็เป็นคนดีอยู่ ..
..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
บุญภายในได้แก่ การดัดตัวของเราเองให้เป็นบุญกุศล ตัวเราเปรียบเหมือนต้นไม้ในป่า เช่น ต้นตะโก ถ้าเรานำมาใส่กระถางดัดแปลงกิ่งก้านให้สวยงามก็จะมีราคาสูงขึ้น
คนที่ไม่ดัดกาย วาจา ใจของตัวเองก็เรียกว่า เป็นคนที่มีราคาต่ำ เราควรดัดมือดัดแขนให้รู้จักไหว้กราบพระ ดัดเท้าให้รู้จักเดินไปวัด ดัดหูให้รู้จักฟังธรรม ฟังคำที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ ดัดตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของเราให้สิ่งที่ไหลเข้าไปล้วนแต่เป็นบุญเป็นกุศล จมูกก็อย่าหายใจเปล่า ให้หายใจเอา “พุทโธ” เข้าออกเหมือนกับน้ำที่ไหลเข้าไปในร่างกาย ใจของเราก็จะเย็นสบายเป็นสุข ปากก็หมั่นสวดมนต์ภาวนา อย่าด่าแช่งเสียดสีหรือพูดเท็จต่อใคร
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
"คนหูเบาคือคนใจเบา ทำสมาธิภาวนาในใจของตนไม่ได้เบาไปหมด ใครมาสรรเสริฐเยินยอขึ้นมา ก็ดีอกดีใจ เข้าใจว่าดีตามที่เขาสรรเสริญเยินยอยอกย่องให้
จะไปดีได้อย่างไร ถ้าเราไม่ทำดี เราไม่ทำบุญไม่ทำทาน ไม่รักษาศีล ไม่ภาวนา ไม่ละกิเลสราคะ โทสะ โมหะในใจของเราก็เอาดีไม่ได้"
..... หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
..พระบวชใหม่ขอให้ตั้งใจว่าได้บวชแล้วก็เป็นบุญวาสนาบารมี ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ถ้าเราเป็นฆารวาสเราปฏิบัติตนอย่างไรไม่ดีไม่งามในทางการทำ การพูด การคิด ในสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม เราก็พยายามลดละปล่อยวางลงไป ทำแต่สิ่งที่ดี พูดคุยกันก็ให้พูดคุยกันแต่เรื่องที่เป็นผลเป็นประโยชน์ คิดอ่านที่จะทำงานมีวิถีชีวิตอย่างไร ในจิตใจจะทำอย่างไรให้ศีลมันเจริญ หาเงินหาทองก็ดีเมื่อไปเป็นฆราวาส ถ้าเป็นพระก็ต้องหาความสงบ ไปอยู่สถานที่ป่าเมี่ยงเวียงด้ง ที่มันไม่มีอาหารการกินมากเหมือนอย่างกับที่วัดเรา อยู่ทางนี้ก็พออยู่ได้ เหมือนเราบวชแต่ก่อนยิ่งทุกข์ยิ่งยาก ปลาทูตัวเดียวนี้ต้องกิน 4 องค์ องค์หนึ่งได้แต่หัว อีกสามองค์ก็ต้องแบ่งกันปลาทูตัวน้อยๆ ตัวละบาทสองบาท เราอยู่คนเดียวกินต้มผักกับน้ำพริกอยู่ 11 ปี ไม่เคยเห็นน้ำแกงเลยสักที ต้องอยู่ด้วยความเข้มแข็งอดทน รักษาสถานที่ของครูบาอาจารย์ด้วยใจตั้งมั่น ทำให้เรามีศรัทธาเคารพในองค์หลวงปู่มั่นมาก ให้พวกเราตั้งใจไหว้พระสวดมนต์ทุกวันๆ ถ้าหากไม่ได้ลงไปสวดมนต์กับหมู่ พยายามที่จะให้มันได้กรรมฐาน ให้พยายามเมื่อยังหนุ่มๆ ให้ตื่นตี 3 แล้วไหว้พระสวดมนต์เพื่อให้จิตเป็นกุศลเป็นที่พึ่งของตน เมื่อเราได้บวชแล้วได้ทำความดี ความดีนี้ทำไปทีละน้อยก็เหมือนกับเพชร เม็ดเล็กๆเม็ดสีแดงราคามันก็แพง การทำคุณงามความดีก็เหมือนกัน เราบวชเข้ามาไม่ได้มากก็ได้ทำคุณงามความดีเต็มที่ พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาเขาก็ได้บุญด้วย เราก็ได้ความดีของเรา ญาติโยมเขาให้อาหารการกิน ให้เครื่องใช้ไม้สอยแก่เรา เขาก็ได้บุญ มีแต่คุณงามความดีทั้งนั้นในการบวชนี้..
..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
พระอยู่ที่ใจ ขั่นใจขาดธรรมะ ทำความชั่ว แม่นสิห้อยพระเต็มโต พระกะช่วยอิหยัง พวกเจ้าบ่ได้เด้อ
แต่ขั่นไผเป็นคนดีทำดี แม่นบ่ได้ห้อยพระ พระกะอยู่ในใจผู้นั้น กุ้มหุ่มฮักษาผู้นั้นคือเก่าเนาะ.
หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต วัดเขาตาเงาะอุดมพร อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ
ธรรมมะของหลวงปู่
“ต้นไม้สูง ลมยิ่งแรง แรงปะทะยิ่งเยอะ ทำอะไรให้ใช้สติ ปัญญาแก้ไข้ในปัญหาที่เข้ามา เมื่อมีสติปัญญา จะแก้ไขปัญหานั้นๆผ่านได้เอง”
โอวาทธรรม พระราชวัชรธรรมโสภณ หลวงปู่ศิลา สิริจันโท
"การอุทิศบุญไปให้ผู้ตาย ใครได้บ้าง"
จะมีคำถามว่า การทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายจะได้รับหรือไม่ ตอบ ผู้ตายที่ไม่ได้รับส่วนบุญจากญาติ มี ๔ จำพวก
(๑) ผู้ตายไปเกิดในสวรรค์ (๒) ผู้ตายไปตกนรก (๓) ผู้ตายไปเกิดเป็นมนุษย์แล้ว (๔) ผู้ตายไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน
ทั้ง ๔ ประเภทนี้ไม่มีสิทธิ์จะได้รับบุญกุศลจากญาติที่อุทิศไปให้ ผู้จะได้รับบุญกุศลจากญาติได้ มี ๑ ใน ๑๒ ของเปรต หมู่เปรต ๑๒ จำพวกนี้ มีจำพวกหนึ่ง ที่เป็นเปรตกำลังจะหมดในบาปกรรมอกุศล พร้อมที่จะเกิดเป็นมนุษย์ได้แล้ว เมื่อได้รับบุญกุศลจากญาติอุทิศให้ ก็จะได้รับทันที
ส่วนเปรตจำพวกที่มีบาปกรรมมีมากอยู่ จะรับผลบุญที่ญาติอุทิศไปให้ไม่ได้เลย จะต้องรับผลของบาปกรรมต่อไป จนกว่ากรรมนั้นจะเบาบางลง จึงจะรับส่วนบุญจากญาติได้
การที่ทำบุญอุทิศให้แก่ผู้ตายไปนั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นวิธีที่ให้ระลึกนึกถึงพระคุณต่อผู้มีพระคุณแก่เรา ท่านจะได้รับหรือไม่ได้รับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ให้เราได้กระทำในส่วนที่ดีเพื่อระลึกคุณท่านก็แล้วกัน
การทำบุญอุทิศนี้ เราจะนึกอุทิศให้แก่ใคร ๆ ก็ทำได้ถึงคนอื่นสัตว์อื่นจะไม่ได้เป็นเครือญาติของเราก็ตาม เมตตาธรรม กรุณาธรรม ความรักความสงสารเราที่มีอยู่ จะแบ่งบุญกุศลนี้ให้แก่เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน จึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง
เป็นวิธีฝึกนิสัยไม่เป็นผู้เห็นแก่ตัว จะทำใจให้เป็นมิตรกับทุก ๆ คน ให้ความสุขให้ความเป็นธรรมแก่สัตว์ทุกหมู่เหล่า ถ้าทำได้อย่างนี้ เมื่อเกิดในภพชาติต่อไป จะได้เป็นใหญ่ มีพวกพ้องบริวารที่ให้ความเคารพต่อเรา มีมากมายมหาศาลทีเดียว
---- "เหตุให้เกิดทุกข์" โดย...พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ วัดป่าบ้านค่ำ ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
..จะทำบุญก็รีบทำบุญ จะรักษาศีลก็รีบรักษาศีลให้ดี จะนั่งภาวนาก็รีบขวนขวาย จะเจริญด้านปัญญาพินิจพิจารณาเรื่องทุกข์เรื่องสุข เรื่องบุญเรื่องบาป ก็รีบพยายามพิจารณาให้มันเกิดให้มันมีขึ้นแก่ตน เราจึงจะได้ที่พึ่งของตน..
..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
ถ้าขาดความอดทน ความดีอื่นก็ไม่เจริญ อด ... คือ อดต่อสิ่งที่ชอบ ทน ... คือ ทนต่อสิ่งที่ชัง ... หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
กุศลชนิดใดที่มีอานิสงส์มากกว่าวิหารทาน ผู้ถาม “หลวงพ่อครับ กุศลชนิดใดที่มีอานิสงส์มากกว่าวิหารทานบ้างครับ ?”
หลวงพ่อ “สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ……การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง ให้ธรรมทานซีคุณ หนังสือเรียนของเด็ก หนังสือเรียนของผู้ใหญ่หนังสือเรียนของพระหนังสือธรรมะต่างๆ ดูตัวอย่างพระสารีบุตร ให้ปัญญากับประชาชนทั้งหลาย เพราะอานิสงส์ได้เคยสร้างพระธรรม ซึ่งเป็นถ้อยคำที่มีประโยชน์ถวายพระพุทธเจ้า เกิดมาชาติหลังสุด จึงทำให้เป็นพระที่มีปัญญามาก อย่างเงินที่เขาถวายฉันไว้นี่ พอกลับไปถึงวัดก็เรียบร้อย เลี้ยงอาหารพระบ้าง ค่ากระแสไฟฟ้าบ้าง ค่าก่อสร้างบ้าง รวมความว่า ที่ท่านตั้งใจนี่มีผล ๔ อย่าง ๑. สร้างพระพุทธรูป ๒. วิหารทาน ๓. สังฆทาน ๔. ธรรมทาน ทั้งหมดนี้ ใช้ทุนไม่ต้องมากก็ได้ เอาสัก ๕๐ สตางค์ เป็นอันว่า การทำบุญเอาแค่พอสมควร แต่ให้มันเป็นบุญใหญ่ เขามุ่งแบบนั้นนะ คือเราเอาไปผสมกับเขาก็แล้วกันไม่ต้องสร้างทั้งหลัง”
ผู้ถาม “กระผมสงสัยเรื่องการทำบุญ บางคนก็ทำช้า บางคนก็ทำไว อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า การทำบุญช้าบ้าง เร็วบ้าง ยืดยาดบ้าง อานิสงส์ จะต่างกันหรือไม่ขอรับ ?”
หลวงพ่อ “ต่างกัน คือได้ช้า ได้เร็ว ต่างกันก็เหมือนท่าน จูเฬกสาฎก ท่านฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า ตั้งใจถวายทานตั้งแต่ยามต้น และยามที่ ๒ จิตเป็นห่วงยายที่บ้าน ไม่มีโอกาสจะฟังเทศน์ เพราะไม่มีผ้าห่ม พอยามที่ ๓ ใกล้สว่าง จึงตัดสินใจถวาย แล้วประกาศว่า “ชิตัง เม ชิตัง เม” พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ยิน ก็ทราบว่า ชนะความตระหนี่ จึงนำผ้าสาฎก และทรัพย์สินต่างๆมาให้ มีฐานะเป็นคหบดีคนหนึ่งต่อมาพระพุทธเจ้าตรัสว่า “ถ้าพราหมณ์นี้ถวายในยามต้น จะได้เป็นมหาเศรษฐีถ้าถวายยามที่ ๒ จะได้เป็นอนุเศรษฐี ยามที่ ๓ จะได้เป็นคหบดีใหญ่ที่ได้น้อย เพราะถวายช้าเกินไป พระองค์จึงตรัสว่า การบำเพ็ญกุศลผล ความดีในศาสนาของเรานี้ จงอย่าให้เนิ่นช้า ต้อง ตุลิตะ ตุลิตัง สีฆะ สีฆัง คือเร็วๆ ไวๆ”
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
"..พวกเราทั้งหลายจึงเป็นผู้ที่มีโชคมีบุญมากเพราะเมื่อมองไปที่สัตว์ทั้งหลายแล้ว จะเห็นว่าสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น เช่น วัว ควาย หมู หมา เป็นต้น เป็นสัตว์ที่อาภัพมาก เพราะไม่มีโอกาสที่จะเรียนธรรม ไม่มีโอกาสที่จะปฏิบัติธรรม ไม่มีโอกาสที่จะรู้ธรรม ฉะนั้นก็หมดโอกาสที่จะพ้นทุกข์ จึงเรียกว่าเป็นสัตว์ที่อาภัพ เป็นสัตว์ที่ต้องเสวยกรรมอยู่ ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ทั้งหลายจึงไม่ควรทำตัวให้เป็นมนุษย์ที่อาภัพ คือไม่มีข้อประพฤติ ไม่มีข้อปฏิบัติ อย่าให้เป็นคนอาภัพ คือ คนหมดหวังจากมรรค ผลนิพพาน หมดหวังจากคุณงามความดี อย่าไปคิดว่าเราหมดหวังเสียแล้ว ถ้าคิดอย่างนั้น จะเป็นคนอาภัพเหมือนสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย คือไม่อยู่ในข่ายของพระพุทธเจ้า ฉะนั้น เมื่อมนุษย์เป็นผู้มีบุญวาสนาบารมีเช่นนี้แล้ว จึงควรที่จะปรับปรุงความรู้ ความเข้าใจ ความเห็นของตนให้อยู่ในธรรม จะได้รู้ธรรม เห็นธรรม ในชาติกำเนิดที่เป็นมนุษย์นี้ ให้สมกับที่เกิดมาเป็นสัตว์ที่ควรตรัสรู้ธรรมได้.."
โอวาทธรรมคำสอน พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี (พ.ศ.๒๔๖๑-๒๕๓๕)
"...จิตใจ ก็เป็นธรรมชาติอันหนึ่ง เป็นขบวนการ ทางนามธรรม เป็นขบวนการทางจิต นึกคิดปรุงแต่ง ได้ เราก็ระมัดระวัง ความคิดไหนไม่มีประโยชน์ ความคิดไหนเป็นไปในทาง โลภ โกรธ หรือลุ่มหลง เราก็รู้เท่าทัน พยายามที่จะไม่ทำตาม ลดละเลิกมัน ส่วนความคิดไหนที่มันเป็นฝ่ายทำให้เราเข้าหา สัจธรรม รู้แจ้งความจริง รู้แจ้งสัจธรรม เราจะต้อง พยายามพัฒนาความคิดนั้นให้มากขึ้น เมื่อพัฒนา ขึ้นมาได้แล้ว มันก็จะเห็นความเป็นจริง แจ้งชัดขึ้น มาเป็นพยาน เป็นหลักฐาน คราวนี้มันก็แนบแน่น อยู่ในจิตของเรา สว่างไสวอยู่ภายในจิตของเรา
ทีแรกก็ต้องยอมรับความจริงก่อน เข้าถึงสัจธรรม ความจริงก็คือเห็นว่ามันไม่มีเราไม่มีของเรานั่นแหละ เพื่ออะไรล่ะ ก็เพราะสัจธรรมมันเป็นอย่างนั้น แต่ทีนี้ เนื่องจากว่าในทางโลก เรายังต้องเกี่ยวข้อง เรายัง ต้องใช้สอย จึงไม่ใช่ว่า จะไม่มีความเป็นเราเสียเลย ความเป็นเรามันยังมีอยู่ แต่ในใจให้มีความรู้แจ้ง เพราะเรากำลังพัฒนาความรู้แจ้งนี่ แต่ส่วนใหญ่ มันมักจะลุ่มหลงอยู่ ติดข้องอยู่ แล้วก็หาความพอดี พองามยังไม่ได้ รวมทั้งประสบการณ์ของเรายัง น้อยอยู่ ยังไม่พอในการพัฒนาคุณภาพศักยภาพ เพื่อยกจิตใจของเรา สร้างพลังจิตใจของเราให้ แข็งแกร่ง ให้มีคุณภาพเพื่อความรู้แจ้งอันนั้น..."
