นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 03 ก.ย. 2025 3:22 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 17 ส.ค. 2025 11:46 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 5038
"โยมบอกว่า หลวงปู่...ทำบุญไม่ได้กรวดน้ำจะได้บุญได้อย่างไร

อย่าไปหลงเข้าใจผิดว่าเรามาวัดทำบุญ แล้วต้องได้กรวดน้ำทุกครั้งจึงได้บุญ ไม่ใช่ อยู่ที่เราทำบุญอะไร หาใคร

การกรวดน้ำทำบุญ ทำให้ผู้ตายที่เขาล่วงลับไปแล้ว และเจ้ากรรมนายเวร ไม่ได้ทำให้ตัวเรา แล้วตนเองในชาติปัจจุบัน จะไม่เอาบุญบ้างเลยหรือ เมื่อไหร่ชีวิตมันจะดี เพราะมาทำบุญที่วัดประจำ ทำให้แต่คนอื่น แบ่งทำให้ตนเองบ้าง

เทวดาประจำตัว ไม่ทำบุญหาเขา จะเอาฤทธิ์เอากำลังจากไหนมาช่วยเรา ตั้งจิตอธิษฐานทำบุญให้เขาด้วย

การหยาดน้ำทำบุญ ให้ตั้งจิตอฐิษฐาน ขอรุกขเทวดา เทวดา แม่ธรณี ผู้มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ให้รับรู้ และเป็นสื่อส่งบุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำนี้ ไปยัง บอกชื่อทำหาใครให้ชัดเจน ไม่ใช่หยาดรดต้นไม้โดยไม่รู้อะไร เห็นเขาทำก็ทำตาม

การทำบุญ ให้ทำด้วยความยินดี ดีใจ ทำแล้วไม่เสียดาย จึงได้บุญ เหมือนครั้งพุทธกาล ทำบุญด้วยข้าวปั้นเดียว ก็ได้ขึ้นสวรรค์ เพราะทำด้วยความยินดี"

ธรรมคำสอน
#หลวงปู่ประไพร สุภโร






คนสมัยนี้มีปัญหาเพราะ
ชอบแสดงความเห็น
แต่ไม่ชอบแสวงหาความรู้

#สมเด็จพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)





"ทุกๆ คนมีอานิสงส์ของทานและศีลแต่เก่ามา จึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในปัจจุบันนี้ นี่แหละเป็นสิ่งที่เราจะได้พึ่งอาศัยนะ ล้วนแต่เป็นของเก่าทั้งหมด เป็นของเก่าที่เราได้สร้างมาไว้แต่อดีตปุพเพฯ โน้น ของเก่านี้ทิ้งไม่ได้ ของเก่ามีแล้วท่านให้เคารพรักษาไว้ ไม่ให้มันเสื่อมไป และถ้าของใหม่ยังไม่เกิดไม่มีก็ดี ท่านก็ให้แสวงหาเอาให้เกิดให้มีขึ้น ถ้าเราไม่แสวงหาเอา เราจะกลายเป็นมนุษย์สูญเปล่านะ สมบัติในโลกมนุษย์มีเต็มไปหมด แต่เราก็ไม่สามารถคว้าเอาสมบัติอะไรที่จะติดตัวเราไปได้เลย เราก็ไปตัวเปล่า กลับมาเกิดอีกก็มาตัวเปล่า มาตัวเปล่านั่นแหละไม่มีที่พึ่งนะ ทุกคนเกิดมาก็พึ่งทาน พึ่งศีลของตัวเรานั่นแหละ พึ่งของเก่าทั้งหมด ของเก่าไม่มีไม่ได้ พวกเรามีทานแล้วก็ ต้องเคารพในศีล ศีลทางกาย ศีลทางวาจา ศีลทางใจ สร้างให้สะอาดบริสุทธิ์ไม่ให้มี เครื่องมัวหมอง"

#หลวงปู่อว้าน เขมโก







"การบูชามีสองอย่าง"

" .. หนึ่ง "การสละทรัพย์สินเงินทอง" เพื่อสร้างถาวรวัตถุในพระศาสนา "หรือการบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน" ข้าวของ เรียกว่า "อามิสบูชา"

ส่วนบุญอีกอย่างหนึ่งนั้น "คือการถือศีลภาวนา การทำสมาธิวิปัสสนา" เพื่อให้เกิดความรู้แจ้งแทงตลอด ให้เกิดเป็นปัญญา เป็นผู้รู้ ดังที่เราภาวนาว่า "พุทโธ" ซึ่งแปลว่า ผู้รู้ ผู้ฉลาด อันนี้เรียกว่า "ปฏิบัติบูชา"

เป็นบุญอันสูงสุด อันจะนำตนเองให้พ้นทุกข์จากกองทุกข์ในโลกนี้ได้ ช่วยตัวเองได้ มิให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป "บุญข้อนี้เป็นบุญอันสูงสุดที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญผู้ปฏิบัติ"

"ทั้งอมิสบูชาและปฏิบัติบูชานี้" เป็นเสมือนแม่น้ำสองสายที่ใสสะอาด "ไหลมารวมกันสู่แอ่งน้ำใหญ่อันอยู่ในห้วงหัวใจของเราเอง" เป็นแหล่งน้ำอันเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ พร้อมที่จะนำความฉ่ำชุ่มเย็นไปทั่วทุกหัวระแหง

"เกิดคุณค่าและประโยชน์อันประมาณมิได้" ที่สายน้ำนั้นได้ซึมซาบผ่านไปยังถิ่นต่าง ๆ "แอ่งน้ำในหัวใจเราเสมือนเขื่อนกักน้ำไว้เพื่อประโยชน์ตนและผู้อื่น" .. "

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







"... ภาวนาแล้ว อย่าลืมแผ่บุญกุศลให้
บิดา.มารดา เพราะว่าขันธ์ ๕ ที่เราได้มา
ได้ใช้ทำบุญสุนทาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวนาเอาจิตออกจาก
ความมืด ได้ชื่อว่าเป็นหนี้บุญคุณมหาศาล

... ท่านไม่มีโอกาสมานั่งภาวนาอย่างเรา
นี้หรอก เราเป็นผู้มีบุญมากแล้ว เราก็แผ่
ส่วนกุศลไป
และ ได้มีโอกาสสนองคุณพ่อแม่ทุก ๆ วัน
ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความกตัญญู เป็นผู้เจริญ ..."

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
#หลวงปู่บุญฤทธิ์_ปัณฑิโต
ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี






"..จำไว้นะ ใครจะพูดอะไรก็ช่างเขากรรมมันอยู่ที่เขา ไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา ไม่ต้องเอามันมาใส่ใจ.."

โอวาทธรรม
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







"..เพราะฉะนั้นให้พวกเราปลูกศรัทธาความเชื่อลงไป อย่าไปเชื่อกับแต่กิเลสหลาย แต่นี่ไปหาตาย ก็พยายามอบรมให้เชื่อพระพุทธเจ้า สิ่งใดท่านห้าม ก็ละซะ สิ่งที่ไม่ดีนั่นล่ะ ความโลภ โกรธ หลง นั่นแหละ ความโลภก็ให้ละ ความโกรธก็ให้ละ ความหลงก็ให้ละ อย่านำเอาไปฮอด (ถึง)วันตาย ให้ทิ้งเสียก่อนนี่แหละ ครั้นจะตายให้ตายด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยภาวนา ให้ตั้งจิตให้เป็นกาลกุศล คิด พอตายไปทีนี้ละก็คออ่อน พระสวด กุศลา ธมฺมา อกุศลา ธมฺมา อพยากตา ธมฺมา นั่นมันว่าแต่ชื่อเฉยๆ ให้เราสวด กุศลาให้ตัวเจ้าของ มาวันนี้ก็เรียกว่า สวดกุศลาใส่ตัวเองซะเดี๋ยวนี้ ศีล ก็เป็นกุศลาธัมมา ทาน ก็เป็นกุศลาธัมมา ภาวนาพุทโธ ก็เป็นกุศลาธัมมา ก็เหมือนกันนั่นแหละ ผู้ใดรักษาศีลบริสุทธิ์ทุกวัน ให้ทาน ทุกวัน ภาวนาพุทโธ ก็สร้างกุศลาธัมมาใส่ตัวเป็นประจำ ทุกขณะลมหายใจ นั่นแหละ ผู้ใดบ่มีศีลอันนี้แหละ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก กินเหล้าทุกวัน ก็สร้างอกุศลใส่ตนทุกวันนั่นแหละ มันเป็นอย่างนั้นดอก ทานก็บ่ทำสักเทือ สร้างแต่อกุศลาธัมมา ใจมันก็โลภ โกรธ หลง ขึ้นไปหละ มันเป็นอย่างนั้น พอเวลาตายแล้ว จะนิมนต์พระไปสักร้อยวัดให้สวดกุศลาธัมมา อกุศลาธัมมา อพยากตาธัมมา หมดวันหมดคืน นั่น อยากจะไปสวรรค์ ด้วยคำสวดของพระไม่ได้หรอก ให้เราละเท่านั้นแหละ ตายปุ๊บก็ไปทุคติปั๊บ ไอ้คนชั่วมันไม่ไปคอยฟัง สวดกุศลาอยู่นั่นดอก อันคนใจบุญก็เหมือนกัน ตายปุ๊บก็ไปสู่สุคติทันที ไม่คอยมาฟัง กุศลาธัมมากับพระหรอก มันเป็นยังงั้น.."

อบรมภาวนาญาติโยม
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
วัดอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม







.

#การไม่ตกอบายภูมิ

การเจริญพระกรรมฐานจริงๆ พระพุทธเจ้าต้องการสงเคราะห์บรรดาท่านพุทธบริษัทให้อย่างน้อยขอให้ทุกคนพ้นจากความทุกข์ใหญ่คืออบายภูมิ ได้แก่การเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน อย่างนี้ถือว่าทุกข์ใหญ่เป็นพิเศษ

ถ้าในแดน ๔ แดนถ้าคนลงไปแล้วมันมีแต่ความทุกข์ไม่มีความสุข อย่างนรกไฟก็ไหม้ตลอดเวลา มีสรรพาวุธสับฟันตลอดเวลา แดนเปรตก็เช่นเดียวกัน แดนอสุรกายเต็มไปด้วยความหิว ไม่ถูกการลงโทษด้วยสรรพาวุธ ไม่มีไฟ แต่ก็มีแต่ความหิว

สำหรับแดนสัตว์เดรัจฉานดีหน่อย แต่ว่าก็ไม่ดีมาก มีความปรารถนาไม่สมหวังต้องการกินอย่างนี้ คนเลี้ยงก็ให้กินอย่างนั้น ต้องการกินอย่างโน้น คนเลี้ยงก็ให้กินอย่างนี้ จิตใจก็ไม่เป็นสุข และบางเหล่าก็อดอยาก

อบายภูมิทั้ง ๔ คืิอ
๑. สัตว์นรก
๒. เปรต
๓. อสุรกาย
๔. สัตว์เดรัจฉาน
เป็นแดนที่มีทุกข์หนัก

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
________
จากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๔๒๔ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๙ หน้า ๑๒ - ๑๓








"..จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิต อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร ตรวจดูจิตว่า มีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิต นั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือ ความคิดปรุงแต่งของจิตว่า คิดอะไรบ้าง มีสาระประโยชน์ไหม คิดแส่หาเรื่อง หาโทษ ขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น พอรู้ผิด-ถูกของตัวบ้างไหม พิจารณาสังขารภายนอกว่า มีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการให้ท่องในใจอยู่เสมอว่า เรามีความแก่-เจ็บ-ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)






คนสมัยนี้มีปัญหาเพราะ
ชอบแสดงความเห็น
แต่ไม่ชอบแสวงหาความรู้

#สมเด็จพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)





...#คนที่มีมรณานุสสติกรรมฐานอยู่เสมอ นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ นึกถึงความตายก็อย่าไปท้อคิดว่าถ้าเราตายคราวนี้ เราจะไปไหน ทางที่เราจะไปได้ คือ

๑.นรก
๒.เปรต
๓.อสุรกาย
๔.สัตว์เดรัจฉาน
๔.มนุษย์
๕.สัมภเวสี
๗.รุกขเทวดา
๘.ภูมิเทวดา
๙.อากาศเทวดา
๑๐.พรหม
๑๑.นิพพาน

