นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 14 ก.ค. 2025 9:47 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ฝึกจิตฝึกใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 13 ก.ค. 2025 5:34 am 
ออนไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4985
"..ถ้าประมาทในชาติมนุษย์
ไม่พยายามสร้างความดีไว้เสริมต่อ
ในภพชาติต่อไป ทางที่จะได้เกิดเป็นสัตว์
มีมากกว่าทางที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส
จังหวัดสกลนคร






"..ธรรมอยู่ที่ใจนั่นแล ต่อไปท่านจงรักษาระดับจิตระดับความเพียรไว้ให้ดีอย่าให้เสื่อมได้ นั่นแลคือฐานของจิต ฐานของธรรม ฐานของความเชื่อมั่นในธรรม และฐานแห่งมรรคผลนิพพานอยู่ที่นั่นแล จงมั่นใจและเข้มแข็งต่อความเพียรถ้าอยากพ้นทุกข์ การพ้นทุกข์ต้องพ้นที่นั่นแน่นอนไม่มีที่อื่นเป็นที่หลุดพ้น อย่าลูบคลำให้เสียเวลา เรามิใช่คนตาบอดพอจะลูบคลำ.."

ภูริทตฺโตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส
ต.ธาตุเชิงชม อ.เมือง
จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)




"ตนเผาตน ใจเผาใจ"

" .. "พุทโธคือผู้รู้" รู้ว่าใจตนบริสุทธิ์ผุดผ่อง
"ใจบริสุทธิ์ก็ศีลบริสุทธิ์" ตัวเป็นผู้ดำเนิน
ศีลเป็นประธาน "ผู้ใดทำบาปทำกรรม
ทำให้ใจของตนเศร้าหมอง หาโทษใส่ตน"
นักปราชญ์ว่า "คนโง่คนยาก มันเกิดจากตน"

ตนบริสุทธิ์ ตนดีอยู่ "ไปเอาความเศร้าหมอง
เอาความร้ายมาใส่ตน" เข้ามาเผาตน "ตนเผาตน
ก็แม่นใจเผาใจ" แล้วก็แล้วกันไป "อดีตล่วงไปแล้ว"
มันล่วงมาแล้ว อย่าไปเอามาเป็นอารมณ์
ให้ใจเศร้าหมองทำไม "อนาคตยังมาไม่ถึง
อย่าไปคิดมัน" ให้มันมาเจอก่อนจึงคิด

"ให้พิจารณาปัจจุบัน" พิจารณาให้เห็นว่ามันไม่พ้น
ความตายแล้ว "รีบทำบำเพ็ญภาวนา ให้ศีล ให้สมาธิ
ให้ปัญญาเกิดขึ้น" ความชั่วที่เก็บมาให้มันเผาจิต
ต้องเปิดออกปัดออก "เอาแต่ความดีเข้ามาสู่ดวง
จิตดวงใจของตน" ให้ใจเบิกบานใจร่าเริง
ให้ใจกว้างอย่าให้ใจแคบ .. "

"อนาลโยวาทะ"

#โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล จังหวัดหนองบัวลำภู
พระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
สายของพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต






"..เพราะฉะนั้นให้พวกเราปลูกศรัทธาความเชื่อลงไป อย่าไปเชื่อกับแต่กิเลสหลาย แต่นี่ไปหาตาย ก็พยายามอบรมให้เชื่อพระพุทธเจ้า สิ่งใดท่านห้าม ก็ละซะ สิ่งที่ไม่ดีนั่นล่ะ ความโลภ โกรธ หลง นั่นแหละ ความโลภก็ให้ละ ความโกรธก็ให้ละ ความหลงก็ให้ละ อย่านำเอาไปฮอด (ถึง)วันตาย ให้ทิ้งเสียก่อนนี่แหละ ครั้นจะตายให้ตายด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยภาวนา ให้ตั้งจิตให้เป็นกาลกุศล คิด พอตายไปทีนี้ละก็คออ่อน พระสวด กุศลา ธมฺมา อกุศลา ธมฺมา อพยากตา ธมฺมา นั่นมันว่าแต่ชื่อเฉยๆ ให้เราสวด กุศลาให้ตัวเจ้าของ มาวันนี้ก็เรียกว่า สวดกุศลาใส่ตัวเองซะเดี๋ยวนี้ ศีล ก็เป็นกุศลาธัมมา ทาน ก็เป็นกุศลาธัมมา ภาวนาพุทโธ ก็เป็นกุศลาธัมมา ก็เหมือนกันนั่นแหละ ผู้ใดรักษาศีลบริสุทธิ์ทุกวัน ให้ทาน ทุกวัน ภาวนาพุทโธ ก็สร้างกุศลาธัมมาใส่ตัวเป็นประจำ ทุกขณะลมหายใจ นั่นแหละ ผู้ใดบ่มีศีลอันนี้แหละ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก กินเหล้าทุกวัน ก็สร้างอกุศลใส่ตนทุกวันนั่นแหละ มันเป็นอย่างนั้นดอก ทานก็บ่ทำสักเทือ สร้างแต่อกุศลาธัมมา ใจมันก็โลภ โกรธ หลง ขึ้นไปหละ มันเป็นอย่างนั้น พอเวลาตายแล้ว จะนิมนต์พระไปสักร้อยวัดให้สวดกุศลาธัมมา อกุศลาธัมมา อพยากตาธัมมา หมดวันหมดคืน นั่น อยากจะไปสวรรค์ ด้วยคำสวดของพระไม่ได้หรอก ให้เราละเท่านั้นแหละ ตายปุ๊บก็ไปทุคติปั๊บ ไอ้คนชั่วมันไม่ไปคอยฟัง สวดกุศลาอยู่นั่นดอก อันคนใจบุญก็เหมือนกัน ตายปุ๊บก็ไปสู่สุคติทันที ไม่คอยมาฟัง กุศลาธัมมากับพระหรอก มันเป็นยังงั้น.."

อบรมภาวนาญาติโยม
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
วัดอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม







#ภาวนาจนหลับได้กำไร

▪️ผู้ถาม : "นอนภาวนาได้เหรอค่ะ"....?"
▪️หลวงพ่อ : "ได้....ถ้าภาวนาให้หลับไปนี่ได้กำไร ถ้าเราภาวนาอยู่ #ถ้าจิตเข้าไม่ถึงฌานมันจะไม่หลับ #พอจิตเข้าถึงฌานปั๊ปมันจะตัดหลับทันที

.นอนหลับภาวนาอยู่ ๑ ชั่วโมง มันจะมีความชุ่มชื่นดีกว่านอนหลับไม่ภาวนาหลายชั่วโมงและในช่วงแห่งการหลับเราถือว่าหลับอยู่ใน "สมาธิ" ตลอดเวลาตื่นขึ้นมาจิตจะสบาย

#เวลาที่เราหลับอยู่ในฌาน เราจะสังเกตดูได้ว่า ถ้าเราตื่นขึ้นมารู้สึกเต็มที่แล้ว นอนอยู่แบบนั้นต้องบังคับให้มันภาวนา อย่างนี้แสดงว่าขณะกลับเราเข้าถึง #ฌานหยาบ

หากตื่นขึ้นมามีความรู้สึกตัวเต็มที่ #แล้วมันภาวนามันเอง แสดงว่าเมื่อเราหลับเราเข้าถึง #ฌานอย่างกลาง

ถ้าเรารู้สึกตัวครึ่งหลับครึ่งตื่น มันภาวนาของมันเอง แสดงว่าเวลาหลับเราเข้าถึง #ฌานละเอียด

ฉะนั้นการนอนภาวนาให้หลับไปเลยควรใช้ให้เป็นปกติ การนอนภาวนานี่ถ้ามันจะหลับ อย่าไปดึงมันไว้นะ ถ้าภาวนาถึง "พุธ" ไม่ทัน "โธ" มันจะหลับปล่อยเลย #เพราะการเข้าฌานเราต้องเข้าให้เร็วที่สุด #ไม่ต้องการภาวนานาน.

...........................
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม เล่มที่๒ (หน้าที่๕๓)






#การอุทิศส่วนกุศล
ธ​รรมทาน #หลวงพ่อตอบปัญหา

ผู้ถาม : “แล้วถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เขาจะได้รับไหมคะ…?”

หลวงพ่อ : “คือว่าอุทิศไปให้เขาจะได้รับหรือไม่ได้รับก็ตาม บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข ไอ้กรรมต่างๆ ที่เป็นอกุศลที่เราทำไปแล้ว เราไปยั้งมันไม่ได้ #แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีมีกำลังเหนือมัน ก็กวดไม่ทันเหมือนกัน

สำหรับคำอุทิศส่วนกุศลที่ใช้อยู่เดี๋ยวนี้ ก็ยาวเหมือนกัน แต่ยาวตามท่านบอก
#บทอุทิศส่วนกุศลท่อนแรก #ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร #นั่นหลวงปู่โตมาบอก
#แล้วก็บทอุทิศส่วนกุศลอีก๓ท่อน
#พระยายมราชบอกมา

#สำหรับตอนที่สองที่ให้เทวดาโมทนา
ท่านบอกว่า
“เวลาอุทิศส่วนกุศลน่ะ ขอบอกให้ผมเป็นพยานด้วย”

ท่านบอกว่า “ลูกหลานของท่านก็คือลูกหลานของผม และมันก็ไม่แน่นักหรอก บางทีไปอยู่สำนักผม มันอาจจะลืมก็ได้ เขาอาจจะนึกถึงบุญไม่ออก ถ้านึกถึงบุญไม่ออก ผมก็จะได้บอกว่า เขาสั่งให้เป็นพยาน

มันเป็นธรรมดา #ถ้าทำทั้งบุญทั้งบาป
#บางทีกรรมบางอย่างมันปกปิด

เวลาถามเรื่องบุญนี่มันนึกไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องปล่อยตกนรก หากว่าถาม ๓ เที่ยวนึกไม่ออก ผมจะได้ประกาศว่า นี่เขาเคยบอกฉันไว้ เวลาทำบุญเขาบอกให้ฉันเป็นพยาน แล้วก็ประกาศกุศลนั้น ก็ได้ไปสวรรค์”

====================
จาก หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑







#การปฏิบัติภาวนาในทางพุทธศาสนาก็คือการปฏิบัติเรื่องใจ

"การตามดูใจของตัวเองนี่ น่าสนใจมาก ใจที่ยังไม่ได้ฝึก มันก็คอยวิ่งไปตามนิสัยเคยชินที่ยังไม่ได้ฝึก ไม่ได้อบรม มันเต้นคึกคักไปตามเรื่องตามราว ตามความคะนอง เพราะมันยังไม่เคยถูกฝึก

ดังนั้น..จงฝึกใจของตัวเอง การปฏิบัติภาวนาในทางพุทธศาสนาก็คือการปฏิบัติเรื่องใจ ฝึกจิตฝึกใจของตัว ฝึกอบรมจิตของตัวเองนี่แหละเรื่องนี้สำคัญมาก

การฝึกใจเป็นหลักสำคัญ พุทธศาสนาเป็นศาสนาของใจ มันมีเท่านี้ ผู้ที่ฝึกปฏิบัติทางจิต คือผู้ปฏิบัติธรรมในทางพุทธศาสนา"

โอวาทธรรม...หลวงปู่ชา สุภทฺโท






"จงทำความดีด้วยใจดี ด้วยความปล่อยวาง ด้วยความเสียสละ เห็นทุกอย่างเป็นธรรมดาไปหมด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรจะตั้งอยู่ ไม่ว่าอะไรจะดับไป ให้เห็นเป็นธรรมดา"

..หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ






"การภาวนานี้ถ้าจะพูดอย่างกำปั้นทุบดินแล้ว ก็เป็น บุญ ไปทั้งนั้น แม้จะทำได้มากหรือน้อย หรือไม่ได้อะไรเลยก็เป็นบุญอยู่ในตัว คือ

เปราะที่ ๑. ระลึกได้เสมอเพียงแค่ พุทโธๆ เท่านี้ก็เป็นบุญส่วนหนึ่งแล้ว

เปราะที่ ๒. มีสติอยู่กับลมหายใจอย่างเดียวก็ได้บุญ และ

เปราะที่ ๓ ทำใจนิ่งเฉยๆ รู้แต่ลมหายใจก็เป็นบุญอีก

ฉะนั้น..จึงเป็นของที่ควรจะพากันทำอยู่เสมอ ไม่ควรปล่อยเวลาและโอกาสให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์"

.ท่านพ่อลี วัดอโศการาม






"ให้รู้จักภาวนา พุทโธ ทำดวงจิตให้ผ่องใส จะได้เป็นที่พึ่งของเราได้แน่นอน ให้ทราบว่าในโลกนี้ไม่มีแก่นสารอันใด เกิดมาแล้วก็ต้องตาย เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง ที่จะเอาได้ก็เป็นเรื่องของดวงจิตเท่านั้น

ฉะนั้น จึงให้รู้จักทำจิตคลายจากความชั่ว ความเศร้าหมอง ทำจิตใจ ให้เป็นบุญเป็นกุศล เป็นจิตที่สงบผ่องใส เป็นสมาธิ ให้รู้จักใช้ปัญญา พิจารณารูปนาม ให้เห็นตามความเป็นจริงของสังขาร จนสามารถละวางตัณหาอุปทานทั้งหลายได้"

โอวาทธรรม...หลวงปู่ฝั้น อาจาโร





"ใครอยากเห็นของจริง ใครอยากรู้ของจริง ให้ทำความพากเพียรให้มันจริงจังลงไป

การเดินจงกรมก็เดินให้มันจริงลงไป การนั่งสมาธิก็นั่งจริงๆ ลงไป ข้อปฏิบัติให้มันจริงลงไป การตั้งสติการรักษากายของเจ้าของ ใจของเจ้าของในการเคลื่อนไหวก็ให้มันจริงๆ ลงไป เดินจงกรมก็เดินให้มันจริง นั่งสมาธิก็นั่งให้มันจริง

ออกจากเดินจงกรม ออกจาการนั่งสมาธิให้มันจริง จริงโดยการสำรวมเอาไว้ นี่ละเป็นการสร้างบารมี"

โอวาทธรรม...หลวงปู่แบน ธนากโร







"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ไม่ว่าอะไรจะตั้งอยู่
ไม่ว่าอะไรจะดับไป
ให้เห็นเป็นธรรมดา"

โอวาทธรรม...หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ





#การปฏิบัติภาวนาในทางพุทธศาสนาก็คือการปฏิบัติเรื่องใจ

"การตามดูใจของตัวเองนี่ น่าสนใจมาก ใจที่ยังไม่ได้ฝึก มันก็คอยวิ่งไปตามนิสัยเคยชินที่ยังไม่ได้ฝึก ไม่ได้อบรม มันเต้นคึกคักไปตามเรื่องตามราว ตามความคะนอง เพราะมันยังไม่เคยถูกฝึก

ดังนั้น..จงฝึกใจของตัวเอง การปฏิบัติภาวนาในทางพุทธศาสนาก็คือการปฏิบัติเรื่องใจ ฝึกจิตฝึกใจของตัว ฝึกอบรมจิตของตัวเองนี่แหละเรื่องนี้สำคัญมาก

การฝึกใจเป็นหลักสำคัญ พุทธศาสนาเป็นศาสนาของใจ มันมีเท่านี้ ผู้ที่ฝึกปฏิบัติทางจิต คือผู้ปฏิบัติธรรมในทางพุทธศาสนา"

โอวาทธรรม...หลวงปู่ชา สุภทฺโท







#ภาวนาจนหลับได้กำไร

ผู้ถาม : "นอนภาวนาได้เหรอค่ะ"....?"
หลวงพ่อ : "ได้....ถ้าภาวนาให้หลับไปนี่ได้กำไร ถ้าเราภาวนาอยู่ #ถ้าจิตเข้าไม่ถึงฌานมันจะไม่หลับ #พอจิตเข้าถึงฌานปั๊ปมันจะตัดหลับทันที

.นอนหลับภาวนาอยู่ ๑ ชั่วโมง มันจะมีความชุ่มชื่นดีกว่านอนหลับไม่ภาวนาหลายชั่วโมงและในช่วงแห่งการหลับเราถือว่าหลับอยู่ใน "สมาธิ" ตลอดเวลาตื่นขึ้นมาจิตจะสบาย

#เวลาที่เราหลับอยู่ในฌาน เราจะสังเกตดูได้ว่า ถ้าเราตื่นขึ้นมารู้สึกเต็มที่แล้ว นอนอยู่แบบนั้นต้องบังคับให้มันภาวนา อย่างนี้แสดงว่าขณะกลับเราเข้าถึง #ฌานหยาบ

หากตื่นขึ้นมามีความรู้สึกตัวเต็มที่ #แล้วมันภาวนามันเอง แสดงว่าเมื่อเราหลับเราเข้าถึง #ฌานอย่างกลาง

ถ้าเรารู้สึกตัวครึ่งหลับครึ่งตื่น มันภาวนาของมันเอง แสดงว่าเวลาหลับเราเข้าถึง #ฌานละเอียด

ฉะนั้นการนอนภาวนาให้หลับไปเลยควรใช้ให้เป็นปกติ การนอนภาวนานี่ถ้ามันจะหลับ อย่าไปดึงมันไว้นะ ถ้าภาวนาถึง "พุธ" ไม่ทัน "โธ" มันจะหลับปล่อยเลย #เพราะการเข้าฌานเราต้องเข้าให้เร็วที่สุด #ไม่ต้องการภาวนานาน.

...........................
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม เล่มที่๒ (หน้าที่๕๓)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: รสมน และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO