|
"..ถ้าเรามีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้ที่ใจของเรา บริบูรณ์เต็มที่ เราจะไปอยู่โลกไหนก็ไปได้ เพราะเรามีที่พึ่งที่อาศัย ที่ไป ที่อยู่แล้ว เราจะไปจะอยู่ก็มีความสุข เราจะพึ่งอะไรก็พึ่งได้ เมื่อเรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้ในใจของเราอย่างล้นฝั่งอยู่เสมอ ไม่บกพร่อง เราจะพึ่งโลกไหนก็ พึ่งได้โดยแท้ ไม่ต้องสงสัย เมื่อพวกท่านทั้งหลาย ได้สดับในโอวาทานุศาสนีแล้ว ให้พากันกำหนดจดจำไว้ในใจ นำเอาไปปฏิบัติตาม อย่าพากันมีดวามประมาท ดังได้แสดงมาด้วยประการ ฉะนี้.."
โอวาทธรรมคำสอน หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๔๒-๒๕๒๐)
"พระนิพพานมีอันเดียว รสเดียวอันเดียว บ่มีเจ็บมีไข้ บ่มีป่วย จังเป็นบรมสุขใหญ"
#หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ
"...มุตโตทัย..." มูลมรดกอันเป็นต้นทุนทำการฝึกฝนตน โดยท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทฺตตเถระ
"...เหตุใดหนอ ปราชญ์ทั้งหลาย จะสวดก็ดี จะรับศีลก็ดี หรือจะทำการกุศลใดๆ ก็ดี จึงต้องตั้ง นะโม ก่อน จะทิ้ง นะโม ไม่ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ นะโม ก็ต้องเป็นสิ่งสำคัญ จึงยกขึ้นพิจารณา ได้ความว่า น คือธาตุน้ำ โม คือ ธาตุดิน พร้อมกับบาทพระคาถา ปรากฏขึ้นมาว่า มาตาเปติกะสมุภะโว โอทะนะกุมมาสะปัจจะโย สัมภะวะธาตุของมารดาบิดาผสมกัน จึงเป็นตัวตนขึ้นมาได้ น เป็นธาตุของ มารดา โม เป็นธาตุของ บิดา ฉะนั้นเมื่อธาตุทั้ง ๒ ผสมกันเข้าไป ไฟธาตุของมารดาเคี่ยวเข้าจนได้นามว่า กลละ คือ น้ำมันหยดเดียว ณ ที่นี้เอง ปฏิสนธิวิญญาณเข้าถือปฏิสนธิได้ จิตจึงได้ถือปฏิสนธิในธาตุ นะโม นั้น
เมื่อจิตเข้าไปอาศัยแล้ว กลละ ก็ค่อยเจริญขึ้นเป็น อัมพุชะ คือเป็นก้อนเลือด เจริญจากก้อนเลือดมาเป็น ฆะนะ คือเป็นแท่ง และ เปสี คือชิ้นเนื้อ แล้วขยายตัวออกคล้ายรูปจิ้งเหลน จึงเป็นปัญจะสาขา คือ แขน ๒ ขา ๒ หัว ๑ ส่วนธาตุ พ คือลม ธ คือไฟ นั้นเป็นธาตุเข้ามาอาศัยภายหลังเพราะจิตไม่ถือ เมื่อละจากกลละนั้นแล้ว กลละก็ต้องทิ้งเปล่าหรือสูญเปล่า ลมและไฟก็ไม่มี คนตาย ลมและไฟก็ดับหายสาบสูญไป จึงว่าเป็นธาตุอาศัย ข้อสำคัญจึงอยู่ที่ธาตุทั้ง ๒ คือ นะโม เป็นเดิม
ในกาลต่อมาเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ต้องอาศัย นะ มารดา โม บิดา เป็นผู้ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมาด้วยการให้ข้าวสุกและขนมกุมมาส เป็นต้น ตลอดจนการแนะนำสั่งสอนความดีทุกอย่าง ท่านจึงเรียกมารดาบิดาว่า บุพพาจารย์ เป็นผู้สอนก่อนใครๆ ทั้งสิ้น มารดาบิดาเป็นผู้มีเมตตาจิตต่อบุตรธิดาจะนับจะประมาณมิได้ มรดกที่ทำให้กล่าวคือรูปกายนี้แล เป็นมรดกดั้งเดิมทรัพย์สินเงินทองอันเป็นของภายนอกก็เป็นไปจากรูปกายนี้เอง ถ้ารูปกายนี้ไม่มีแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ชื่อว่าไม่มีอะไรเลยเพราะเหตุนั้นตัวของเราทั้งตัวนี้เป็น "มูลมรดก" ของมารดาบิดาทั้งสิ้น จึงว่าคุณท่านจะนับจะประมาณมิได้เลย ปราชญ์ทั้งหลายจึงหาได้ละทิ้งไม่ เราต้องเอาตัวเราคือ นะโม ตั้งขึ้นก่อนแล้วจึงทำกิริยาน้อมไหว้ลงภายหลัง นะโม ท่านแปลว่านอบน้อมนั้นเป็นการแปลเพียงกิริยา หาได้แปลต้นกิริยาไม่ มูลมรดกนี้แลเป็นต้นทุน ทำการฝึกหัดปฏิบัติตนไม่ต้องเป็นคนจนทรัพย์สำหรับทำทุนปฏิบัติ..."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
พระนิพนธ์ 'ธรรมะคือดวงตาของชีวิต'
พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้ว่า ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป ไม่อยู่ใต้อำนาจความปรารถนาต้องการ ของผู้ใดทั้งสิ้น จำไว้ระลึกไว้ จะเหมือน มีแสงสว่างประจำตนอยู่เสมอ ...
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
"..การไม่ทำบาป ถ้าทางกายไม่ทำ แต่ทางวาจาก็ทำอยู่ ถ้าทางวาจาไม่ทำ แต่ทางใจก็ทำ และสั่งสมบาปวันยังค่ำจนถึงเวลาหลับ พอตื่นจากนอนก็เริ่มสั่งสมบาปต่อไปจนถึงขณะหลับอีก เป็นอยู่ทำนองนี้ โดยมิได้สนใจคิดว่าตัวทำบาปหรือสั่งสมบาปเลย แม้เช่นนั้นยังหวังใจอยู่ว่า ตนมีศีลมีธรรม และคอยเอาแต่ความบริสุทธิ์จากความมีศีลมีธรรมที่ยังเหลือแต่ชื่อนั้น ฉะนั้น จึงไม่เจอความบริสุทธิ์ กลับเจอแต่ความเศร้าหมอง วุ่นวายภายในใจอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพราะตนแสวงหาสิ่งนั้นก็ต้องเจอสิ่งนั้น ถ้าไม่เจอสิ่งนั้นจะให้เจออะไรเล่า คนเราแสวงหาสิ่งใดก็ต้องเจอสิ่งนั้นเป็นธรรมดา เพราะนั้นเป็นของมีอยู่ในโลกสมมุติอย่างสมบูรณ์.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
“ . . ธรรมสำหรับคนชั่วนั้น ไม่มีความหมายใด ๆ
เหมือนเทน้ำใส่หลังหมา มันสลัดออกเกลี้ยง ไม่เหลือ . . ”
-- หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
“หาโอกาสเป็น Nobody บ้าง เพื่อดูว่าจริงๆ แล้วเรายินดีไหม ในการเป็น Somebody ” ... พระอาจารย์ชยสาโร
อนาลโยวาท
อย่าให้มีความประมาท จงพากันสร้าง คุณงามความดี มีการให้ทาน มีการรักษาศีล ของฆราวาส พวกฆราวาสก็ดีให้ถือศีลห้า ศีลแปด วันเจ็ดค่ำ แปดค่ำ สิบสี่ค่ำ สิบห้าค่ำ เดือนหนึ่งมีสี่หนอย่าให้ขาด ให้มีความตั้งใจ เรื่องเข้าวัดฟังธรรม รักษาศีล ภาวนา อันนี้เป็นทรัพย์ภายในของเรา การรักษาศีล เป็นสมบัติภายในของเรา
ควรใช้ปัญญาพิจารณาค้นคว้าร่างกาย ให้มันเห็นว่าความจริงของมันตกอยู่ใน ไตรลักษณ์ ตกอยู่ในทุกขัง ตกอยู่ในอนิจจัง ตกอยู่ในอนัตตา มีความเกิดอยู่ในเบื้องต้น มีความแปรไปในท่ามกลาง มีความแตกสลาย ไปในที่สุด อย่างนี้แหละ
อย่าให้เรานอนใจ ให้สร้างแต่คุณงามความดี อย่าไปสร้างบาปอกุศล อย่าไปก่อกรรมก่อเวร ใส่ตน ผู้อื่นไม่ได้สร้างให้เรา คุณงามความดี เราสร้างของเราเอง ตนสร้างใส่ตนเอง ผู้อื่นบ่ได้ทำดอก เมื่อเราเป็นบาป ก็เรา เป็นผู้สร้างบาปใส่เราเอง ความดีก็แม่น เราใส่เราเอง จึงได้เรียก กุศลกรรม อกุศลกรรม สัตว์ทั้งหลายจะดีหรือจะร้ายก็ดี จะเป็นคนมั่งคั่งสมบูรณ์ หรือยากจนข้นแค้น ก็ดี เป็นเพราะกรรมดอก ... หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู กัณฑ์ที่ ๘ กรรมกับจิต
|