"วาสนาบารมี มันต้องค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ ด้วยการปฎิบัติภาวนา เมื่อวาสนามาก ทำอะไรก็ดีไปหมด
ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดหรอก เราต้องรู้จักฝึกตนไปทางที่ดี"
โอวาทธรรม #หลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกพลาราม จ.สกลนคร
เมตตาพรหมวิหารทาน อภัยทานคือทานอันสูงสุด ” กลับเนื้อกลับตัวนะ หลังจากนี้ก็ตั้งใจทำมาหากินสุจริตนะชีวิตจะได้สบาย จะได้ไม่ตกอยู่ในความลำบากผลของกรรมมันเร็ว มันจะทำให้ชีวิตเราวนเวียนอยู่กับความทุกข์ แล้วนี่เป็นของสงฆ์ ของสงฆ์มันมีโทษมาก ถ้าไม่กลับตัวก็จะวนเวียนเข้าออกคุกอยู่แบบนี้ละกลับตัวกลับใจใหม่นะ “
หลวงพ่อขวัญชัย ธมฺมวโร วัดนามะตูม พนัสนิคม ชลบุรี
ถ้าใจเราหนักแน่...หินมันเบา ถ้าใจเราเบา...สำลีมันก็หนัก
พระราชภาวนาวัชรมุนี (#หลวงพ่อเอนก ยสทินฺโน) วัดป่าไทรงาม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
"... พระสูตรที่หลวงพ่อชา ท่านชอบ มากที่สุดตอนหนึ่ง คือ ตอนพระยมกะ ตอบคำถามของพระสารีบุตรว่า..!!
... พระสารีบุตร: “ถ้ามีใครถามว่า พระอรหันต์ตายแล้วไปไหน? ท่านจะ ตอบเขาว่าอย่างไร?”
... พระยมกะ: “ข้าพเจ้าจะตอบว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดขึ้นแล้วดับไป ...”
"... ในสมัยก่อนเมื่อหลวงพ่อชาอ้างคำนี้ ท่านจะหัวเราะเบาๆ ด้วยความพอใจทุกครั้ง ..."
ที่มา :: หนังสืออุปลมณี ---------------------------------- #พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบจ.อุบลราชธานี (พ.ศ.๒๔๖๑-๒๕๓๕)
"..คนมีปัญญา เขาไม่อวดความรู้ของตน แต่เมื่อถึงการใช้งาน ก็เอาออกมาใช้ได้ทันที มีแต่คนโง่เขลาเท่านั้น ที่อวดเขี้ยวอวดงาของตน.."
โอวาทธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร
#เราทุกคนมีบาปกันทั้งนั้น #ไม่มากก็น้อย #จงสะดุ้งหวาดกลัวต่อบาป #ต่อกรรม #ต่อเวร และระมัดระวัง ไม่ให้บาปเกิดขึ้นในใจ เช่น ระวังไม่ให้เกิดความโลภ ยินดีเท่าที่มีอยู่ เท่าที่หาได้ … ไม่ผูกโกรธ เพราะความโกรธ เป็นไฟเผาจิตใจ ให้ร้อนทั้งวันและคืน ให้อโหสิกรรมเสีย ยกโทษ โทษก็จะหมดไป เพราะว่าไม่ถือมั่น ในความโกรธ ความพยาบาท
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
"#สติปัฏฐาน เป็นความรู้อนันตนัยหาประมาณ มิได้ ไม่เหมือนความรู้ชนิดอื่น สนฺทิฎฺฐิโก เห็นด้วยเฉพาะนักปฏิบัติ ปจฺจตฺตํ รู้เฉพาะในดวงจิต รู้ธรรมลึกลับ สุขุมคัมภีรภาพ
กุศลธรรมทั้งปวง ตั้งอยู่ในศีลแล้ว... ไม่มีการเสื่อม กุศลธรรมทั้งหลาย มีสมาธิ เป็นหัวหน้า สติ เป็นลักษณะเลือกเฟ้นธรรมทั้งหลาย ศรัทธา หยั่งลงสู่ไตรลักษณ์แล้ว ไม่มีเสื่อม ปัญญา พิจารณาตามไตรลักษณ์ ตัดกระแสของกิเลสอาสวะทั้งหลาย ให้สิ้น ไปได้
จิต บริสุทธิ์ด้วยศีล ด้วยสมาธิความเป็นหนึ่ง มีปัญญา เกิดขึ้นพร้อม ต่อนั้น... จะเกิดมโนภาพ จิต จะมีอำนาจใช้พลิกแพลงไปต่างๆ เกิดความฉลาดรอบรู้อริยธรรม คำว่ามโนภาพ จิต มีฤทธิ์
ต่อนั้น...ค้นคว้าธรรมะมีหลักฐาน แต่เดินมรรคให้ถูก ปัญญาเห็นชอบ เป็นต้นนั้น...เห็นร่างกาย แปรปรวนไปต่างๆ ไม่ยึดมั่นถือมั่น ในกิเลสทั้งหลาย... เพราะผ่านความเบื่อหน่ายมาแล้ว
ขึ้นวิปัสสนา อัพยากฤตรวมดีแล้ว ถึงวิโมกข์วิมุตติ ความหลุดพ้นกิเลส จิต เสวยสุขเรื่อยๆไป จนกว่าเข้า...นิพพาน." __________________ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
.
#วิธีรักษาศีลห้าอย่างง่าย ๆ
บางคนอาจจะรู้สึกยาก โดยเฉพาะในเรื่องศีล ๕ ไม่ค่อยมีความมั่นใจนัก แต่เรื่องนี้หลวงพ่อแนะนำวิธีรักษาศีลไว้ว่า...
หลวงพ่อ : ถ้าไม่มั่นใจว่าจะรักษาได้เต็มวัน ให้ตั้งใจรักษาสักวันละ ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง หรือ ๓ ชั่วโมงก็ได้ เอาเป็นเวลาใดเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ไม่ใช่สมาทานแล้วก็หลับนะ ขอยืนยีนว่าเวลาหลับไม่ผิดศีล...นี่ไม่ได้นะ ให้ตั้งเวลาไว้เฉพาะในเวลาวันหนึ่งนะกี่ชั่วโมง แล้วเอาเท่าไรก็ตามชอบใจว่า ในช่วงเวลานี้เราจะไม่ยอมละเมิดศีล ๕ เด็ดขาด
ถ้าทำได้อย่างนี้อย่างช้าจริงๆ ไม่เกิน ๑ ปี จิตจะทรงตัวรักษาศีล ๕ เป็นสมุจเฉท คือหมายความว่าแน่นอนนะ
หลวงพ่อพระราชะรหมยาน วัดท่าซุง
จากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม" ฉบับพิเศษ เล่ม ๕
“ ต้นไม้สูง ลมยิ่งแรง แรงปะทะยิ่งเยอะ ทำอะไรให้ใช้สติปัญญา แก้ไขในปัญหาที่เข้ามา เมื่อมีสติปัญญา จะแก้ไขปัญหานั้นๆ ผ่านได้เอง ”
#โอวาทธรรมหลวงปู่ศิลา_สิริจันโท
ความวิตกกังวล สมัยนั้นมีพระองค์หนึ่งเกิดความไม่สบายเรื่อง วัตถุมงคลของหลวงปู่ กลัวว่าเวลารอดใต้ราวผ้าที่มีผ้าถุงตากอยู่จะทำให้ของเสื่อม จึงมากราบเรียนถามหลวงปู่ พระ : หลวงพ่อครับผมเกิดเผลอเดินรอดใต้ราวผ้าที่มีผ้าถุงตากอยู่ในทราบว่าของ ของหลวงพ่อจะเสื่อมไหมครับ หลวงปู่ : ท่านเกิดมาจากไหน ถ้ารอดราวผ้ารอดผ้าถุงแล้วเสื่อมท่านไม่เสื่อมมาตั้งแต่เกิดแล้วเหรอ ส่วนพระที่เสกใช้ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ไม่มีเสื่อมแต่ที่เสื่อมคือใจท่าน เพราะกลัวว่าของมันจะเสื่อม
#หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ
อย่าตั้งความปรารถนาให้ต้องเป็นทุกข์
“อย่าตั้งความปรารถนาต้องการในสิ่งใด สิ่งหนึ่ง ให้ต้องเป็นทุกข์ดิ้นรนแสวงหาเลย จะได้ก็ให้ได้เองดีกว่า นั้นหมายความว่า ไม่ต้องตั้งความปรารถนาต้องการ แต่จง ทำเหตุที่ควรแก่ผล แล้วจะได้รับผลนั้นเอง เป็นการได้รับที่ไม่ต้องทุกข์ไม่ต้องร้อน เพราะใจไม่ต้องดิ้นรน ใจรู้มั่นอยู่แล้วว่า ได้ทำเหตุเช่นนั้นแล้วต้องได้รับผลควรแก่เหตุ เช่นนั้นแน่ การได้มาด้วยการกระทำเหตุ อันควรเช่นนี้ ไม่เรียกว่าเป็นการโลภ หรือการปรารถนามิชอบ” ... พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
|