...ถ้าเรานึกถึงความตาย ถ้าเราตายเวลานี้ ไอ้ความตาย เราต้องคิดว่าจะต้องตายเวลานี้อยู่เสมอ #อย่าไปคิดว่าอีกไม่กี่วันตาย เวลานี้เราอาจจะตายเมื่อไรก็ได้ ถ้าเราคิดอย่างนี้ ก็ต้องคุมกําลังใจ ว่าเราจะไปไหน คุมกําลังใจเอาไว้ ถ้าเรา อยากจะไปอบายภูมิ ๔ ศีล ๕ ไม่ต้องไปเคารพมัน เก็บไว้สักตัวสองตัวก็ได้ หรือ ๓ ตัว มันก็ดึงลงนรกเอง ไม่ต้องห่วง

...ถ้าเราต้องการเกิดมาเป็นคน #ก็ให้มีกรรมบถ ๑๐ เป็นปกติ หรือ #ศีล ๕ เป็นปกติ จึงจะเกิดมาเป็นคน เป็นคนก็เป็นคนชั้นดี

...ถ้าเราต้องการเป็นเทวดาชั้นไหนก็ตาม จิตก็ทรงหิริและโอตัปปะ
#หิริ อายความชั่ว
#โอตตัปปะ เกรงกลัวผลความชั่ว อย่างนี้เราก็เป็นเทวดา

...ถ้าเราต้องการเป็นพรหม #ก็ทําจิตให้ทรงฌานสมาบัติ ในกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง ที่เราต้องการ ที่เราชอบ

...ถ้าเรา อยากจะไปนิพพาน ก็ต้องใช้ศัพท์ว่า "#ไม่เอาไหน" ไม่เอาไหนก็คือ พยายามตัดโลภะ ความโลก ก็โดยการให้ทาน แต่การให้ทานอันนี้ไม่ใช่การทุ่มเท คือ #ให้พอดีพอควร ไม่เดือดร้อนกับตัวเรา แต่จิตเราคิดไว้เสมอว่า #ถ้าเรามีโอกาสเราจะสงเคราะห์คนและสัตว์ที่มีความทุกข์ให้มีความสุข

...พยายามตัดความโกรธและความพยาบาท ค่อยๆ ตัด วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง ตัดมันล่ะชั่วโมง ชั่วโมงนี้ใครจะด่าจะว่ายังไงก็ช่าง #ขันติและความอดทน ถ้าทำได้วันล่ะหนึ่งชั่วโมง ไม่เกิน ๓ เดือน มันจะทรงจิตตลอด ๒๔ ชั่วโมง นี้เป็นวิธีแบบย่อนะ

พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)






ชีวิตแท้ ๆ นั้น
ต้องการสลัดออกตลอดเวลา
ยิ่งสลัดออก ยิ่งไม่มีอะไร
ยิ่งเบาเท่านั้น

มีแต่ รู้ ล้วน ๆ
มีการให้
เปี่ยมด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ









การใช้ลมหายใจเข้าออกเป็นกรรมฐานก็เป็นสิ่งที่ดี
เพราะว่ามันจะเกิดความผาสุก
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
อานาปานสติมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
ร่างกายเราก็มีความผาสุก
อายุมากไปเราก็จะได้มีความผาสุก

#ลมหายใจมันเกี่ยวกับจิตใจ
#มันมีความสัมพันธ์กัน

#ถ้าเราจิตใจดี
#ใจเราดี #ใจเราสงบ #เรามีสติสมาธิ
#ลมหายใจมันก็จะราบเรียบ #สบาย
#หรือว่ายิ่งมีสมาธิ #ลมก็จะเบา #อ่อน #นุ่มนวล

แต่ถ้าเวลาจิตเราฟุ้งซ่าน โกรธ วุ่นวาย
อารมณ์ก็จะหยาบ
ลมหายใจมันจะหยาบขึ้น
มันก็จะเกี่ยวกัน
มันก็จะอึดอัด
รวมทั้งระบบร่างกายส่วนอื่นด้วย

#มันมีผลกันหมดระหว่างจิตกับกาย
#ถ้าจิตเราเสีย #ระบบร่างกายเราก็แย่ไปด้วย
#เครียด #สมองตึง เคร่งตึง
ต่อมต่าง ๆ ทำงานไม่ดี ร่างกายก็พลอยไม่ดี

