"เวลาจะเป็นจะตายจริงๆ บุญนั้นละเป็นที่เกาะของเรา
นอกจากบุญไม่มี บาปมันก็เอาลงนรก บุญพาไปทางดิบทางดี"
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เราอาจจะทบทวนถึงโทษ ทุกข์ ปัญหาชีวิต ที่เกิดขึ้น และเคยเกิดขึ้นในอดีต เพราะกิเลส ที่เราควบคุมไม่ได้ หรือไม่รู้เท่าทัน แต่เมื่อเราระลึกถึงสิ่งที่เราภาคภูมิใจที่สุด ในชีวิต เห็นเหตุปัจจัยสําคัญคือคุณธรรม อยู่ในใจ โอ้โห ... วันนั้นเราก็ทําด้วยความ เมตตาจริงๆ ทําด้วยความเสียสละจริงๆ โอ้ … วันนั้นเราก็อดทนมากนะ
เมื่อเราเห็นว่าทุกข์ในชีวิตที่ผ่านมา เกิดเพราะกิเลส สุข ... สุขแบบที่มีคุณภาพ สุขที่ไม่มีโทษตามมา เกิดจากคุณธรรม ทําให้เรามีความเชื่อมั่นว่า การฝึกจิตเพื่อให้ กิเลสลดน้อยลง หรือกิเลสหาย การฝึก ให้ปลูกฝังคุณธรรม และพัฒนาคุณธรรม ที่มีแล้วให้เจริญงอกงาม เป็นงานสําคัญ เป็นงานจําเป็นในชีวิต ไม่ทําไม่ได้ ...
พระอาจารย์ชยสาโร นำสมาธิภาวนา ในวาระปฏิบัติธรรมบ้านบุญ วันอาทิตย์วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ณ บ้านบุญ ปากช่อง นครราชสีมา
...#วิธีสิ้นทุกข์ทําอย่างไร เราก็มีการให้ทานเป็นปกติ ถ้าอารมณ์เราพร้อมเพรียงในทานชื่อว่า เป็นการตัดโลภะ ความโลภ เรามีเมตตาเป็นปกติ อารมณ์เมตตาที่เราทรงอยู่ศีลมันก็ไม่ขาด เมตตาเป็นตัวทำลายโทสะ เราก็มาพิจารณาหาความจริงว่า
...ชาติปิ ทุกขา #ความเกิดเป็นทุกข์ เอาเถิดอยากจะทุกข์อย่างไรช่างมัน ใจเราก็วางเฉยไว้
...ชราปิ ทุกขา #ความแก่เป็นทุกข์ อาการงกๆ เงิ่นๆ ร่างกายไม่แข็งแรง ไม่กระปรี้กระเปร่า มีความปรารถนาไม่สมหวังทำเองก็ไม่ได้ เราก็เลยมีทุกข์ถือว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาของคนแก่ เราเกิดมาเพื่อแก่
...มรณัมปิ ทุกขัง #ความตายเป็นทุกข์ คือเรื่องของชาวบ้านธรรมดา แต่เราไม่ยอมทุกข์ ถือว่าเป็นกฎธรรมดา ตายเสียได้มันก็ดี เพราะจะได้หมดเรื่องยุ่ง เพราะเราเห็นว่าขันธ์ ๕ เป็นโทษเป็นทุกข์สําหรับเรา เราก็เลยคิดต่อไปว่าขึ้นชื่อว่าขันธ์ ๕ การเกิดมามีร่างกายขันธ์ ๕ แบบนี้จะไม่มีสําหรับเราอีก เราจะไม่โง่ยอมรับนับถือให้มีร่างกายต่อไป อารมณ์ใจของเราอย่างนี้เป็นปกติ เราก็จะหมดความทุกข์ มันก็จะค่อยคลายไปเอง
...นี่เป็นบทที่บรรดาท่านพุทธบริษัทควรจะคิดไว้เป็นปกติ เพื่อความเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน #นี่เป็นวิปัสสนาญาณตัวสุดท้าย
พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)
"..อย่าปล่อยให้ตัวมานะ เข้าไปยื้อแย่งครอบครองศีลธรรมภายในใจได้ จะกลายเป็นผู้มีเขี้ยวมีเขาแฝงขึ้นมาในศีลธรรมอันเป็นธรรมชาติเยือกเย็นมาดั้งเดิม การฝึกหัดทรมานตนให้เป็นเหมือนผ้าเช็ดเท้าจนเคยชิน โดยไม่ยอมให้ตัวทิฏฐิมานะโผล่ขึ้นมา ว่าตัวมีราคาค่างวดนี้ เป็นทางก้าวหน้าของธรรมภายในใจโดยสม่ำเสมอ จนกลายเป็นใจธรรมชาติ ไม่หวั่นไหวเหมือนแผ่นดิน ใครจะทำอะไร ๆ ก็ไม่สะเทือน จิตที่ปราศจากทิฏฐิมานะทุกประเภทโดยประการทั้งปวงแล้ว ย่อมเป็นจิตที่คงที่ต่อเหตุการณ์ดีชั่วทั้งมวล.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาม พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒)
...#วิธีสิ้นทุกข์ทําอย่างไร เราก็มีการให้ทานเป็นปกติ ถ้าอารมณ์เราพร้อมเพรียงในทานชื่อว่า เป็นการตัดโลภะ ความโลภ เรามีเมตตาเป็นปกติ อารมณ์เมตตาที่เราทรงอยู่ศีลมันก็ไม่ขาด เมตตาเป็นตัวทำลายโทสะ เราก็มาพิจารณาหาความจริงว่า
...ชาติปิ ทุกขา #ความเกิดเป็นทุกข์ เอาเถิดอยากจะทุกข์อย่างไรช่างมัน ใจเราก็วางเฉยไว้
...ชราปิ ทุกขา #ความแก่เป็นทุกข์ อาการงกๆ เงิ่นๆ ร่างกายไม่แข็งแรง ไม่กระปรี้กระเปร่า มีความปรารถนาไม่สมหวังทำเองก็ไม่ได้ เราก็เลยมีทุกข์ถือว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาของคนแก่ เราเกิดมาเพื่อแก่
...มรณัมปิ ทุกขัง #ความตายเป็นทุกข์ คือเรื่องของชาวบ้านธรรมดา แต่เราไม่ยอมทุกข์ ถือว่าเป็นกฎธรรมดา ตายเสียได้มันก็ดี เพราะจะได้หมดเรื่องยุ่ง เพราะเราเห็นว่าขันธ์ ๕ เป็นโทษเป็นทุกข์สําหรับเรา เราก็เลยคิดต่อไปว่าขึ้นชื่อว่าขันธ์ ๕ การเกิดมามีร่างกายขันธ์ ๕ แบบนี้จะไม่มีสําหรับเราอีก เราจะไม่โง่ยอมรับนับถือให้มีร่างกายต่อไป อารมณ์ใจของเราอย่างนี้เป็นปกติ เราก็จะหมดความทุกข์ มันก็จะค่อยคลายไปเอง
...นี่เป็นบทที่บรรดาท่านพุทธบริษัทควรจะคิดไว้เป็นปกติ เพื่อความเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน #นี่เป็นวิปัสสนาญาณตัวสุดท้าย
พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)
“เรื่องใด๋แนวใด๋ ที่เป็นประโยชน์ต่อเขา จั่งค่อยเว่า แนวใด๋ที่เว่าไปแล่ว จะเกิดโทษกับเข่า กะอย่าเว่า ให้เว่าแต่แนวที่เป็นประโยชน์ ให้กำลังใจเขา”
#โอวาทธรรม พระราชวัชรธรรมโสภณ #หลวงปู่ศิลา_สิริจันโท
เรารู้สึกไม่ชอบอะไรซักอย่าง ปัญหาจริงๆอาจไม่ได้อยู่ที่สิ่งนั้น แต่เป็นความรู้สึกไม่ชอบของเราต่างหาก พูดอีกอย่างก็คือ …
สิ่งนั้นไม่ได้สร้างปัญหาหรือ ก่อความทุกข์ให้เรามากเท่ากับ “ความรู้สึกไม่พอใจมัน”
พระไพศาล วิสาโล
ทุกชีวิตมีเวลาจำกัด อย่างมากไม่เกินร้อยปีก็จะต้องละร่างนี้ละโลกนี้ไป อย่าผัดวันประกันพรุ่งที่จะทำความดี เพราะถ้าสายเกินไปเมื่อไร ก็ตนเองนั่นแหละจะต้องได้เสวยผลของการไม่กระทำกรรมดี ไม่มีผู้ใดอื่นจะรับผลของความดีความชั่วที่ตนเองทำไว้ เจ้าตัวเองเท่านั้น จักเป็นผู้รับผลของความดีความชั่วที่ตนทำ
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
"เมื่อจิตก้าวเข้าถึง ขั้นว่าง... ย่อมรู้ชัดว่า ความกลัวเกิดขึ้น จากสังขาร ผู้ปรุงเป็นสัตว์ เป็นเสือ เป็นเปรต เป็นผีต่างๆ ขึ้นหลอกหลอนตนให้กลัว...แล้วก็เชื่อสังขารจอมหลอกหลอน จนหาที่ปลง ที่วางไม่ได้
จิต ที่ว่าง...ย่อม ไม่กลัวเพราะรู้สาเหตุ และรากฐานที่ทำให้เกิดความกลัวประจักษ์แล้ว ได้แก่ สังขารความคิดปรุง ซึ่งเกิด และดับ อยู่ในใจโดยเฉพาะไม่ถึงกับเป็นมโนภาพ ต่างๆ อันเป็นสิ่งที่น่ากล้า หรือไม่น่ากลัว ขึ้นมาหลอกหลอนตน
คำว่า จิตว่าง... หมายถึง ว่างจากรูปภาพภายนอก ที่เคยปรุงเป็นคู่กับใจ อยู่เสมอ เช่นรัก ชอบ หรือโกรธเคืองให้ผู้ใด ใจย่อมคิดปรุงเรื่อง และภาพของคนน้ั้นอยู่เสมอ เป็นต้น เรียกว่า..ภาพภายนอก
ส่วน จิตว่าง...ทั้่งภายนอก ทั้งภายใน แม้...ตัวจิตเอง ก็ไม่ยึดไม่ถือ ทั้งว่าง... ทั้งปล่อยวาง... โดยประการทั้งปวงนี้ คือ... จิต หมดอุปาทาน ทั้งภายนอก และภายใน ถ้าเป็นพระ หรือใครก็ตามบรรลุถึงธรรมขั้นนี้ ในครั้งพุทธกาลเรียกว่า...บรรลุพระอรหัตตผล
เป็นพระอริยบุคคลขั้นอเสขะ ไม่ต้องศึกษา เพื่อละ...เพื่อถอน...กิเลสใดๆ อีกต่อไป."
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน.
เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว ใจจะสงบ ไม่โศกเศร้า มีความสุข เปรียบเสมือนโอสถทิพย์ เป็นยา วิเศษ อีกทั้งการรักษาโรคอีกวิธี คือ การน้อม ระลึกถึงพระรัตนตรัย เป็นพุทธโอสถ ธรรมโอสถ สังฆโอสถ รักษาโรคได้อย่าง น่าอัศจรรย์การเกิดในครั้งนี้ เป็นการมา ใช้ชาติ ทว่าอย่ามาใช้ชาติเพียงอย่างเดียว ควรฉวยอริยทรัพย์ คือ การให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ให้เป็นทรัพย์ติดตัว ทุกภพ ทุกชาติ ... ... หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
เรื่องดีดี มีเยอะแยะ มันไม่คิดกัน แล้วมาบ่นว่า " ทุกข์ " มัน "โง่" จะตาย
#โอวาทธรรมคำสอน (หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร) วัดถ้ำสหาย (วัดถ้ำสหายจันทร์นิมิต) หมู่ที่ ๓ ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี
#หลวงปู่จันทร์เรียน_คุณวโร #วัดถ้ำสหาย #วัดถ้ำสหายจันทร์นิมิต
... พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงเปรียบบุญไว้ เหมือนกับเราจุดเทียนขึ้นมาเล่มนึง เทียนให้แสงสว่างแก่เราแล้วเราให้คนอื่นเขามาต่อเทียน หรือเราไปต่อเทียนให้คนอื่นเขา ทำให้แสงสว่างของเราลดน้อยลงไปไหม?
.ไม่เลย มีแต่ยิ่งเพิ่มพูนแสงสว่างขึ้นเหมือนกับเราทำบุญ บุญของเราก็คือ แสงสว่างนั้นตอนนี้เราแบ่งบุญ อุทิศบุญให้คนอื่นเหมือนกับเราไปต่อเทียนให้เขา ทำให้บุญเราน้อยลงไปไหม ไม่เลยยิ่งไปเพิ่มพูนบุญมากขึ้นๆ
.นั่นหละเป็นข้อเปรียบเทียบที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบให้ฟัง เพราะฉะนั้นการอุทิศบุญ เราทำบุญ เราได้บุญอยู่แล้ว เราอุทิศบุญกุศลไป เราได้บุญจากการอุทิศบุญอีกด้วย เพราะฉะนั้นบุญยิ่งแบ่งยิ่งได้
เทศนาเรื่อง"การให้โอกาสผู้อื่นเป็นการให้โอกาสตนเองทำความดี"
พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง(วัดจันทราราม) จังหวัดอุทัย
ชีวิตมนุษย์นั้นมีขึ้นมีลง วันนี้สูงส่ง พรุ่งนี้อาจตกต่ำ ไม่มีสิ่งใดแน่นอนหรือยั่งยืนได้เลย
หมั่นทำความดี หรือสร้างบุญกุศลกันไว้ให้มากๆ แม้ยามที่ชีวิตตกต่ำ ก็จะมีบุญกุศลหนุนนำ ช่วยให้พ้นจากความมืดมิดได้ อย่างแน่นอน
"บุคคลที่เป็นคนดีนั้น ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา"
พระราชวัชรธรรมโสภณ ท่านเจ้าคุณหลวงปู่ศิลา สิริจันโท
นั่งริมธาร
นั่งริมธาร ครุ่นวิจาร การเกิดดับ เปลี่ยนปุบปับ สายธาร ทะยานไหล เกิดไอเย็น ฟ่องฟุ้ง จรุงใจ ดับร้อนได้ โดยไม่ต้อง ลองอาบกิน . ส่วนทางหนึ่ง ตะลึงแล แน่ใจนัก ถ้าใครผลัก ตกลง คงแดดิ้น กระทบก้อน หินผา ใต้วาริน แล้วจะสิ้น ชีพไป ในวังวน . มานึกดู เปรียบดั่ง สังสารวัฏฏ์ ดูผาดๆ น่ากระหวัด ในลาภผล ที่ซ่อนอยู่ ในทุกข์ ปลุกใจคน ให้ยอมทน ทุกข์ยาก บากบั่นไป . จนได้เกิด แก่ ตาย ในวัฏฏะ ไม่มีสะ ใจสร่าง อย่างไหนๆ ใครมองเห็น จงระวัง ยั้งจิตใจ อย่าให้ไพล่ พลัดตก นรกวน .
พุทธทาสภิกขุ
การภาวนา หลวงพ่อแนะนำไว้ไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่หน ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย แล้วก็พนมมือเสียก่อน เมื่อขาขวาทับขาซ้ายแล้ว พนมมือไหว้ครูเสียก่อน คือไหว้พระพุทธเจ้า พุทโธ ธัมโม สังโฆ สาธุ นิพพานัง จากนั้นก็เอามือลง
จากนั้นก็แผ่เมตตาข้าพเจ้าจงเป็นสุข ผู้อื่นจงเป็นสุข ข้าพเจ้าต้องการความสุขอย่างไร ผู้อื่นสัตว์อื่นขอให้มีความสุขอย่างที่ข้าพเจ้าต้องการอย่างที่ข้าพเจ้าปรารถนา แผ่เมตตาให้จิตใจของเราอ่อนโยน อ่อนน้อม ต่อศีลธรรมเสียก่อน
จากนั้นก็บริกรรม พุทโธ พุทโธ ถ้ามันเผลอไปก็ดึงกำหนดมาอีก ตั้งสติให้เข้มแข็งขึ้นอีก อย่าให้มันเผลอ ถ้ามันเผลอก็ พุทโธ พุทโธ พุทโธ นั่งจนมันปวดแข้งปวดขามากๆ มันจะหลับได้เหรอ มันปวดแข้งปวดขา ถ้าไม่มีปวดแข้งปวดขามันก็อยากจะหลับใช่ไหม
เรานั่งไปนานๆ มันปวดแข้งปวดขา นั่นแหละ สู้กับมันหน่อยซิ มันจะหลับไหมในขณะที่มันปวดแข้งปวดขาน่ะ ปวดหลังปวดเอวนั่นน่ะ มันนอนไม่หลับ พุทโธสู้กับมันนะ เป็นยังไง ผลสุดท้าย ถ้าเราเอาชนะเวทนาตัวนั้นได้ เออ เลิศประเสริฐนะ พวกเราท่านทั้งหลายนะ สู้นะ อย่าไปทำเหลาะๆ แหละๆ ไม่ได้ ต้องสู้มันนะ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก จากพระธรรมเทศนา “หาที่วิเวกเพื่อภาวนา” แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๗
เรื่องสติปัฏฐาน ๔
เรื่องสติปัฏฐาน ๔ เป็นเรื่องที่พวกเราชาวพุทธจำเป็นจะต้องสนใจนำมาศึกษาและปฏิบัติ เพราะชาวพุทธจะมีที่พึ่งได้ดี สติปัฏฐาน ๔ คือพิจารณาเรื่องกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นการปฏิบัติที่ต่อเนื่องใน อิริยาบถ ๔ คือ พิจารณา การกิน เดิน นั่ง นอน ถ่ายมูตร ถ่ายคูถ เป็นที่นักปฏิบัติมองเห็นได้ไม่ยาก ในการศึกษา และปฏิบัติ เมื่อก่อนผู้เขียนไม่เคยเข้าใจในเรื่องสติปัฏฐาน ๔ เลย เมื่อมาได้ เข้าห้องกรรมฐาน กับหลวงปู่สังวาลย์ ท่านได้สอนให้อยู่ที่ป่าช้า ๓ ปี จึงเข้าใจในเรื่องสติปัฏฐาน ๔ เพราะการปฏิบัติกรรมฐาน ยืน เดิน นั่ง นอน แบบกำหนดรู้นั้น ทำให้เกิดอารมณ์กรรมฐานและเกิดสมาธิกรรมฐานได้เร็วกว่าที่เราไม่ได้เข้ากรรมฐาน ฉะนั้น การเดินกรรมฐาน ๔ ( ดิน น้ำ ลม ไฟ ) ทำให้รู้เรื่องกรรมฐาน ๕ ได้เร็วกว่าที่เราไม่เคยเข้ากรรมฐานในแนวสติปัฏฐาน ๔ การเรียนรู้ และการลงมือปฏิบัติจึงจะเห็นได้ รู้ได้ โดยลงมือปฏิบัติเท่านั้นเอง . คำปรารภ "เรื่องสติปัฏฐาน ๔" หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่ ............................. คนที่เริ่มในขั้นแรกด้วยการดูลมหายใจเข้าออก ดูลมเข้าลมออก ใช้บัญญัติในการกำหนดลมหายใจ เรียกว่าอานาปานปัพพะ พิจารณาสติปัฏฐานข้อกายานุปัสสนา ในข้ออานาปานปัพพะ การกำหนดลมหายใจเข้าออก
ในความเป็นจริงการระลึกถึงลมหายใจเข้าออกนั้น ก็สามารถที่จะดำเนินไปเป็นสมถะยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงขั้นได้ฌานก็ได้ #กำหนดลมหายใจไปสู่สมถะได้ฌาน #หรือจะสู่วิปัสสนาได้ปัญญาก็ได้
คือการที่กำหนดลมหายใจเรื่อยไปจนเกิดนิมิต เกิดอุคคหนิมิต นิมิตที่ติดตาติดใจ คนที่ดูลมหายใจเข้าออกบางทีก็จะเห็นมีนิมิต เป็นเหมือนสายรุ้ง เหมือนสายปุยนุ่น เหมือนมีสายผลุบเข้าผลุบออกที่โพรงจมูก นี่เรียกว่าเป็นนิมิตเกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นสมมตินั่นแหละ แต่ว่ามันก็เป็นนิมิตกรรมฐานสำหรับเพ่ง อาศัยไว้เพ่งให้เกิดสมาธิยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เมื่อได้อุคคหนิมิต ก็เพ่งประคองอยู่กับอุคคหนิมิตนั้น นิมิตก็จะมีความใส มีรัศมี สภาพจิตใจก็มีความมั่นคง มีสมาธิตั้งมั่น นึกขยายนิมิตให้ใหญ่ให้เล็ก ถ้าทำได้ก็เรียกว่าได้ปฏิภาคนิมิต ขยายนิมิตได้ สมาธิก็สูงขึ้นเป็นอุปจารสมาธิ
เมื่อฝึกขยายบ้างย่อบ้างอยู่อย่างนั้น ให้จิตมันมีความเกาะยึดเกาะติดอยู่กับอารมณ์นั้นหนักเข้า ๆ สมาธิก็จะเข้าไปสู่อัปปนาสมาธิ เรียกว่าได้ฌาน คือจิตเข้าไปนิ่งแนบในอารมณ์เดียว อยู่ในนิมิตอย่างเดียว ไม่ไหวติงไปอารมณ์อื่น ดับความรู้สึกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
คนที่ได้อัปปนาสมาธิหรือได้ฌาน มันจะไม่ได้ยินเสียง จะไม่รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส จะไม่มีการคิดนึกอะไรทั้งหมด ใจไม่มีการคิดนึกอะไร คิดอะไรไม่ได้ เรียกว่าเป็นอัปปนาสมาธิ นิ่งแนบในอารมณ์ ก็เรียกว่าได้ฌาน เป็นสมถะ
#แล้วจึงยกองค์ฌานขึ้นมาสู่วิปัสสนา #เวลาที่สมาธิคลายตัวลง #จิตก็เริ่มรับรู้อะไรขึ้นมา #สังเกตอะไรขึ้นมาได้ #แทนที่จะไปสังเกตหรือเพ่งอยู่กับนิมิตเรื่อยไป #ก็กลับมาระลึกพิจารณาจิตใจ
องค์ฌานที่ประกอบอยู่ในขณะนั้น ปฐมฌานก็จะมีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา เป็นเจตสิกธรรม เป็นธรรมชาติที่ประกอบกับจิต สังเกตวิตก วิจาร ปีติ ความอิ่มเอิบใจ สุข สบาย โปร่ง เบา เย็นใจ สุข สมาธิตั้งมั่น ก็ระลึกไป ในปฐมฌานมันก็มีวิตก วิจาร วิตกก็เป็นตัวยกจิตหรือสัมปยุตตธรรมขึ้นสู่อารมณ์ ทำให้มันเกาะอยู่กับอารมณ์กรรมฐาน อยู่กับอารมณ์นิมิตไว้ อยู่กับอารมณ์กรรมฐานอยู่อย่างนั้น วิจารก็เคล้าไปในอารมณ์นั้น ประคองอยู่กับอารมณ์นั้น ปีติอิ่มเอิบใจ สุขสบายกับอารมณ์นิมิตนั้น สมาธิตั้งมั่นอยู่กับอารมณ์นิมิต
คนจะได้ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ฌานที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ก็ตาม ก็เอามาเป็นฐานของวิปัสสนาได้
