ถ้าเราไม่ได้สหายที่ดี เราควรเที่ยวไปคนเดียว ...ประเสริฐกว่า...
#หลวงปู่ลี ตาณํกโร
พวกเราทุก ๆ คนถึงจะมีงานภายนอก ก็เป็นงานชั่วครั้งชั่วคราว แต่งานภายในของตัวเอง เรื่องสำรวมกายวาจาใจ เรื่องตั้งอกตั้งใจภาวนานี้ ถึงยังไงก็เหมือนกับเข็มทิศนะลูกหลานนะ ถึงจะหมุนไปทางไหนเข็มทิศก็ยังชี้ไปทางทิศเหนืออยู่ตลอด
นี่ก็เหมือนกัน ใจของเราที่เข้ามาในพระพุทธศาสนานี้ คือหมุนไปทางคุณงามความดี หมุนไปทางที่จะทำจิตใจจะพลิกยังไงจึงจะพ้นทุกข์ในวัฏสงสาร ตามแนวแถวของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ตามแนวแถวของพระพุทธเจ้า ที่ท่านได้ตรัสรู้ ที่บรรลุธรรม สำเร็จมรรคสำเร็จผล ที่เราได้ยินได้ศึกษามา
ใจของเราก็เช่นเดียวกัน ถึงจะอยู่ ณ สถานที่ใด ทำอะไรอยู่ก็ตาม แต่จิตใจของเรามุ่งหมุนไปทางทิศตะวันออก ไปทางทิศเหนืออยู่ตลอด ทำยังไงจะยกระดับจิตใจยังไง ถึงจะยกให้หลุดพ้นจากอาสวกิเลส จะไม่มาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
อันดับแรกก็สติสัมปชัญญะนี่แหละ การภาวนาเราต้องเน้นสติสัมปชัญญะ สติคือความระลึกได้ สัมปชัญญะคือความรู้ตัว ถ้าเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะเป็นเบื้องต้นแล้ว ต่อไปก็มีสมาธิ ถ้าหากว่าเราไม่ตั้งสติให้ดี สมาธิจะเกิดได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเรื่องสติเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ
การที่จะตั้งสติทำอย่างไร ตามแนวแถวของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ให้ภาวนานะ ก่อนหลับก่อนนอน หรือว่าเราเดินไปที่ใดก็ตาม ก้าวขาขวาพุท ขาซ้ายโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ เวลาเดินให้มีสติในการเดิน ภาวนาไปเรื่อยนะ เป็นการภาวนาอย่างมาก
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก จากพระธรรมเทศนา “ยกใจไกลจากทุกข์” แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๘
"..อนัตตา ถ้าหากตายไปในวันนี้ พรุ่งนี้ สิ่งต่างๆที่เคยมีและผ่านเข้ามา ตะเกียกตะกายดิ้นรนไข่วคว้า ทุกอย่างก็จะเป็นเพียงแค่ สิ่งที่ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ของเรา.."
โอวาทคำสอน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร
"..เราทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มภูมิ ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ แต่อย่าลืมตัวลืมวาสนาของตัว โดยลืมสร้างคุณงามความดีเสริมต่อภพชาติของเราที่เคยเป็นมนุษย์ จะเปลี่ยนแปลงและกลับกลายหายไป ชาติต่ำทรามที่ไม่ปรารถนาจะกลายมาเป็นตัวเราเข้าแล้วแก้ไม่ตก ความสูงศักดิ์ ความต่ำทราม ความสุขทุกขั้นจนถึงบรมสุข และความทุกข์ทุกขั้นจนเข้าขั้นมหันตทุกข์เหล่านี้ มีได้กับทุกคนตลอดสัตว์ถ้าตนเองทำให้มี อย่าเข้าใจว่าจะมีได้เฉพาะผู้กำลังเสวยอยู่เท่านั้น โดยผู้อื่นมีไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติกลาง แต่กลับกลายมาเป็นสมบัติจำเพาะของผู้ผลิตผู้ทำก็ได้ ฉะนั้นท่านจึงสอนไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน เมื่อเห็นเขาตกทุกข์หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้นหรือยิ่งกว่านั้นก็ได้ เมื่อถึงวาระเข้าจริง ๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมดีชั่วเรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น จึงมีทางเป็นได้เช่นเดียวกับผู้อื่น และผู้อื่นก็มีทางเป็นได้เช่นที่เราเป็นและเคยเป็น.."
ภูริทตฺตธมฺโมวาท พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร (พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒) อ้างอิงหนังสือชีวประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
|