#ที่มา หนังสือ พ้นทุกข์ด้วยตนเอง พระอาจารย์ครรชิต สุทฺธิจิตฺโต วัดป่าภูไม้ฮาว บ้านกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ...................................................................
เราไปอยู่ ณ สถานที่ใด เราภาวนาได้ไหม ได้ เรานั่งอยู่เก้าอี้คอยประชุม เราก็บริกรรมหายใจเข้า พุท หายใจออก โธ กำหนดพุทโธ พุทโธ หรือว่าพักเที่ยง ไปทำการทำงาน เรานั่งพักเที่ยงอยู่ตามลำพัง อยู่ในร่มต้นไม้ อยู่ที่ไหนก็ได้ นั่งสมาธิ นั่งเก้าอี้ที่ไหนก็ได้ เราบริกรรมพุทโธ พุทโธ พุทโธ ทำจิตใจให้พักผ่อน ล้วนแล้วแต่เป็นคุณประโยชน์สำหรับตัวเองทั้งนั้น
การฝึกสมาธิ ไม่ใช่ว่าจะเข้ามาวัดเสียก่อนแล้วค่อยฝึก ถ้าไม่ได้เข้าวัดก็เลยไม่ฝึกเลย อันนั้นไม่ได้นะ เราอยู่ ณ สถานที่ใด เราฝึกได้ทุกแห่งทุกหน เหมือนกับความตายนั่นแหละ ไม่ใช่เข้ามาวัดเสียก่อนค่อยตาย ไม่ใช่นะ อยู่ที่ไหนก็ตายได้ ไปที่ไหนก็ตายได้ ออกไปข้างนอกก็ภาวนาได้ นั่งในรถก็ภาวนาได้ จะไปที่ไหนก็ภาวนาได้ ไม่จำเป็นต้องนั่ง เดินก็ได้ ยืนก็ได้ อยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน ภาวนาได้ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้บอกกำหนดว่า ต้องนั่งเสียก่อนค่อยนั่งภาวนาได้ ไม่ใช่ อิริยาบถ ๔ ยืน เดิน นั่ง นอน ให้มีสติสัมปชัญญะ ในขณะที่ ยืน เดิน นั่ง นอน นั่นแหละคือภาวนา
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก จากพระธรรมเทศนา “เห็นตามความเป็นจริงแล้วปล่อยวาง” แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒
..การที่พระพุทธเจ้าจะได้มาอุบัติมาเกิดขึ้นในโลกนี้ก็แสนจะยากแสนลำบากเหลือเกิน ผู้ที่ได้สร้างสมอบรมบุญบารมีที่จะได้มาเป็นพระพุทธเจ้านั้น ต้องหลายภพหลายชาติ เหมือนองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าของพวกเรานี่เอง สี่อสงไขยแสนกำไรมหากัป เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร สร้างบุญบารมีมาเพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้น เราจะนับได้อย่างไรยืนยาวมานาน ยังดีที่พวกเราโชคดีที่ได้มาเกิดในยุคนี้ ถือว่าเราได้เกิดมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานมา เราเวียนว่ายตายเกิดมาหลายชาติ ตั้งสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้วอย่างนี้ เราอาจจะเกิดมาหลายชาติแล้ว ในระหว่างนี้ยังโชคดีที่พวกเรานี้ ได้มาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์นั้นได้บำเพ็ญคุณงามความดี และบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เมื่อตรัสรู้แล้วพระองค์นั้น ก็ยังตรัสเทศนาแนะนำสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ให้รู้จักบุญจักบาป รู้จักคุณจักโทษ รู้จักประโยชน์หรือไม่ใช่ประโยชน์ ที่จะเลือกสรรหาเอาในชีวิตของตนนี้ เพื่อดำเนินชีวิตไปสู่จุดหมายปลายทางที่ปรารถนานั้น นี่เป็นโชคดีของพวกเรา ที่มีพระพุทธเจ้าได้มาอุบัติเกิดขึ้นในโลก และโชคดีที่พระพุทธองค์นั้นตรัสเทศนาแนะนำสั่งสอน ศาสนธรรมคำสั่งสอนให้แก่พุทธบริษัททั้งหลายในโลกนี้ เพื่อให้เป็นคนที่มีสติปัญญา ลืมหูลืมตาได้..
..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
..เมื่อสึกออกไปแล้วก็ให้ทำการทำงาน ตั้งหน้าตั้งตาทำการทำงาน มีฉันทะความพอใจในการทํางาน ตั้งใจมีวิริยะในการทำงาน ให้งานมีคุณภาพ จิตตะมีความฝักใฝ่ในงานที่จะทำไม่ให้เสียเวลาเสียประโยชน์ งานสำเร็จก็คือความสุขที่จะได้ คนเราถ้าไม่ขี้เกียจขี้คร้าน ตั้งใจเสียอย่าง ก็เอาตัวรอดได้ จะไปทำงานที่ไหนๆให้มีธรรม๔อย่างนี้เป็นเครื่องควบคุมดูแล ให้ทำความเพียรเดินจงกรมนั่งสมาธิ ก็เหมือนกัน ต้องมีความเพียร มีฉันทะความพอใจที่จะนั่งปฏิบัติ มีวิริยะ เพียรที่จะเดินจงกรมเพียรที่จะนั่ง พยายามที่จะปฏิบัติ จิตตะเอาใจฝักใฝ่ในข้อวัตรปฏิบัติ ไหว้พระสวดมนต์เดินจงกรมภาวนา ..
..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
#มัจจุราชคือความตาย
ไม่เคยเห็นแก่หน้าใคร เขาไม่มีการไว้หน้า ไม่ว่าชาย ไม่ว่าหญิง เขาไม่ไว้หน้าทั้งนั้น จะติดขัดอะไรอยู่ เขาก็ไม่รับรู้ ลูกจะเล็กอยู่ก็ตาม พ่อแม่จะป่วยอยู่ ไม่มีคนคอยช่วยเลี้ยงดู เขาก็ไม่รับรู้เรื่องอย่างนี้... เราเคยคิดคำนึงถึงกันไว้บ้างไหม?
ควรพิจารณาเรื่องความตาย ให้เข้าใจว่า ต่อให้มีพรรคพวกมากมายเพียงใด มีเวทมนตร์คาถาดีสักเพียงไหน จะมียาดีสักเท่าใด จะบำบัดรักษาความเจ็บป่วยได้ ก็ชั่วกาลชั่วสมัย ระงับดับได้ก็ชั่วเวลา เป็นครั้งคราว และแล้วผลที่สุดก็ต้องตายเหมือนๆ กัน เรื่องหยุกเรื่องยาที่รักษาได้ ก็เมื่อมันยังไม่ถึงคราวถึงสมัยถึงกาลที่ควรตาย เท่านั้น ความตายจึงเป็นภัยอันตราย ซึ่งไม่เป็นที่พึงปรารถนาของใครๆแต่ก็ไม่มีใครที่จะมาแก้ไข ยกเลิก หรือหลีกเลี่ยงความตายเอาไว้ได้
ทุกคนจึงต้องตาย บาปบุญที่ตนสะสมรวบรวมเอาไว้ นั่นแหละ! คือ เครื่องใช้สอยของตนที่จะติดตามไป แม้บาปบุญ จะป้องกันความตายไว้ ไม่ได้ แต่ทว่าบาปบุญนั้น... จะเป็นกำลังเป็นเสบียงที่จะคอยติดสอยห้อย ตามไปอำนวยทุกข์สุขให้เราในภพต่างๆ
โอวาทธรรม #พระอาจารย์สิงห์ทอง_ธัมมวโร
|