นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 07 ธ.ค. 2025 5:47 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความสำเร็จ
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 21 พ.ย. 2025 8:49 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 5136
"..การบำเพ็ญทาน
เท่ากับเราหาทรัพย์ไว้ให้ตัวของเรา การบำเพ็ญศีล
เท่ากับเราสร้างร่างกายของเราให้เป็นคนสมบูรณ์
ไม่พิการ ง่อยเปลี้ย บอดใบ้
การบำเพ็ญภาวนา
เท่ากับสร้างจิตใจของเราให้เป็นคนสมบูรณ์
"ทาน" ไม่สามารถคุ้มศีลได้ แต่ศีลคุ้มทานได้
ส่วน "ภาวนา" คุ้มได้ตลอดทั้งทานและศีล
สามารถทำให้ทานบริสุทธิ์และศีลของเราก็บริสุทธิ์
เข้าถึงสุคติสวรรค์โลกุตตระ และนิพพานเป็นที่สุด
สมมติคนหนึ่งเกิดมาในตระกูลสูง
มีทรัพย์สมบัติมาก และร่างกายก็บริสุทธิ์ทุกส่วน
แต่จิตใจไม่ปรกติ วิกลวิการ เป็นผีบ้า
อย่างนี้จะมีประโยชน์อย่างไร
เหตุนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงสั่งสอนให้อบรมจิตให้เป็นกุศล
พระองค์ทรงสอนให้มนุษย์เป็นเทวดา
เทวดาเป็นพรหม พรหมเป็นอริยะ จนถึงอรหันตขีณาสพ เป็นที่สุด.."

ธมฺมธโรวาท
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
(พ.ศ.๒๔๔๙-๒๕๐๔ )







..แม้ไม่ได้มาวัดก็ไหว้พระสวดมนต์อยู่บ้านอยู่ช่อง แผ่เมตตาให้วิญญาณทั้งหลายที่เกิดมาร่วมทุกข์ร่วมสุขในโลกนี้ ความมุ่งหมายของคนเราก็อยากให้ทุกคนนั้นมีความสุขไม่ให้มีความทุกข์ แต่มันก็มีความทุกข์มีความสุขปนเปกันไป แต่ความต้องการของคนเราทุกคนนั้น อยากให้มีความสุขอยู่ตลอด ความทุกข์ไม่ต้องการ จึงต้องพยายามแสวงหาศึกษาธรรมะเพื่อหาความสงบ เพื่อความระงับดับความทุกข์ สิ่งใดมันทำให้เกิดทุกข์มันก็ต้องมีเหตุ ธรรมเกิดจากเหตุดับเพราะเหตุ เหตุดีผลก็ดี เหตุไม่ดีผลก็ไม่ดี เป็นธรรมะที่สั้นๆแต่กินเนื้อหาของธรรมะได้กว้างขวาง ฉะนั้นจะทำเหตุอะไรก็ดี ด้วยกายด้วยวาจาใจ เราก็ต้องรู้จักว่าต้นเหตุนั้นเป็นอย่างไร..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..






โลกวัฏสงสารมันยุ่งเหยิงวุ่นวาย อย่ามองไปที่อื่นลูกหลาน ถ้าหากว่าไม่มีกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ โลภ โกรธ หลงในจิตในใจแล้ว อยู่ ณ สถานที่ใดก็อยู่เย็นไปหมด ร่มเย็นเป็นสุขไปหมด ถ้าหากว่ามีกิเลส ราคะ โทสะ โมหะในยุคใดสมัยใด มีแต่เดือดร้อนวุ่นวาย มีแต่คิดจะฆ่ากัน กูมีเขี้ยวมีเล็บอย่างนี้นะ มึงอย่าหือขึ้นมานะ ไอ้นั่นก็ว่ามึงมีกูก็มีเหมือนกัน มึงมากูก็จัดการมึงเหมือนกันนั่นแหละ ผลที่สุดก็สาดน้ำใส่กัน คนที่มีกำลังมากกว่าจะสาดใส่คนที่มีกำลังน้อย เปียกมาก คนที่มีกำลังน้อยก็สาดเข้าไปก็ไปถึงผู้ใหญ่ คนที่มีกำลังก็เปียกน้อยหน่อย ต่างคนก็ต่างเปียกนั่นล่ะ ผูกพยาบาทอาฆาตจองเวรกัน พอมีโอกาสพอมีเวลา แก้แค้นสิบปียังไม่สาย กิเลสมันเป็นอย่างนั้นล่ะ

ความยุ่งเหยิงวุ่นวายอยู่ในโลกวัฏสงสารมีแต่เรื่องกิเลส ถ้าหมดกิเลสต่างองค์ต่างอยู่ รู้จักกาลเทศะ กาล สถานที่ บุคคล อยู่ในความนิ่งเงียบสงบ อันไหนเป็นอันไหนควรทำยังไง ควรปฏิบัติยังไง ควรวางตัวอย่างไร มันรู้จักนะ เพราะว่าไม่มีกิเลส ราคะ โทสะเข้ามาแฝง ถ้ามีกิเลส ราคะ โทสะเข้ามาแฝง มันผยองพองตน มันหลงเจ้าของ ลืมเจ้าของทั้งหมด

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “วุ่นวายยุ่งเหยิง”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘







#เอาสติรักษาจิต

ธรรมะที่ประเสริฐที่สุดนั้น
ถ้าใครประพฤติปฏิบัติได้
บุคคลนั้น ย่อมมีแต่ความสุข
ขอให้เอาธรรมะข้อนี้ออกมาใช้
ก็คือการเอา “สติ” มารักษาจิต

เพราะว่าถ้าจิตของเรานั้น สังขารคิดปรุงแต่งอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเรามีสติรู้เท่าทันในความคิด ความคิดทั้งหลายนั้นก็จะสงบลงได้ด้วยการใช้สติ เหมือนสติรู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นภายในใจของพวกเรา ถ้าเราสามารถพิจารณารู้ว่าอารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ฝ่ายดี หรือฝ่ายชั่ว หรืออารมณ์อุเบกขา อารมณ์อะไรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับใจ

เมื่อเราฝึกไปเรื่อย ๆ จนสติของเราแข็งแกร่ง เมื่อสติของเราแข็งแกร่งแล้วนั้น ก็จะเกิดเป็นโลกียสุข อาจจะเข้าถึงวิมุตติ คือความหลุดพ้น คือเข้าถึง “โลกุตตรธรรม” อันนี้แหละ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ถ้าใครสามารถประพฤติปฏิบัติได้ บุคคลนั้นจะมีแต่ความสุข เพราะว่าจิตของเรานั้นพ้นจาก “โลกียวิสัย” คือความสุขจอมปลอม ที่ไม่ใช่ความสุขที่จีรังและยั่งยืน

เจ้าคุณหลวงปู่ทองดี อนีโฆ
วัดใหม่ปลายห้วย จังหวัดพิจิตร
cr. ตอนหนึ่งจากธรรมะออนไลน์ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖






#สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
"..เราทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา​ มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มภูมิดังที่ทราบอยู่แก่ใจ​ อย่าลืมตัวลืมวาสนา โดยลืมสร้างคุณงามความดีเสริมต่อภพชาติของเราที่เคยเป็นมนุษย์

จะเปลี่ยนแปลงและกลับกลายหายไปเป็นชาติที่ต่ำทราม​ ไม่ปรารถนาจะกลายมาเป็นตัวเราเข้าแล้วแก้ไม่ตก

ความสูงศักดิ์ ความต่ำทราม​ ความสุขทุกขั้นจนถึงบรมสุขและความทุกข์จนเข้าขั้นมหันตทุกข์​ เหล่านี้มีได้กับทุกคนตลอดสัตว์ ถ้าตนเองทำให้มี
อย่าเข้าใจว่ามีได้เฉพาะผู้กำลังเสวยอยู่เท่านั้น โดยผู้อื่นไม่มี

เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติกลาง
แต่กลับกลายมาเป็นสมบัติจำเพาะของผู้ผลิตผู้ทำเองได้
ท่านจึงสอนไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน

เมื่อเห็นเขาตกทุกข์หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ​ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้นหรือยิ่งกว่านั้นก็ได้

เมื่อถึงวาระเข้าจริง​ ๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้

เพราะกรรมดีกรรมชั่วเรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น

จึงมีทางเป็นได้เช่นเดียวกับผู้อื่น
และผู้อื่นก็มีทางเป็นได้เช่นเดียวกับที่เราเคยเป็น

ศาสนาเป็นหลักวิชาตรวจตราดูตัวเองและผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ
ไม่มีวิชาใดในโลกเสมอเหมือน

สิ่งดีชั่วที่มีและเกิดอยู่กับตนทุกระยะมีใจเป็นตัวการพาให้สร้างกรรมประเภทต่าง​ ๆ

จนเห็นได้ชัดว่ากรรมมีอยู่กับผู้ทำ มีใจเป็นเหตุของกรรมทั้งมวล

... #กรรมเป็นของลึกลับและมีอำนาจมาก.....

ไม่มีผู้ใดหนีกฎแห่งกรรมได้เลย
ถ้าเราสามารถรู้เห็นกรรมดีกรรมชั่วที่ตนและผู้อื่นทำขึ้น

เหมือนเห็นวัตถุต่าง​ ๆ จะไม่กล้าทำบาป​ แต่จะกระตือรือค้นทำแต่ความดีซึ่งเป็นของเย็นเหมือนน้ำ

ความเดือนร้อนในโลกก็จะลดน้อยลง​ เพราะต่างก็รักษาตัว กลัวบาปอันตราย

ท่านว่า ดี ชั่ว มิได้เกิดขึ้นมาเอง แต่อาศัยการทำบ่อยก็ชินไปเอง
เมื่อชินแล้วก็กลายเป็นนิสัย

ถ้าเป็น ฝ่ายชั่ว ก็แก้ไขยาก​ คอยแต่จะไหลลงตามนิสัยที่เคยทำอยู่เสมอ

ถ้าเป็น ฝ่ายดี ก็นับว่าคล่องแคล่วกล้าขึ้นเป็นลำดับ

เราเกิดเป็นมนุษย์ มีความสูงศักดิ์มาก อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ

มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์และจะเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย​ อย่าพากันทำ ให้พากันละบาป​ บำเพ็ญบุญ ทำแต่ความดี
อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์

การทำความเข้าใจเรื่องของกรรม​ เป็นการศึกษาธรรมะเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับภาวะของตัวเราเอง

ซึ่งจะต้องเป็นไปตามกรรมที่ได้ทำไว้ ตามสุภาษิตที่มีว่า

"..กรรมจำแนกสัตว์ให้ทรามและประณีตต่างกัน.."

ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล​ คือลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้

แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่มาเป็นอย่างดี​ เหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม เขาก็มองไม่เห็นคุณของพ่อแม่​ ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง

แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขา​ ที่เป็นคนหนึ่งกำลังรกโลกอยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น

ไม่สนใจคิดว่าเขาเติบโตมาจากท่านทั้งสอง​ ซึ่งเป็นแรงหนุนร่างกายชีวิตจิตใจเขา ให้เจริญเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน

การดื่มกินเป็นการสร้างสุขภาพ
ความเจริญเติบโตแก่ร่างกาย ไม่จัดว่าเป็นกรรม

กรรม คือ การกระทำ ดี ชั่ว ทางกาย วาจา ใจ ต่างหาก​ ผลจริง คือ ความสุข ทุกข์ที่ได้รับกันอยู่ทั่วโลก กระทั่งสัตว์ผู้ไม่รู้จักรรม

รู้แต่กระทำคือหากินอยู่ ทางศาสนาเรียกว่า กรรมของสัตว์ ของบุคคล​ และผลกรรมของสัตว์ ของบุคคล

ควรมีเมตตาสงสารในสัตว์ทั้งหลาย​ ซึ่งมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย​ เช่นเดียวกับเรา ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน

ความยิ่งหย่อนแห่งวาสนาบารมีนั้นมีได้ทั้งคนและสัตว์​ สัตว์บางตัวมีวาสนาบารมีและอัธยาศัยดีกว่ามนุษย์บางคน​ แต่เขาตกอยู่ในภาวะความเป็นสัตว์ ก็จำต้องทนรับเสวยไป

สัตว์เดรัจฉานก็ยังมีและเสวยกรรมไปตามวิบากของมัน​ มิให้ประมาทเขาว่าเป็นสัตว์ที่เกิดในกำเนิดต่ำทราม

ความจริงเขาเพียงเสวยกรรมตามวาระที่เวียนมาถึงเท่านั้น
เช่นเดียวกับมนุษย์ ขณะที่ตกอยู่ในความทุกข์จนข้นแค้น
ก็จำต้องทนเอาจนกว่าจะสิ้นกรรม

เมื่อมนุษย์เราเกิดเสวยชาติเป็นคน​ มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามวาระของกรรมที่อำนวย

มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่งที่พาให้มาเป็นอย่างนี้​ ซึ่งล้วนผ่านกำเนิดต่าง​ ๆ จนนับไม่ถ้วน
ให้ตระหนักในกรรมของสัตว์ว่ามีต่าง​ ๆ กัน

เพราะฉะนั้น​ ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยาม​ ในชาติกำเนิดความเป็นอยู่ของกันและกัน​ และสอนให้รู้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมดี กรรมชั่วเป็นของ​ ๆ ตน.."

โอวาทธรรมคำสอน​
หลวงปู่มั่น​ ภูริทตฺโต
ที่มา​ของบทความ: "ภูริทตฺตธมฺโมวาท" จากหนังสือบูรพาจารย์ รวบรวมโดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต







"... ธาตุกับจิตติดกัน จึงวนเวียนแก่
เจ็บ ตาย อยู่ทุกชาติหาที่สิ้นสุดมิได้

ธาตุเป็นของที่มีอยู่เช่นนั้น ตั้งแต่ดั้งเดิมมา
และแปรปรวนอยู่เช่นนั้น จิตของคน ไม่ไป
ยึดไปถือ ก็เป็นจิตสิ้นทุกข์ได้ ..."
------------------------------------------------------
#พระอาจารย์มั่น_ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง
จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
จากบันทึกหลวงปู่หลุย จันทสาโร






ถ้าเรายังมีใจของเรา เราก็ใช้ใจของเราต่อไป เธอทุกคนก็เช่นเดียวกัน เราทำอะไรก็ต้องมีใจตั้งมั่น หมายความว่า ความปรารถนาของเรา มันเป็นความปรารถนาที่เขาปรารถนาได้โดยยาก ถ้าเราบอกว่า เราไม่ปรารถนามาเกิด เขาคงจะไม่เชื่อ แล้วถ้าเราบอกว่าปรารถนาจะไปนิพพาน เขาคงจะใช้วาจาไม่ดีกับเราก็ได้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษยโลกที่ผู้คนมีกำลังใจต่างกันไป แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความตั้งใจของเธอที่มันต้องแน่นอน

เพราะการได้มาซึ่งความสุขอันยอดเยี่ยม มันต้องใช้ความเพียร กับ ความอดทน
ความเพียร คือ ความขยัน ตั้งใจว่าเราทำทุกอย่างในชาติสุดท้าย ก็หวังจะได้ไม่ต้องมาเกิดอีกต่อไป
ความ️อดทน คือ อดทนต่อสิ่งที่มากระทบใจทั้งดีและไม่ดี เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องปกติเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อมันเกิดขึ้น เราก็อยู่ในสภาวะที่จำยอม แต่เราไม่ได้ทำโดยไร้ประโยชน์ เราอดทนเพื่อไปให้พ้นความทุกข์ในอนาคตมากกว่าที่จะอดทนไปโดยไม่ได้คิด คือ เราอดทนเพื่อพระนิพพานของเรา

ดังนั้น มันไม่ใช่ของที่ได้มาโดยง่าย เหมือนคนทุกคนที่อดทนในการทำมาหากิน เขาก็อดทนใช้ความพยายามมากมาย แต่เขาไม่เข้าใจว่า อะไรคือความสุขที่แท้จริง แต่ของพวกเราก็ใช้ความอดทนที่มีมากกว่าในการเวียนว่ายตายเกิด เป็นคน เป็นสัตว์ แม้แต่เป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกายก็ต้องอดทน โดยทุกคนก็พยายามอดทนไปให้ถึงจุดหมายตามที่ตั้งใจ แม้ว่าจะใช้ความเพียรมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่ท้อ แต่สำหรับเรามันเวียนว่ายตายเกิดมามาก เจอทุกข์ก็มาก ความปรารถนาซึ่งพระนิพพานไม่ได้เกิดขึ้นมาเพียงชาตินี้ แต่มันปรารถนาซึ่งพระนิพพานมานานมากนับอสงไขยไม่ถ้วน เราทำบารมีมาเรื่อยๆ ทุกครั้งก็ปรารถนาไปนิพพาน

แต่การสะสมความเพียรความอดทน มันก็ต้องมีความแน่วแน่ในการปรารถนา แต่ที่ผ่านมา เราอาจจะไม่แน่วแน่แบบชาตินี้ งั้นชาตินี้จึงเป็นชาติที่ดีที่สุดของเรา เพราะเรามีกำลังใจมั่นคงแน่วแน่ ความทุกข์อื่นใดในชาตินี้มันน้อยกว่าทุกข์ในชาติอื่นเยอะ เพราะชาตินี้เราทำใจได้ กำลังใจเราดีกว่าเก่า เจอทุกข์ก็คิดว่า ช่างมันเถอะ อีกอย่างเรามีครูบาอาจารย์ คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อ สอนให้เรายอมรับกฎของความเป็นธรรมดา บุญทานเราก็ทำเรื่อยๆ ตลอดจนเรามีธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นอาวุธคอยประหัตประหารกิเลสความทุกข์ในใจ

เสียงธรรมพ่อสอน
#พระเดชพระคุณหลวงพ่อสมปอง
สุธัมมสันตจิตโต (บ้านสบายใจ)
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๒
ปกิณกะธรรมกำลังใจแน่วแน่ในความตั้งใจปรารถนาพระนิพพาน






เมื่อทำเป็น การต่อเนื่องไปแล้ว พลังจิต ก็จะเพิ่มขึ้น เป็นพลังที่มี ความแข็งแกร่ง สามารถที่จะ ควบคุมจิตใจ ของเราได้

คือ เมื่อพลังจิตของเรา มีเพียงพอแล้ว ก็ควบคุมจิตใจได้ เมื่อควบคุมจิตใจ ได้แล้ว ความขัดแย้ง มันใหญ่โต มโหฬาร เพียงใดก็ตาม

สามารถ ลดระดับลงมา สู่ขีด ที่ไม่เป็นอันตราย เรียกว่า ลดระดับ ความขัดแย้ง ลงมาได้

เป็นประโยชน์ ต่อครอบครัว เป็นประโยชน์ ต่อสังคม เป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติ เป็นประโยชน์ ต่อโลก”

ธรรมะรุ่งอรุณ เล่ม ๒ หน้า ๘

สมเด็จพระญาณวชิโรดม พุทธาคมวิศิษฐ์ จิตตานุภาพ พัฒนดิลก สาธกธรรมวิจิตร วิเทศศาสนกิจไพศาล วิปัสสนาญาณธุราทร ธรรมยุตติกคณิสสรบวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี​ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สถิต​ ณ วัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร​ กรุงเทพมหานคร

#เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม
#หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร
#มีพระทุกวัน
#วัดศรีรัตนธรรมาราม








บุญบาปเกิดจากใจ ไม่ใช่อื่นไกล

“กรรมเป็นของตน ไม่ใช่เป็นของบุคคลอื่น
ก็เวลานี้เราอยู่ในกรรมอันใดเล่า กรรมดี
หรือกรรมชั่ว เราต้องพิจารณาลงไป
ไม่ใช่ผู้อื่นเป็น เราเองเป็นผู้เป็น
ถ้าเราไม่ชอบบาปกรรม เราก็เลิกทำ
บาปกรรมทั้งหลายก็ไม่มีในตัวเรา
เราควรพินิจพิจารณาข้อนี้ให้แน่ใจลงไป
เชื่อมั่นลงไป ใครเป็นผู้ทำกรรมเวลานี้
พิจารณาดูซิ ... ก็ดวงใจของเรา
มโน คือ ความน้อมนึก ธรรมะ คือ ความคิด
ต้นบุญต้นกุศลทั้งหลาย คือใจเรานี้เอง
บุญและบาปเกิดจากนี้ ไม่ได้เกิด
จากอื่นจากไกล” ...
...
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร







"อาหารทุกอย่างมันก็ดีแต่ร้อนๆ เท่านั้น ถ้าทิ้งไว้นานหน่อยมันก็บูดเน่าหนอนขึ้น

ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีสาระแก่นสารเป็นของลมๆ แล้งๆ ของที่คนอื่นเขานำมาให้มันไม่วิเศษวิโสอะไร เหมือนกับของที่มีขึ้นในตัวของเราเอง ใครไปยินดีหลงเพลินกับสิ่งเหล่านี้ก็จะมีแต่โทษกับทุกข์เท่านั้น
เราเองไม่เคยสนใจกับสิ่งเหล่านี้ใครรจะนั่งสรรเสริญหรือนินทาอยู่ ๑๐ วัน ๑๐ คืน ก็ไม่เห็นแปลกอะไร"

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร






อยู่ในโลก อย่าทิ้งธรรม

“สติช่วยทำให้ความเศร้าโศกเสียใจ ความโกรธ ไม่สามารถคุกคามบีบคั้นรังควานจิตใจได้ ไม่ใช่ไม่มีอารมณ์ความโศก ความเศร้า ความโกรธมี แต่มันทำอะไรใจไม่ได้ แต่ต่อไปถ้ามีปัญญาถึงขั้น อารมณ์เหล่านั้นก็เกิดขึ้นได้ยาก เพราะว่าเมื่อสูญเสียทรัพย์ก็ไม่ทุกข์ เพราะว่าไม่ได้ยึดติดถือมั่นในทรัพย์เหล่านั้นตั้งแต่แรก ความไม่ยึดติดถือมั่นในทรัพย์ ในร่างกาย ในงานการ ในคนรัก รวมทั้งหน้าตา พอสิ่งเหล่านั้นปรวนแปรไป ความทุกข์ ความเศร้าโศก ความเสียใจ ความคับแค้นใจ ความโกรธ มันก็เกิดขึ้นได้ยาก แต่ถึงแม้จะไม่มีปัญญาถึงขั้นชนิดปล่อยวางได้ แต่หากมันมีอารมณ์เศร้าโศกโกรธเคืองเกิดขึ้นมาในใจ ก็ยังมีสติเป็นด่านสุดท้ายที่จะช่วยรักษาใจไม่ให้ทุกข์ มีความโกรธเกิดขึ้นก็รู้ว่าโกรธ มีความเศร้าเกิดขึ้นก็รู้ว่าเศร้า รู้แล้ววาง ไม่แม้กระทั่งกดข่มหรือผักไส และแน่นอนก็ไม่คล้อยตามอารมณ์เหล่านั้นด้วย ไม่ปล่อยให้มันครอบงำใจ

ธรรมะนี่ เฉพาะ 2 อย่างที่สำคัญ ก็ช่วยเราได้มากมาย ยังไม่ต้องพูดถึงสมาธิ ยังไม่ต้องพูดถึงอิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ซึ่งถ้าหากว่าระดมกำลังเข้ามา รวมถึงสันโดษ ปัสสัทธิ ปีติ วิริยะ อุเบกขา ธัมมวิจยะ สติ เหล่านี้เป็นโพชฌงค์ 7 ที่ถ้าเราระดมเข้ามา มันก็ช่วยเรา ในเวลาเจริญ ก็ไม่เพลินกับความเจริญ หรือความสุข ไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่หลง ไม่ลืมตัว ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และเมื่อถึงเวลาที่มันเสื่อมตามเหตุตามปัจจัย ก็ไม่ทุกข์ ด้วยเหตุนี้จึงบอกว่า แม้เราจะต้องกลับไปใช้ชีวิตทางโลก แม้เราจะมีจุดมุ่งหมายที่เป็นความสำเร็จทางโลกแต่ก็อย่าทิ้งธรรม เพราะถ้าทิ้งธรรมแล้ว ความสำเร็จที่เกิดขึ้นก็จะไม่ยั่งยืน และจะไม่ได้ทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง ยังไม่ต้องพูดถึงว่า หากว่าไม่สำเร็จ หรือหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น เรียกว่าอนิฏฐารมณ์ แม้เกิดขึ้น ใจก็ไม่ทุกข์ เพราะเรามีสติ มีปัญญา และธรรมะอีกมากมายที่ช่วยรักษาใจเอาไว้”

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO