แต่ก่อนครูบาอาจารย์ไม่สบาย ท่านไม่ห่วงไม่สนใจ สนใจแต่ภาวนา อย่างดีก็มีแค่ยาปวดหาย อะไรที่แสลงบางทีท่านยิ่งไม่สนใจ เพราะฝึกความอดทน ยาอย่างดีก็มีแค่ยาปวดหาย.. ให้จิตอยู่กับกาย พุทโธอยู่กับใจ ขันติความอดทน วิริยะความเพียร อย่าคลุกคลีกับหมู่คณะมันเป็นสัญญา ภาวนาถ้าจิตสบาย 3 เดือนมันบ่โดน บึดเดียว (ภาวนาถ้าจิตสบาย 3 เดือนมันไม่นาน แป๊บเดียว) ❖ #หลวงพ่อสมศรี อตฺตสิริ ท่านให้โอวาทพระในช่วงเข้าพรรษา
วัดป่าเวฬุวนาราม ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
เรามีอำนาจ ทำ "กรรม"มาก แต่เวลาทําไปแล้ว "กรรม" มีอำนาจเหนือกว่าเรา
#โอวาทธรรมคำสอน พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี
"ไม่มีวิหาร พระก็พออยู่ได้ ไม่มีพระพุทธรูป วาดเอาก็ได้ ไม่มียา พระก็พอจะอดทนเอาได้ ไม่มีจีวร ก็ใส่ขาดๆ เอาก็ได้ แต่ไม่มีพระธรรม นี้อยู่ไม่ได้เลยนะโยม"
พระอาจารย์ญาณธัมโม
"กรรมใหม่สำหรับทำ กรรมเก่าสำหรับรู้ อย่ามัวรอกรรมเก่า ที่เราทำอะไรมันไม่ได้แล้ว แต่จงหาความรู้จากกรรมเก่านั้น เพื่อเอามาปรับปรุง การทำกรรมปัจจุบัน จะได้พัฒนาตัวเราให้สามารถ ทำกรรมอย่างเลิศประเสริฐได้ในอนาคต"
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
"..อย่าพากันไว้ใจในชีวิตของตน.." "..ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ไม่แน่นอน วันนี้เรามีชีวิตอยู่ อาศัยอยู่ วันหลังมาชีวิตจะเป็นจั๋งใด๋ ดีหรือไม่ ชีวิตของเรานั้นวันหลังจะเป็นอย่างไรในพรรษานี้ พวกเราทั้งหลายเชื่อหรือ ชีวิตเราจะตลอดพรรษา เพราะความตายเป็นของไม่มีกาลเวลา จิตมันจะตายเวลาไหนก็ไม่รู้ เพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยง สุดแท้แต่มันจะเป็นไปเมื่อเรามีชีวิตอยู่ อย่าพากันประมาท จงพากันรีบบำเพ็ญความดี ให้เกิดให้มีขึ้นในดวงจิตความคิดของเรา.."
โอวาทธรรมคำสอน หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) จ.บึงกาฬ
ถ้าเราไม่ได้นึกไว้ก่อนว่าเราจะทำอะไร ทำไปโดยไม่มีเหตุผลแล้วก็ทำไปแล้ว ไม่รู้ตัวว่าทำดีหรือทำชั่วอย่างนี้ เขาเรียกว่า คนบ้าไม่ใช่คนดี ถ้ากล่าวในด้านของบุญกุศลและอกุศล เขากล่าวได้ว่าเป็นคนที่มีใจน้อมไปในด้านของอกุศล เมื่ิอใจน้อมไปในด้านของอกุศล บุคคลผู้นั้นเมื่อมีชีวิตอยู่ ก็มีความวุ่นวายหาความสุขมิได้ เมื่อตายไปแล้วก็มีแต่ความทุกข์.
จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง ๔๓ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย
#ให้โอกาสตัวเราเอง
ก็อยากจะฝากพวกเราทุกคนว่า เราเป็นผู้โชคดี เรามีโอกาส “ให้โอกาสตัวเราเอง” ไม่มีใครให้โอกาสตัวเราได้ นอกจากตัวเราเองเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ให้โอกาสตัวเราเอง ที่จะไปรักษาศีล ให้ทาน เจริญภาวนา สวดมนต์ นั่งกรรมฐาน เราต้องเปิดโอกาสให้ตัวเราเองทำในสิ่งนี้ วันละเล็กวันละน้อย ก็ค่อย ๆ สะสมไปเรื่อย ๆ ถ้าเราหมั่นสร้างกุศลผลบุญไม่ขาดแล้ว ใจเรานั่นแหละ..จะเป็นผู้มีความสุข ใจเรานั่นแหละ..จะเป็นผู้ที่ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ “เพราะเรามีธรรมะอยู่ในหัวใจ” ค ว า ม ดี นั้ น ย่ อ ม ส่ ง ผ ล
ใ ห้ ค น เ ร า นั้ น ไ ด้ ดี ถ้ า ค น ดี “ ท้ อ ที่ จ ะ ท ำ ดี ”
แ ล้ ว ใ น โ ล ก นี้ . . .
จ ะ ห า ค น ดี ไ ด้ ที่ ไ ห น กั น
เจ้าคุณหลวงปู่ทองดี อนีโฆ วัดใหม่ปลายห้วย จ.พิจิตร ตอนหนึ่งจากธรรมะออนไลน์บ้านปันสุข ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๓
สิ่งที่เรารับผลในปัจจุบันนี้ ก็คือสิ่งที่เราทำมาในอดีต แต่ทันทีที่เราทำอะไรลงไปในวินาทีนี้ วินาทีหน้าตรงนี้ก็จะเป็นอดีตไปแล้ว
ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำความดี ในทาน ในศีล ในภาวนา อย่างสม่ำเสมอตอนนี้ เมื่อเวลาล่วงไปเป็นเดือนเป็นปี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นอดีต ถ้าหากว่าท่านทำอย่างสม่ำเสมอและพอเพียง เมื่อถึงเวลา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ย่อมส่งผลให้กับท่านเอง ถ้าทำเอาไว้มากและสม่ำเสมอ กำลังบุญก็อาจจะส่งผลให้ทันตาในชาตินี้ ถ้าหากว่าชาตินี้ไม่ทัน อย่างน้อยชาติต่อ ๆ ไปเราก็ได้รับอย่างแน่นอน
ในเรื่องของความดี ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าส่งผลในด้านดีให้กับเราเสมอ
เรื่องของทานนั้น ไม่ว่าเกิดชาติไหนก็ตาม เราก็จะสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค
ในเรื่องของศีลนั้น เราก็จะเป็นผู้มีรูปสวย มีจิตใจดีงาม มีแต่คนรักใคร่
ในเรื่องของปัญญานั้น จะช่วยให้เรามีปัญญามาก มีเรื่องทางโลกขึ้นมา เราก็แก้ไขให้ลุล่วงไปได้โดยง่าย ถ้าหากว่าจะพิจารณาธรรมก็จะเห็นแจ้งและถ่องแท้ สามารถที่จะเข้าถึงข้อธรรมนั้น ๆ ได้อย่างที่ตนเองต้องการ
ดังนั้น..ในเรื่องของการทำความดี ก็มีอยู่เพียงอย่างเดียวว่าอย่า "ติดดี" ก็คืออย่าไปคิดว่าเราดีกว่าคนอื่น เราเสมอคนอื่น หรือเราด้อยกว่าคนอื่น เนื่องเพราะว่าถ้าทำดีแล้วยังติดดีอยู่ โอกาสที่จะหลุดพ้นก็ยาก หากแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำดีไปเรื่อย ๆ ถ้าหากว่าความดีเต็มอยู่ในใจเมื่อไร ก็ย่อมจะไหลล้นท่วมท้น พาเราหลุดพ้นจากห้วงวัฏสงสารนี้ไปได้เอง .................................... พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
"จิตของท่านผู้บริสุทธิ์แล้วท่านไม่ได้ห่วงใย ไม่มีอดีตอนาคต ปัจจุบันก็จ้าอยู่แล้ว จะไปหาอดีตอนาคตที่ไหน มันเป็นสมมุติทั้งนั้นอดีตก็ดีอนาคตก็ดี ปัจจุบันนี้ก็เป็นสมมุติอีกอันหนึ่ง จ้าขึ้นมานี้แล้วเลยอดีตอนาคตปัจจุบัน เป็นวิมุตติหลุดพ้น นี่ละให้ท่านทั้งหลายตั้งจิตตั้งใจประพฤติปฏิบัติ มรรคผลนิพพานอยู่กับหัวใจของท่านทั้งหลายเอง เวลานี้จิตนี้กำลังเรียกร้องหา ความช่วยเหลือจากเจ้าของ เพราะกิเลสตัณหามันพัวพัน มันบีบบี้สีไฟหัวใจนักปฏิบัติเรา จนจะตายแล้วไม่รู้ตัว . จิตนั้นเรียกร้องหาความช่วยเหลือ ด้วยความพากเพียร เอ้า ตั้งลงไปสติ ความพากเพียรหนุนลงไป อย่าไปยุ่งกับสิ่งภายนอก โลกนี้เคยยุ่งกันมาแล้วไม่เห็นใคร ได้ความวิเศษวิโสอะไรมาอวดกัน ว่าคนนี้ยุ่งกับนั้นคนนั้นยุ่งกับนี้ ยุ่งไปทั่วโลก ใครจะเอาความสุขเบอร์หนึ่ง ขึ้นมาอวดกันไม่มี ในสามแดนโลกธาตุไม่มี ไม่เหมือนผู้เสาะแสวงหาธรรม พระพุทธเจ้าของเราเสาะแสวงหาธรรม ทรงบำเพ็ญอยู่ ๖ ปี สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า จ้าขึ้นมา นี่ผู้อวดความสุขให้โลก ยกความสุขประกาศโลกให้เห็นทั่วถึงกัน จากนั้นก็พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านถึงขั้นนี้แล้วประกาศขึ้นมา . นี่การหาความสุขข้าได้เจออย่างนี้แล้ว พวกที่หาความสุขด้วยกิเลส พาไปนั้นมีแต่จมทั้งนั้นๆ ผู้หาความสุขโดยความเป็นธรรมจ้าขึ้นมาได้ แล้วมีสิ้นสุดยุติ เรื่องทุกข์ไม่ตามไปอีกได้เลย หมด กิเลสนั่นตัวสร้างทุกข์ กิเลสขาดไปแล้วทุกข์ไม่มีในหัวใจท่าน จงพากันตั้งอกตั้งใจ" . คัดมาจากพระธรรมเทศนาเรื่อง วันเกิดวันตาย บ่ายวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด ท่านพระอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
#ธรรมมะทั้งหมดนี้ #ท่านต้องการให้ปล่อยวาง
ปล่อยวางจะเกิดขึ้นมานั้นต้องรู้ความเป็นจริง ถึงจะปล่อยวางได้ ถ้าความรู้ไม่เกิด ก็ต้องมีการอดทน มีการพยายาม มีการปฏิบัติธรรมอยู่ มันต้องใช้ทุนอยู่เสมอทีเดียว เรียกว่า #ต้องปฏิบัติธรรม
...แต่เมื่อมันรู้เห็นหมดแล้ว #ธรรมะก็ไม่ได้แบกเอาไปด้วย อย่างเลื่อยคันนี้ เขาจะเอาไปตัดไม้ เมื่อเขาตัดไม้หมดแล้ว อะไรก็หมดแล้ว เลื่อยก็เอาวางไว้เลย ไม่ต้องไปใช้อีก เลื่อยคือธรรมะ ธรรมะต้องเอาไปปฏิบัติเพื่อให้บรรลุมรรคผล ถ้าหากว่ามันเสร็จแล้วธรรมะที่อยู่ก็วางไว้ เหมือนเลื่อยที่เขาตัดไม้ ท่อนนี้ก็ตัด ท่อนนี้ก็ตัด ตัดเสร็จแล้วก็วางไว้ที่นี่ อย่างนั้นเลื่อยก็ต้องเป็นเลื่อย ไม้ก็ต้องเป็นไม้ นี่เรียกว่า ถึงหยุดแล้ว ถึงจุดของมันที่สําคัญแล้ว สิ้นการตัดไม้ ไม่ต้องตัดไม้ ตัดพอแล้ว เอาเลื่อยวางไว้
...#การประพฤติปฏิบัติต้องอาศัยธรรมะ ถ้าหากว่าพอแล้ว ไม่ต้องเพิ่มมัน ไม่ต้องถอนมัน ไม่ต้องทําอะไร ปล่อยวางอยู่อย่างนั้น เป็นไปตามธรรมชาติอันนั้น ถ้าไปยึดมั่นหมายมั่น สงสัยอันนี้เป็นอย่างนั้น มันอยู่ไกลเหลือเกิน อยู่ไกลมากทีเดียว ยังเป็นเด็กๆ อยู่ ยังเป็นเด็กอมมืออยู่นั่นแหละ ทําอะไรไม่ถูกอยู่นั่น ไม่เอาแล้วอย่างนั้น มันเป็นทุกข์ ต้องดู ต้องดูออกจากจิตใจของเรา ดูมัน ปล่อยมัน ดูว่าอะไรมันเกิดขึ้น ก็รู้ว่าอันนี้ไม่แน่ อันนี้เกิดไม่จริง อันนี้มันปลอม ความจริงมันก็อยู่อย่างนั้น ที่เราอยากให้อันนั้นเป็นอันนี้ อันนี้เป็นอันนั้น นั่นไม่ใช่ทาง มันเป็นอยู่อย่างนั้น ก็วางมันเสีย
...ความสงบเกิดขึ้นได้ เราข้ามไปข้ามมา มันไม่รู้เรื่อง ก็เป็นทุกข์ตลอดเวลา หายสงสัยเสีย อย่าไปสงสัยมัน เลิกมันเถอะ อย่าไปเป็นทุกข์หลาย พอแล้ว #ปล่อยวางมันเสีย
โอวาทธรรม #พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
#จิตกับวิญญาณ.........
วิญญาณอันหนึ่งเป็นวิญญาณในเบญจขันธ์ หมายถึง วิญญาณที่รู้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เช่น ตาเห็นรูป เกิดความรู้สึกขึ้น เรียกว่า จักขุวิญญาณ
วิญญาณอีกอันหนึ่ง เป็นปฐมจิต ปฐมวิญญาณ หรือ มโนธาตุ มโนธาตุนี่เป็นธาตุรู้อยู่เฉยๆ แต่เมื่อมันออกมารับอารมณ์ เกิดอาการขึ้นมาคือ ความคิดอ่าน ความคิดอ่านท่านเรียกว่า “จิต”
จิตแท้ จิตดั้งเดิม คือ มโนธาตุหรือปฐมวิญญาณซึ่งเป็นธาตุรู้คือรู้อยู่เฉยๆ ไม่มีอาการ แต่เมื่อมาอาศัยเครื่องมือคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ มันก็ออกมาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แต่ถ้าไม่มีอวัยวะ มันก็ได้แต่รู้อยู่เฉยๆ
อันนั้นคือตัวปฏิสนธิวิญญาณ หรือปฐมวิญญาณ วิญญาณตัวที่รู้จักไปผุดไปเกิด
มโนธาตุ ปฐมจิต ปฐมวิญญาณ ถ้าไม่มีอวัยวะก็ออกมารับรู้อารมณ์ภายนอกไม่ได้ เมื่อมีตา มาเห็นทางตา รู้ทางตา ก็เรียกว่า จักขุวิญญาณ แต่ถ้าร่างกายนี่แตกดับลงไป ยังเหลือแต่จิตวิญญาณอันเดียว มันก็ได้แต่รู้อยู่เฉยๆ แต่บางทีมันอาจจะรู้เห็นอะไรได้ แต่มันคิดมันพูดไม่เป็น
เหตุปัจจัยปรุงแต่ง เกิดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ แต่ถ้าไม่มีอะไรปรุงแต่ง มันก็อยู่เฉยๆ ของมัน แต่ถ้าความนิ่งเฉยของมันไปสู่จุดที่ไม่มีร่างกายตัวตน มันก็ได้แต่เฉยลูกเดียว
ถ้าหากมันออกมาสัมพันธ์กับอวัยวะทั้งหลายแล้ว มันก็มีแต่เฉยอยู่ อันนั้นแสดงว่าอารมณ์หรือสิ่งมากระทบมันไม่สามารถจะปรุงแต่งมันได้ มันก็เป็นอิสระแก่ตัวเอง แต่ส่วนใหญ่นักปราชญ์ ท่านเรียกว่า สิ่งที่เป็นอิสระก็ดี สิ่งที่ปรุงแต่งก็ดี ท่านก็เรียกว่า "จิต" ทั้งนั้น ถ้าไปแยกแยะอย่างที่หลวงพ่อพูดจะสับสน ท่านก็เรียกแต่จิตๆๆ ดวงเดียว
อาการก่อ อาการสั่งสม อันนั้นเป็นเรื่องของจิต แต่จิตจะก่อจะสั่งสมได้ต้องอาศัยเครื่องมือคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ในเมื่อร่างกายนี้แตกดับไป ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ไม่มี มันก็หยุดก่อ สั่งสม เพราะมันไม่มีเครื่องมือทำงาน แต่ถ้าเป็นจิตที่หลุดพ้นแล้ว วิญญาณที่หลุดพ้นแล้ว ถึงแม้กายจะยังมีอยู่ ความคิดปรุงแต่งก็มีอยู่ธรรมดา แต่ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถจะทำให้จิตดวงนี้มีอาการเปลี่ยนแปลงได้
คือมันทรงอยู่ในความเป็นปกติไม่หวั่นไหวต่ออาการใดๆ มันรับรู้ แต่สิ่งรู้ไม่สามารถจะปรุงแต่งให้เกิดความยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจได้ อะไรๆ ก็มีแต่เฉยๆๆ ลูกเดียว แต่ไม่ใช่เฉยอย่างไม่เอาไหน รู้สึกเฉยๆ แต่ว่าทำไม่หยุดนั่นแหละมันมีลักษณะอย่างนั้น
โอวาทธรรม #หลวงพ่อพุธ_ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จะ.นครราชสีมา
#ที่มาจาก หนังสือฐานิยปูชา ๒๕๖๐ หน้า ๔๗-๔๘
#การทำบุญ_ไม่จำเป็นต้องมีเงินทองข้าวของตั้งแสนตั้งล้านมาทำ
เราทำด้วยน้ำใจ เรามีมากน้อยทำตามกำลังศรัทธาความสามารถของเรา เช่น ให้ทาน เรามีอะไรเราก็ทาน น้ำใจเป็นสำคัญมาก วัตถุเป็นเครื่องประกอบ
ถ้าวัตถุของเราไม่ดีไม่เยี่ยมสมใจที่อยากมี เอ๊า เรามีอะไรก็ทานอันนั้น ด้วยน้ำใจที่รักบุญรักทาน ก็ได้บุญมากเช่นเดียวกัน ข้อสำคัญอยู่ที่น้ำใจ เอ้า วัตถุดีด้วย น้ำใจดีด้วย ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกแหละ
ภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ อย่าละอย่าวาง อยู่ที่ไหนก็นึกพุทโธ ถึงองค์ศาสดาได้ ผลที่ปรากฏขึ้นมาก็คือความรู้ได้แก่ใจของเรานี้เด่นดวง.
โอวาทธรรม #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
"ความทุกข์ ในโลกนี้ มันเป็นอนัตตา มันทุกข์ นิดเดียว เดี๋ยวมันก็สุขแล้ว จะสุขจะทุกข์ มันอยู่ที่ใจ ขอให้ใจเราเป็นสุขก็พอ "
หลวงพ่อหนุน สุวิชโย
#เรื่องโซ่ตรวนที่ผูกมัดหัวใจสัตวโลกให้ติดในวัฏฏะ
พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้วถูกต้องหมดทุกอย่าง พระองค์ตรัสว่า #โซ่ตรวนใดๆ_ก็ไม่สามารถรึงรัด #มัดผูกจิตใจเราได้ยิ่งกว่า_บ่วงคือ #บุตร #ภรรยา, สามี #ทรัพย์สมบัติ
โซ่อันนี้แก้ได้ยาก ถอดถอนได้ยาก มันชักนำพาเราให้จมอยู่ และกองอยู่ใต้ทะเล คือ กิเลสและตัณหา จนจะหาทางออกไม่ได้ พระองค์จึงตรัสว่า เราเป็นเหยื่อของโลก ถูกกระแสโลกพัดผันไปต่างๆ นานา ในที่สุดก็ไม่ได้อะไรในทางที่ดี แต่มันกลับได้อะไรในทางที่ชั่วเสียหาย
นี่ พวกเราชำนาญแต่ตำราทางโลก แต่ตำราทางธรรมมันไม่ชำนาญ ใจมันไม่ยอมกระทำ ใจมันขี้เกียจ ใจมันดื้อด้าน ใจมันไม่อยากทำ อยากคุย อยากสนุก อยากร่าเริง เข้าวัดวายังเอาวิทยุมาเปิดสนุกสนานเฮฮาอยู่ตลอดเวลา ระวัง ระวังหน่อย ฮิ
เราเข้ามาเพื่อจะปลดเปลื้องสิ่งที่ร่าเริง สิ่งที่เพลิดเพลินของใจของเรา ไม่ให้สิ่งใดเข้ามาเกาะมากวน ต้องขจัดไปทุกเวลา ว่าอย่างนั้นเถอะ นี่ความรู้เช่นนี้ต้องกำจัดให้หมด จนให้ใจนั้นไม่มีอันใด นั่น! จึงเรียกว่าพระ ก็เป็นพระแท้ โยม ก็เป็นโยมแท้
เพราะฉะนั้นการทำใจ เมื่อมีความจริงที่ใด จะโง่เซ่อขนาดไหน ขอให้ใจจริงๆ สู้จริงๆ แล้วนั่งให้จริง ยืน เดิน นั่ง นอน ๔ อิริยาบถนี่ ทำได้อยู่ตลอดเวลา ต้องสำเร็จ บุคคลผู้นั้นหนีไม่พ้น แต่ใครจะไปรู้เรื่องของบุคคลนั้นๆ ว่าสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ มันอยู่ที่หัวใจของเขาเอง เมื่อเราพยายามมากเข้าๆ พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า
“ ภาวิตา พะหุลีกะตา "
เพียรมากๆ ทำมากๆ ทำบ่อยๆ วันนี้ วันพระ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีชวด ทำอยู่อย่างนั้น ก็เป็นไปเพื่อความดับสนิท เป็นไปเพื่อความรู้แจ้ง นี่ก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีอย่างอื่นแล้ว ถ้าลงว่าทำอย่างนั้นจนสุดความสามารถวันนี้ วันพระ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีชวด แล้วไม่สำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าจะยังไง.
โอวาทธรรม #หลวงปู่เจี๊ยะ_จุนโท
#จากหนังสือ ประวัติพระครูสุทธิธรรมรังษี (พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง)
|