เพราะฉะนั้นพอเราอยู่กับลมแล้วเราเกิดความสงบ
ร่างกายของเราก็ดีไปด้วย
สบาย โปร่ง โล่ง เบา
ลมหายใจมันสะดวกสบาย สดชื่น

#ฉะนั้นอยู่ที่จิต
#ทำจิตใจของเราให้ดี #ลมหายใจก็ดีไปด้วย

ธรรมบรรยาย ส่งอารมณ์รวม คอร์สอบรมกรรมฐานพระสังฆาธิการ ๒๕๖๖-๒๕๖๗
(๒๒ มีนาคม ๒๕๖๗)
.............................
ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา







#โอวาทธรรม
#หลวงพ่อเทียน_จิตฺตสุโภ

โอวาทธรรม หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

ความโกรธ ความโลภ ความหลง

ความจริง ความโกรธ ความโลภ ความหลงนั้น ไม่ได้มีอยู่ที่เรา มันเพียง...วูบ....เข้ามาประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น...

คล้ายๆ กับน้ำแข็งก็ว่าได้.... น้ำแข็งนั้น เขาทำให้เป็นก้อนขึ้นมาได้ เมื่อถูกแดดถูกลมน้ำแข็งก็ละลายไปเป็นน้ำตามเดิม ...

ความโกรธ ความโลภ ความหลงนี้ก็เหมือนกัน มันไม่ได้ตั้งอยู่นาน มันเป็นเพียงวูบเดียวมาก็เท่านั้น ...แต่เราก็คล้อยไปตามมัน...

พระพุทธองค์จึงสอนให้เราเห็น ให้เราเข้าใจจิตใจของเรา ให้รู้เท่า รู้ทัน รู้จักกัน รู้จักแก้ รู้จักเอาชนะมันได้จริงๆ นี่แหละคือการเห็นธรรม...ต้องเห็นในรูปนี้ ไม่ใช่ว่าต้องเห็นเป็นอย่างอื่น....

หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
วัดสนามใน





# ตอนยังมีชีวิตอยู่ โยมแม่หลวงปู่เพียรลำบากมาก
ท่านเลยไม่ได้ไปทำบุญที่วัด หลังจากตายแล้ว
วิญญาณท่านก็มาหา หลวงปู่เพียร พระลูกชายทันที.

หลวงปู่เพียร วิริโย ท่านเป็นคนยากจนนะ
ข้าวจะหากินนี้ก็ไม่พอ เกิดมาพ่อแม่ลำบากมาก
แม่ท่านก็ทำไร่ ไถนา หากบ หาเขียด มาเลี้ยงลูกนะ
เพราะความยากจน ความลำบาก ก็เลยไม่ได้ไปวัด

ทีนี้พอแม่ตาย วิญญาณแม่ก็เข้ามาหาพระลูกชาย
คือ หลวงปู่เพียร ทันที
ท่านแทบจะน้ำตาร่วง สงสารแม่ แม่ลำบากมาก
พอแม่ปรากฏกายให้ท่านเห็น ท่านสงสารแม่มาก

ตอนนั้นท่านได้ผ้าขาวมาชิ้นหนึ่ง
แล้วก็เครื่องกระป๋อง เครื่องไทยทาน
ไปบังสุกุลอุทิศให้แม่

ไม่ถึงเจ็ดวัน วิญญาณแม่ก็มาหาอีก
มีเสื้อผ้า อาภรณ์ สวยงาม
ไม่ใช่คนเก่าแล้ว งดงามกว่าตอนเป็นมนุษย์
หน้าตาผ่องใส มาหาลูก

หลวงปู่เพียรท่านว่า “ โห้ ! ได้รับจริงๆ ”

ครั้งแรกที่แม่มาหา เป็นลักษณะแบบหนึ่ง
พอทำบุญบังสุกุลอุทิศไปให้แล้ว ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
มาอีกลักษณะหนึ่ง...นี่ได้รับจริงๆ

หลวงปู่คำพอง ปัญญาวุโธ เมตตาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหลวงปู่เพียร วิริโย ให้โยมฟัง
เพื่อเป็นธรรมทาน.

หลวงปู่เพียร วิริโย
วัดป่าบ้านหนองกอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 37 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO