|
"..สิ่งใดเป็นไปเพื่อทุกข์ เป็นไปเพื่อโทษ ก็รีบชำระสะสางให้หมดสิ้นไปจากดวงใจของเรา ให้พึงเข้าใจในสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอมิใช่ว่าเราไม่รู้ คือให้รู้ภายในจิตใจของตน อย่าส่งรู้ออกภายนอกจิตใจของตน ให้พากันดูให้พากันฟัง สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งมีอยู่ในตัวเราทุกคนครบบริบูรณ์ ขณะนี้เราอยู่ในสมถกรรมฐาน คือความสงบ วางอารมณ์ภายนอกทั้งหมดได้ ไม่กำหนัดรักใคร่ยินดี ใจไม่หงุดหงิด ไม่ซึมเซา ไม่ท้อแท้ และไม่งมงาย เราอยู่ในวิปัสสนากรรมฐาน ก็ตัดหมด ตัดภพ ตัดชาติทั้งหลาย อารมณ์สัญญาที่เป็นไปตามกระแสโลกตัดหมด ไม่มีเหลือ เป็นเรื่องสมมตินิยมกันเท่านั้น จิตของเราเป็นวิมุติ หลุดพ้นไปหมด เรื่องภพ เรื่องชาติ เรื่องทุกข์ เรื่องภัย ไม่มีอีกแล้ว นี้แหละเป็นข้อปฏิบัติ..
อาจาโรวาท หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๔๒-๒๕๒๐)
"..สัจจะบารมี.." "..การนอนเป็นเวลา การตื่นเป็นเวลา การรับประทานเป็นเวลา ทำอะไรให้ตรงต่อเวลา ก็ให้มีสัจจะไว้ในใจว่า เราจะทำอะไรให้มันจริงใจสักอย่างหนึ่ง ให้เป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่ของใจ ที่คือแผนการสร้างพลังจิตพลังใจ การทำอะไรเป็นเวลาตรงไปตรงมา เป็นการสร้างสัจจบารมี ถ้าใครมีสัจจะบารมี มีสัจจะบารมี ใกล้ต่อการตรัสรู้ ถ้าขาดสัจจะความจริงใจแล้วยังห่างพระพุทธเจ้า ผิดรู้ตัวว่าผิด ถูกรู้ตัวว่าถูก ไม่โกหกใคร ผิดรับไปตามผิด ถูกรับไปตามถูก นั่นเป็นการสร้างสัจจบารมี เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายก็ควรจะได้ฝึกตัวเองให้มีสัจจบารมีบ้าง.."
โอวาทธรรมคำสอน พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา (พ.ศ.๒๔๖๔–๒๕๔๒)
โอวาทธรรมที่หลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้สดับฟังมาจากท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
“ พระอรหันต์ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากไหน ก็มาจากหัวใจของปุถุชน มาจาก ราคะ โทสะ โมหะ ถ้าหากใจปุถุชนนั้น พยายามบากบั่นฝึกปรือตน ให้เดินตามมรรคาสัมมาปฏิบัติ พระอรหันต์ก็มาจากที่นั่น กลั่นกรองมาจากที่นั่น เหมือนดอกบัวมาจากขี้ตมขี้โคลนเน่า ๆ เหม็น ๆ แต่พอพ้นน้ำ รับแสงอาทิตย์ แย้มบานเต็มที่ มีสง่าราศรี ใครก็อยากได้อยากชม ”
"..ผู้มีศีลเป็นผู้ปลูกและส่งเสริมความสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ฉะนั้นผู้เห็นคุณค่าของตัวจึงควรเห็นคุณค่าของผู้อื่นว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน ผู้มีศีลสัตย์เมื่อทำลายขันธ์ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ไม่ตกต่ำ เพราะอำนาจศีลธรรมคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ เมื่อจากอัตภาพนี้จะมีสวรรค์เป็นที่ไปโดยไม่ต้องสงสัย ธรรมที่สั่งสอนแล้วควรจดจำให้ดี ปฏิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงสมบัติทุกอย่างในอัตภาพที่จะมาถึงในไม่ช้านี้แน่นอน.."
ภูริทตฺโตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
หลวงปู่ใช่ สุชีโว วัดป่าลิไลยวัน (วัดเขาฉลาก) จ.ชลบุรี
หลวงพ่อได้ธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมบนเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานปฏิบัติอย่างเข้มงวดเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่พอล่วงไปได้ยี่สิบกว่าวัน ก็เกิดความฟุ้งซ่านในจิตเป็นอันมากในขณะเดินจงกรมอยู่ จนเกือบจะยอมเสียสัจจอธิษฐาน เลิกล้มความตั้งใจในการปฏิบัติขณะนั้น ท่านได้ออกมาจากที่จงกรม มานั่งห้อยเท้าที่แคร่ แม้ร่างกายท่านจะเลิกปฏิบัติแล้ว แต่จิตใจของท่านที่ได้ผ่านการฝึกฝนมานาน ก็ยังคงทำงานภายในต่อไป
“เมื่อมันฟุ้งจนถึงที่สุด จิตก็มาคิดว่า หลักการปฏิบัตินั้น พระพุทธเจ้าสอนเรื่องอะไร จิตตอบว่า สอนให้รู้ตัว พลันก็เกิดปัญญาขึ้นว่า งั้นฟุ้งก็ฟุ้งซิ เมื่อกำหนดรู้เช่นนั้น ที่เคยฟุ้งๆ นั้นดับเลย”
ในที่สุดหลวงพ่อก็จับหลักการปฏิบัติได้ว่า เมื่อฟุ้งก็รู้ว่าฟุ้ง คือเอาตัวความคิดฟุ้งซ่านนั้นมาเป็นอารมณ์ เป็นที่ระลึกของสติต่อ ท่านสามารถกลับมาเดินจงกรมต่อ
จากประสบการณ์นี้ หลวงพ่อจะสอนเสมอว่า “ฉะนั้น นักปฏิบัติ อย่าทิ้งตัวรู้ อะไรเกิดขึ้นก็กำหนดรู้เรื่อยไป ชอบก็รู้ว่าชอบ ไม่ชอบก็รู้ว่าไม่ชอบ ฟุ้งก็รู้ว่าฟุ้ง อะไรมาก็ให้กำหนดรู้…” และท่านยังกล่าวอีกว่า นักปฏิบัติเวลาฟุ้งซ่านแล้ว รุนแรงกว่าคนปกติเสียอีก ยิ่งสงบมาก เวลาฟุ้งซ่านก็มากเช่นกัน แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เขาก็ไม่มาเกินกำลังของเราไปได้ คือพอสู้ได้
หลังจากเอาชนะความฟุ้งซ่านในครั้งนั้นได้แล้ว หลวงพ่อได้รับความเย็นใจขึ้นมาก การกระทำความเพียรก็ติดต่อ ผลการปฏิบัติก็ก้าวหน้า ภายหลังท่านได้เล่าผลการปฏิบัติให้หลวงพ่อสาลีทราบ หลวงพ่อสาลีได้กล่าวยกย่องว่า “ที่ท่านใช่พิจารณานั้นเป็นอุบายที่แยบคายดี” ทั้งได้แนะนำข้อปฏิบัติต่างๆ อีกพอสมควร
อีกครั้งที่เกาะสีชัง ท่านได้หาอุบายในการภาวนา โดยการส่งจิตออกลงไปใต้ท้องทะเล แล้วยกขึ้น วางลง แล้วดึงจิตกลับมา พร้อมกับทำในใจว่า ไม่เอา (อารมณ์) ใดๆ ทั้งนั้น ไม่ให้มีสิ่งใดติดอยู่ในใจ จนจิตสงบรวมตัว แล้วมีคำถามผุดขึ้นมาว่า “อะไรๆ ก็ไม่เอา อย่างนี้จะถูกหรือ” สักพักนึงก็ปรากฏเป็นภาษาบาลีว่า อุปาทานํ ทุกฺขํ โลเก ท่านแปลว่า ความเข้าไปยึดมั่นถือมั่นแล้วไม่มีทุกข์ ไม่มีในโลก
#ธรรมะจากหลวงพ่อกัณหา_สุขกาโม Thai/English
"...หลวงพ่อน่ะ วันนี้ออกหนังสือให้พระ วันนี้ออกหนังสือให้พระนะ
บอกว่าบวชมาพรรษาหนึ่งถือว่าเป็นพระเก่านะ
เราอาศัยแบรนด์เนมพระพุทธเจ้าน่ะ เราอย่าไปลืมตัวลืมตนน่ะ ต้องเอาข้อวัตรข้อปฏิบัติ กิจวัตร อย่าไปทำอะไรตามใจของตัวเองน่ะ ถ้าปฏิบัติไม่ได้ ก็ให้ลาสิขาไปเสีย ไม่มีพระ ก็อย่าให้มีโจร ให้มันเจ๊ากันไป จะมานั่งมาเดินให้โยมเตี่ยนี่ยกมือไหว้ได้ยังไง หลวงพ่อว่าอย่างนี้
ถ้าไม่ตั้งใจ ก็ไม่ต้องเห็นหน้าเห็นตากัน เราต้องรู้เข้าใจน่ะ เราให้มีความสุขในการคิดดี ๆ พูดดี ๆ กิริยามารยาทดี ๆ ยกเลิกตัวตนน่ะ
เอาตัวตนน่ะ อย่างมากก็ได้แค่สมาธิ แค่สมาบัติน่ะ ไม่ใช่อริยมรรค ไม่ใช่อริยมรรคมีองค์ ๘ น่ะ ..."
หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม วันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
◇◇◇◇◇◇◇ ...Today, Luang Phor issued an official document for the monks. Luang Phor said that if a monk has been ordained for one Rains Retreat (Vassa), he is already considered a senior monk.
As monks, we live under the great brand name of the Buddha — so we must not forget ourselves or our true purpose. We must uphold the discipline (Vinaya), the daily routines, and the practices of a monk. Do not act according to one’s own desires. If one cannot follow the discipline properly, then it is better to leave the monkhood.
It is better to have no monks than to have robbers disguised in robes — that would at least make things even. How could such a person sit or walk around and have senior laypeople raise their hands to pay respect? Luang Phor said this very directly.
If you have no true intention, then there is no need for us to even see each other’s faces. We must understand this well — to find happiness in thinking well, speaking well, and having good manners — by abandoning the sense of self.
If you still cling to the self, at best you may reach only concentration (samādhi) or absorption (jhāna). But that is not the Noble Path. It is not the Noble Eightfold Path (Ariya Magga) taught by the Buddha. ...
— Luang Phor Gunhah Sukhakamo at Wat Pah Subthawee Dhammaram Wednesday, 12 November 2025
#ใจดีใจสบาย #ธรรมะใจดีใจสบาย #หลวงพ่อกัณหา_สุขกาโม #วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม #LuangPhorGunhah_Sukhakamo #JaideeJaisabaai #WatSubthawee
ในบรรดาความไม่ประมาททั้งหลาย ความไม่ประมาทในความคิด เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่สุด เป็นต้นสายของความไม่ประมาททั้งปวง การหัดนึก "ย้อนหลัง" หัดนึก "ก่อนทำ" หัดนึก"ก่อนโกรธ" หัดให้มีความ "รู้ตัว" หัดให้มีความ "ยับยั้ง" การหัดอยู่เสมอ "สติ" จักเกิดมีทวีเป็นลำดับ จนถึงเป็น "สติรอบคอบ" ถ้าไม่หัดทำ จะให้มีสติขึ้นเอง นั้นเป็นการยาก เหมือนอย่างเมื่อประสงค์ให้ ร่างกายมีพลานามัยดี ก็ต้องทำการบริหาร ให้ควรกัน ... ... พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
|