บทสนทนาธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป #ปรารภเรื่องภัยพิบัติ
"...หลวงปู่ปรารภว่า : เรื่องภัยพิบัตินั้น..ก็จะเกิดมีอยู่ อาตมา..เห็นอยู่ แต่อาตมาไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นช่วงไหน จึงขอเตือน..ให้ญาติโยม ภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ กันไว้
โยมถามว่า : คนที่ภาวนาพุทโธ แล้วจะรอดพ้นจาก..ภัยพิบัติหรอครับหลวงปู่
หลวงปู่ตอบว่า : เปล่า..คนภาวนาพุทโธ ตายแล้วจะไปสู่สุคติ ถ้าหากคนเรา มองดูเห็น..ความตายอยู่ใกล้ตนแล้ว ก็จะรีบขวนขวายสร้างคุณงามความดีให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตนเองได้ ถ้าบุคคลไม่เจริญมรณานุสติกรรมฐานไม่ระลึกถึงความตายในวันหนึ่งวันหนึ่ง ไม่รู้ว่าตนเองจะตายในวันใดวันหนึ่งแล้ว ก็ย่อมเป็นคนประมาท เป็นคนที่หลงระเริงเพลิดเพลินอยู่ว่า ชีวิตของเรานี้จะอยู่ได้ยืนยาวนานไปหลายวันหลายเดือนหลายปี ก็จะมีความประมาท
ไม่สร้างสมอบรมบุญบารมีให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตน แล้วชีวิตก็จะเสียเปล่าประโยชน์ เหมือนบุคคลบางคนนี่แหละ อยู่บ้านอยู่ช่องก็ดี อยู่กับลูกกับหลานก็เหมือนกัน อยู่กับพี่กับน้อง ไม่เคยไปวัดวาอาวาส ไม่เคยศึกษา ไม่ฟังพระธรรมเทศนา ไม่ฝึกฝนอบรมบ่มนิสัยตนเอง มัวเมาลุ่มหลงอยู่ มืดมนอนธการ ไม่รู้จักประพฤติปฏิบัติ ไม่รู้คุณค่าของชีวิตของตน แล้วก็หมกมุ่นอยู่ในความหลงเพลิดเพลินระเริงอยู่
เขาเรียกว่า ... หลงระเริงในวัย ...ครั้นว่าวัยยังหนุ่มยังสาว ก็หลงว่า มันยังหนุ่มยังสาวอยู่ ... เมื่อวัยกลางคนก็หลงว่าเรายังแข็งแรงอยู่ ไม่ควรที่จะเข้าวัดเข้าวา ... เมื่อมาถึงอายุ ๕๐ ปี ๖๐ ปีก็ตาม บางบุคคลก็ยังหลงมัวเมาว่า ตนเองยังไม่เฒ่าไม่แก่ ก็ไม่เข้าวัดฟังธรรมจำศีลเจริญภาวนา ... แม้เฒ่าแก่ชรา ๗๐ ๘๐ ปีขึ้นมาแล้ว ก็จะถึง ๙๐ ปีนี่มีน้อยคนในปัจจุบันนี้ ก็หาว่าตนเองเฒ่าตนเองแก่แล้วไปวัดฟังธรรมจำศีลไม่ได้ หูตาฝ้าฟางเดินไม่ไหว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็เสียเปล่าประโยชน์ในชีวิตของพวกเราที่เกิดขึ้นมา คนชนิดนี้ทำให้ชีวิตของเขาเกิดขึ้นมาแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร เมื่อล่วงลับดับตายไปก็เสียที เกิดมาเปล่าประโยชน์ว่าควรที่จะทำคุณงามความดีให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตนเองก็ไม่ได้ ก็เลยไม่มีที่พึ่งของตน ไปเกิดในภพใหม่ก็คงจะเสียเปล่าประโยชน์ในชีวิต..."
หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
แท้ที่สุดของชีวิต นอกจากได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว ที่สุดของชีวิตอีกอย่างหนึ่งคือ การรู้ธรรม ปฏิบัติธรรม อยู่ในแสงสว่างแห่งธรรม
#โอวาทธรรมคำสอน (หลวงปู่แหวน สุจิณโณ) วัดดอยแม่ปั๋ง ตำบลแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
"..ผู้มีศีลเป็นผู้ปลูกและส่งเสริมความสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ฉะนั้นผู้เห็นคุณค่าของตัวจึงควรเห็นคุณค่าของผู้อื่นว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน ผู้มีศีลสัตย์เมื่อทำลายขันธ์ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ไม่ตกต่ำ เพราะอำนาจศีลธรรมคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ เมื่อจากอัตภาพนี้จะมีสวรรค์เป็นที่ไปโดยไม่ต้องสงสัย ธรรมที่สั่งสอนแล้วควรจดจำให้ดี ปฏิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงสมบัติทุกอย่างในอัตภาพที่จะมาถึงในไม่ช้านี้แน่นอน.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
"..จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิต อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร ตรวจดูจิตว่า มีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิต นั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือ ความคิดปรุงแต่งของจิตว่า คิดอะไรบ้าง มีสาระประโยชน์ไหม คิดแส่หาเรื่อง หาโทษ ขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น พอรู้ผิด-ถูกของตัวบ้างไหม พิจารณาสังขารภายนอกว่า มีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการให้ท่องในใจอยู่เสมอว่า เรามีความแก่-เจ็บ-ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)
"พวกเรามักคิดถึงความสุขในอนาคต ว่าเราทำนั่นทำนี่ ต่อไปเราจะมีความสุข เราจะไปนั่นไปนี่ แล้วเราจะมีความสุข ทำไมไม่หัดหาความสุขในปัจจุบัน โดยดูไปที่ใจเราเอง อยู่กับตนเอง อยู่กับลมหายใจ ทำกายให้นิ่ง ทำใจให้นิ่ง จะพบความสุขในตัวเอง"
พระอาจารย์ญาณธัมโม
“วิสัยโลกจะต้องมีรัก แต่ให้มีสติควบคุมใจ มิให้ความรักมีอำนาจเหนือสติ”
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ”
|