อย่างคนที่ได้ตติยฌานในจตุกกนัย คนที่มีปัญญาดี ละทีเดียว ๒ พอขึ้นทุติยฌาน ละวิตก วิจาร เพราะฉะนั้นขั้นสุดท้ายของรูปฌานจึงเหลือแค่ฌาน ๔ ฌาน ๔ ก็จะมีอุเบกขากับเอกัคคตา ฌานที่ ๓ จึงมีสุข สุขกับเอกัคคตา ฌานที่ ๒ ก็จะมีปีติอยู่ด้วย ปีติ สุข เอกัคคตา
เวลาที่ต่อวิปัสสนาก็คือ เมื่อสมาธิเริ่มคลายตัว ผู้ปฏิบัติก็มีสติน้อมระลึกเข้ามาที่จิต จิตที่มันมีสมาธิ จิตที่มันมีองค์ฌานประกอบ เช่น สังเกตปีติ พิจารณาปีติ พิจารณาความสุข พิจารณาสมาธิ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปรมัตถธรรม ฌานจิตเป็นปรมัตถ์ ปีติเป็นปรมัตถ์ ความสุขเป็นปรมัตถ์ สมาธิ เอกัคคตา ตั้งมั่นก็เป็นปรมัตถ์ วิตก วิจาร ก็เป็นปรมัตถ์ สภาพของปรมัตถธรรมนั้นจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดดับ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เพราะฉะนั้น #เมื่อระลึกเข้ามาที่จิตใจ #เห็นสภาวะตรง #ปีติ #สุข #เอกัคคตามีความเสื่อมสลาย #มีความเปลี่ยนแปลงมีความเกิดดับหมดไปสิ้นไป #สภาพของจิตที่เป็นสภาพรู้ #สติที่เข้าไประลึกรู้ก็ดับไปด้วยกัน #ระลึกทั้งสภาพของจิตที่เป็นสมาธิ #ระลึกทั้งสภาพสติที่เข้าไประลึกรู้ #เห็นความหมดไปสิ้นไป #ก็เป็นวิปัสสนาที่เรียกว่ามีสมถะเป็นฐานแล้วก็ต่อวิปัสสนา
อย่างนี้เขาเรียกว่าปฏิบัติโดยเจาะจง ดูเฉพาะลมหายใจอย่างเดียวไปจนมีสมาธิ แล้วก็จึงมาพิจารณาเวทนา จิต ธรรม เวทนาก็จะมีแต่เวทนาที่ดีงาม มีสุขเวทนาหรือมีโสมนัสเวทนา เพราะว่ามันระงับนิวรณ์ไปหมด ดูเวทนาที่ดี เป็นสุข เป็นโสมนัส มีจิตพิจารณาจิต พิจารณาสภาพธรรมที่ประกอบ ก็สามารถที่จะปฏิบัติครอบคลุมไปในสติปัฏฐานทั้ง ๔ ทำให้เกิดญาณ เกิดปัญญา รู้แจ้งแทงตลอด เข้าถึงวิปัสสนา วิมุตติหลุดพ้นได้
ธรรมบรรยาย ข้อสอบภาคปฏิบัติ รวมพระธรรมเทศนา หมวดกรรมฐานชุดที่ ๒ ............................. ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
"บุญไม่มีตัว ไม่มีตน แต่มีฤทธิ์ หากช่วงใดดวงดี บุญก็จะหนุนนำให้ดียิ่งขึ้นไป หากช่วงใดดวงไม่ดี บุญก็จะคอยอุ้มชูให้เราไม่ตกอับ
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน #ธรรมะวันนี้
โอวาทธรรมหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
การยอมโง่ในสายตาคนอื่น แต่เพื่อความสบายใจของเรา และไม่กระทบกระเทือนกันนั้น เป็นอุบายที่ฉลาดของเรา รู้หลบรู้หลีก รู้ผ่อนสั้นยาว
... อย่างนี้เป็นทางของคนดี และนักปราชญ์ชมเชย
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
“...ต้องคิดว่าความตายของเรานี้มันจะมีเดี๋ยวนี้อยู่เสมอ อย่างนี้มันถึงจะถูก จิตใจจะได้ไม่ประมาทในด้านของความดี ”
โอวาทคำสอนหลวงพ่อฤาษี (พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง
|