นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 16 มิ.ย. 2025 3:59 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ชำระล้างจิตใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 01 มิ.ย. 2025 6:07 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4953
"..ธรรมชาติของธรรมนั้น ปฏิบัติผู้บำเพ็ญเท่านั้นจึงจะรู้ได้ ครูบาอาจารย์หลายองค์ท่านไม่เคยลดละในการปฏิบัติธรรมเพราะการปฏิบัติธรรมที่เรากระทำอยู่เรื่อย ๆ เป็นนิจ โดยไม่หยุดยั้งผลย่อมเกิดขึ้นได้ทุกครั้งไปและจะสืบเนื่องกันไม่ขาคระยะ ตราบเท่าที่เราไม่ทิ้งการปฏิบัติธรรมนั้น เราเป็นฆราวาส ต้องพยายามทำคุณงามความดี ทำทาน รักษาศีล บำเพ็ญภาวนาให้เจริญแล้ว ปัญญาก็ย่อมเกิดตามมาเอง.."

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
วัดป่านิโครธาราม
ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
(พ.ศ.๒๔๔๕–๒๕๒๔)






...#เรื่องตรัสรู้ธรรมะ เราได้ยินว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมะ ก็นึกว่าเป็นเรื่องของท่านทุกอย่าง ไม่ใช่นะ เป็นเรื่องของเราทุกคนก็ได้ อันไหนรู้แล้ว ละนั่นแหละ เป็นเครื่องหมายของเรา เหมือนเราเคี้ยวกินอะไรบางอย่าง รู้สึกคัน รู้แล้วก็คายทิ้ง ความรู้ชนิดนี้แหละ ปุถุชนเราควรรู้ เหมือนหัวกลอยเมื่อรู้ว่ามันคัน กินไม่ได้ เรายังจะกินอยู่หรือ ก็มีแต่จะทิ้งเท่านั้น มันรู้อย่างนี้แหละ

...ทีนี้รู้ซึ้งเข้าไปกว่านั้นอีก รู้ว่าอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี มันผิด ไม่เป็นประโยชน์เดือดร้อนทั้งแก่ตนและผู้อื่น พิจารณาแล้วรู้ได้ นี้เรียกว่าความรู้อันหนึ่ง ถ้ามันรู้ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอะไรสามารถคลี่คลายจิตใจของเราได้ อย่างเราจะทําดี ใครว่าไม่ดีอย่างไร เราก็ไม่ทิ้ง เราทําถูกอยู่ ใครว่าผิดเราก็ไม่ทิ้ง เราไม่บ้า เขาว่าบ้า เราก็ไม่ทิ้งไปเป็นบ้าอย่างเขาว่า #แต่คนเราชอบทิ้งเจ้าของ เราไม่บ้า เขาว่าบ้าก็โกรธเลย เป็นบ้าอย่างเขาว่า เราทําดีเขาว่าไม่ดี ไปโกรธเขา เลยไปเอาของไม่ดีกับเขา มันทิ้งเจ้าของอย่างนี้แหละ #ไม่รู้ตามความเป็นจริงของเจ้าของ

...#ภาษาธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้น ก็สอนให้แก่พวกเราทั้งหลายนี้แหละ พวกเราที่เป็นปุถุชนให้เป็นอริยชน เหมือนเราจะสร้างบ้านเรือน เราก็ต้องหาสิ่งที่ยังไม่สําเร็จ จะเป็นเสาเป็นขื่อเป็นแป ฯลฯ มันไม่ได้สําเร็จมาเลยทีเดียวหรอก เราต้องไปแปลงสภาพมันขึ้นมา เสาเรือนก็ดี เดิมเกิดจากไม้ที่มันยาวมันคดอยู่ ซึ่งรวมอยู่กับต้นไม้นั่นแหละ เราต้องไปเลื่อย ไปแปรรูปออกมา #คนฉลาดก็สามารถนําเอามาสร้างบ้านเรือนได้

...เราก็เหมือนกัน ยังเป็นปุถุชนอยู่ มีลูกมีเมีย มีอะไรต่างๆ เป็นธรรมดาของโลก แต่ถ้าเรารู้จักการภาวนา รู้จักธรรมะแล้ว ก็สามารถระบายสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ผิด ออกได้ ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ ไม่น้อยก็มาก เหมือนกับเราแบกของหนัก เมื่อเอาทิ้งไป ทีละน้อยๆ ทิ้งบ่อยๆ มันก็เบาได้ เมื่อทิ้งไปๆ #ผลที่สุดก็วางหมด เหมือนกับเราแบกไม้ฟืนนั่นแหละ เมื่อถึงกระท่อมก็ทิ้งโครมเลย มันก็เบาเห็นไหมล่ะ นี่ความเบา เป็นอย่างนี้

...ความชั่วทั้งหลายที่เราทํามามันหนักใจของเรา เราค่อยฝึกหัดปฏิบัติไปๆ ใจมันก็ค่อยสว่างไสว #ของยากก็เลยกลายเป็นของง่าย ของมืดมันก็สว่าง ของสกปรก มันก็สะอาด รู้จักหลักประพฤติปฏิบัติอย่างนั้น รู้เรื่องอย่างนั้นก็คือธรรมะ ถ้าไม่ รู้เรื่องท่านบอกว่า..อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างนี้ เราก็ไม่รู้อะไร

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)







ผู้ที่ไม่มีสติ มักมองออกนอกตัว
เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะโยนไปให้คนอื่นตลอด
โดยไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองทำผิดหรือไม่
สุดท้ายแล้ว ความชั่วที่โยนออกไป
ก็ไม่ได้ไปที่ไหน ก็อยู่ที่ใจคนโยน นั่นเอง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนว่า…..
"เมื่อให้สิ่งใดกับใคร สิ่งนั้นก็จะอยู่กับเรา"

พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ





"เราทำดีต่อผู้อื่น อย่าไปคาดหวังว่า
ผู้อื่นจะต้องทำดีต่อเรา ถ้าเราเข้าใจในข้อนี้
จะไม่เป็นทุกข์ โดยไม่จำเป็น"

#โอวาทธรรมคำสอน
พระธรรมวิสุทธิมงคล
(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี







"..กรรมเก่าไม่มีใครลบล้างได้

กรรมปัจจุบันจะช่วยเจ้าเอง

จงจำไว้ลูกเอ๋ย ...

กรรมที่ทำด้วยเจตนาไม่ว่าดีหรือชั่ว

ย่อมมีผลต่อผู้กระทำทั้งสิ้น

ไม่มีพรหมเทพองค์ใด

จะช่วยเจ้าลบล้างกรรมนั้นได้

เจ้าจะต้องช่วยเหลือตนเอง

ด้วยการสวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา

ผลแห่งบุญอันเป็นกรรมปัจจุบันจะช่วยเจ้าเอง "

" มนุษย์รู้จักอาบน้ำชำระร่างกายวันละหลายๆ ครั้ง ทุกวัน ...

เพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งสกปรกโสโครกที่ติดเกาะเรือนร่างตน ...

แต่มนุษย์ไม่เคยที่จะคิดชำระล้างจิตใจให้สะอาดแม้เพียงหนึ่งนาที ...

ด้วยเหตุนี้จิตใจของมนุษย์จึงมีแต่ ความโลภ โกรธ หลง อันเป็นตัณหาเพิ่มพูนตลอดเวลา ...

ถ้ามนุษย์รู้จักการชำระล้างจิตใจ ด้วยการมีทาน ศีล ภาวนา ทุกๆ วัน ...

ความโลภ โกรธ หลง ก็จะค่อยหมดไปเอง ...

ถ้าละได้ทั้งสุขและทุกข์ เมื่อนั้นเราก็จะไม่สุขไม่ทุกข์

จิตก็จะเป็นอรหันต์.."

คำสอน
สมเด็จโต พรหมรังสี









"..ธรรมชาติของธรรมนั้น ปฏิบัติผู้บำเพ็ญเท่านั้นจึงจะรู้ได้ ครูบาอาจารย์หลายองค์ท่านไม่เคยลดละในการปฏิบัติธรรมเพราะการปฏิบัติธรรมที่เรากระทำอยู่เรื่อย ๆ เป็นนิจ โดยไม่หยุดยั้งผลย่อมเกิดขึ้นได้ทุกครั้งไปและจะสืบเนื่องกันไม่ขาคระยะ ตราบเท่าที่เราไม่ทิ้งการปฏิบัติธรรมนั้น เราเป็นฆราวาส ต้องพยายามทำคุณงามความดี ทำทาน รักษาศีล บำเพ็ญภาวนาให้เจริญแล้ว ปัญญาก็ย่อมเกิดตามมาเอง.."

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
วัดป่านิโครธาราม
ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
(พ.ศ.๒๔๔๕–๒๕๒๔)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO