นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 01 มิ.ย. 2025 9:27 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: การปฏิบัติธรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 18 พ.ค. 2025 12:06 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4937
"ร่างกายเขาให้โอกาสเราแล้ว แขนขายังดี จะรออะไรอีกล่ะ รอให้มันใช้ไม่ได้ก่อนเหรอถึงจะคิดทำ เอาให้มันเต็มที่ เดินจงกรมนั่งภาวนาให้มันเต็มที่ อย่างอื่นไม่เป็นสาระแก่นสารอะไรกับชีวิต ตายแล้วทิ้งคืนเขาหมด จะงมงายอะไรกับมันนักหนา ไปบำเพ็ญภาวนา มันจะได้สมบัติติดตัวเราไปด้วย เป็นสมบัติของเรา จะไปรอแก่ รอเจ็บ แค่แบกร่างกายแต่ละวันยังยาก จะให้มาเดินจงกรมภาวนา อย่าไปคิดเลยโยม เอามันตอนนี้เดี๋ยวนี้นี่ล่ะ"

#หลวงพ่อสมบูรณ์ กนฺตสีโล






“... ธรรมนั่นมิใช่ธรรมคาดคะเน
มิใช่ธรรมเดา แต่เป็นธรรมจริง ใครจริง
ในข้อวัตรปฏิบัติที่ประทานไว้

ผู้นั้นจะเข้าถึงธรรมจริงปราศจากความ
ด้นเดาใดๆ ทั้งสิ้น ...”
--------------------------------------------
#พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
(พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒)
#จากหนังสือปฏิปทาของพระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น_ภูริทัตตเถระ





#อานิสงส์สร้างพระพุทธรูป
ธ​รรมทาน #หลวงพ่อตอบปัญหา

ผู้ถาม : แล้วอย่างพระพุทธรูปที่บอกว่ายังไม่ เบิกพระเนตร หมายความว่าอย่างไรคะ...?

หลวงพ่อ : ถ้ายังไม่เบิกพระเนตร แสดงว่ายังไม่มีลูกตา พระองค์ไหนมีลูกตาแล้วพระองค์นั้นเบิกพระเนตรแล้ว ใช่ไหม...(ผู้ถามหัวเราะ)

หลวงพ่อ : ฉันว่ามันเป็นพิธีสมัยก่อนโน้นละมั้ง คือ เขาปั้นพระพุทธรูปแล้ว ยังไม่ได้ทำลูกตา เลยหาช่างมาทำลูกตามากกว่า เวลานี้ก็เลยเอาวิธีการนั้น พระที่วัดฉันไม่ต้องเบิกเนตร เห็นท่านมีตาทุกองค์ ใครเขาถามว่า เบิกพระเนตรหรือยัง...ฉันไม่ทำละ มีแล้วนี่
#ควรจะเบิกเนตรเราให้ดีเท่าเนตรท่านดีกว่าใช่ไหม...?

ผู้ถาม : แล้วถ้าหากว่าเรามีพระพุทธรูป แต่พระเนตรท่านปิดอย่างนี้ต้องเบิกพระเนตรไหมคะ...?

หลวงพ่อ : เอาล่ะซิ ขืนไปเบิกเข้า ตาท่านฉีกแน่ บาปต่อไปชาติหน้าตาเหลือก

ผู้ถาม : (หัวเราะ) คือท่านหลับตานั่งสมาธิค่ะ
หลวงพ่อ : เขาทำหลับตาก็ปล่อยให้หลับตา ทำ สมาธิก็ต้องหลับตาใช่ไหม...?

=====================
จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑ หน้า ๔-๕








#การมีคู่=#ทุกข์

​คนที่เขาแต่งงานกันน่ะ เห็นไหมว่า เขาทะเลาะกันน่ะมีบ้างหรือเปล่า เวลาก่อนที่จะแต่งงานกันเลือกแล้วเลือกอีก สวยหรือไม่สวย ดีหรือไม่ดี แหม...เลือกกันจ้ำจี้จ้ำไชเลือกน้อยเลือกใหญ่ สืบสาวราวเรื่อง สืบตระกูลกันไม่หวัดไม่ไหว พอแต่งงานกันไม่เท่าไรทะเลาะกันแล้ว ไอ้ความทุกข์ทั้งหลาย อย่างอื่นมันก็ติดตามเข้ามา นี่ความสวยความสง่าผ่าเผยที่ต้องการในลำดับแรก ในที่สุดความเศร้าหมองมันเกิดทรุดโทรมลงไปทุกวันๆ ดูคนที่เขาแต่งงานผ่านระยะเวลาประมาณ ๒๐ ปีแล้ว ไปขอดูรูปถ่ายที่เขาถ่ายเมื่อวันแต่งงานน่ะ มันคล้ายคลึงกันไหม ดีไม่ดีเราอาจจะจำไม่ได้คิดว่าผีหลอกก็ได้ มันทรุดโทรมขนาดนั้นมีลูกมีเต้าออกมา มันมีความสุขหรือความทุกข์ แบกภาระเรื่องการเลี้ยงลูกอย่างหนัก ในที่สุดต่างคนต่างตาย และร่างกายของคนที่เรารักมันสกปรกหรือว่ามันสะอาด...



จากหนังสือธรรม​ปฏิบัติ ๗๓ หลวงพ่อ
พระราชพรหมยาน​มหาเถระ (พระมหาวีระ ถาวโร)​
วัดจันทาราม (ท่าซุง)​ จังหวัดอุทัยธานี หน้า ๖-๗
พิมพ์​เป็นธรรม​ทาน​โดย​สุ​วิทย์​ ยิ้ม​ส​ำ​ราญ
เพจ:ค​ำ​สอน​หลวงพ่อ​พระราช​พรหม​ยาน

#รัก=#ทุกข์

เมื่อถึงคราวที่แต่งงาน อยู่คนเดียวคิดว่ามันไม่มีสุข แต่ความรักเกิดขึ้นในระหว่างเพศ สิ่งใดก็ตามถ้าเรารัก สิ่งนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า มันเป็นปัจจัยของความทุกข์ ตาม
พระบาลีว่า
#ปิยโต #ชายเต #โลโก
#ปิยโต #ชายเต #ภยัง
ซึ่งแปลว่า #ความเศร้าโศกเสียใจมาจากความรัก #ภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเราก็อาศัยความรักเป็นปัจจัย ทั้งนี้ เพราะอะไร เพราะสิ่งใดถ้าเราไม่รัก เราก็ปราศจากการหวงแหนใครผู้ใดที่ไหนมีความปรารถนาอะไร นั่นเราก็คิดว่าจงทำตามนั้น ทำตามปรารถนาของเธอ สิ่งใดที่เขาชอบใจจงเอาไปในสิ่งที่เราไม่รัก วัตถุก็ดีบุคคลก็ดี ถ้าเป็นสิ่งที่เรารัก ใครมายื้อแย่งเราก็โกรธ เพียงแค่ต้องการเราก็โกรธ ถ้าเขามายื้อแย่งอาจจะต้องประหัตประหารกัน เป็นอันว่าความรักเป็นปัจจัยของ ความทุกข์ ความรักเป็นปัจจัยทำให้เกิดภัยอันตรายต่างๆ.

จากหนังสือธรรมปฏิบัติ ๗๓ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน​มหาเถระ (พระมหาวีระ ถาวโร)
วัดจันทาราม (ท่าซุง)​ จังหวัดอุทัยธานี หน้า ๕-๖
พิมพ์​เป็นธรรม​ทาน​โดย​สุ​วิทย์​ ยิ้ม​ส​ำ​ราญ
เพจ:ค​ำ​สอน​หลวงพ่อ​พระราช​พรหม​ยาน







เจ้านี่มันเป็นเจ้าของขันธ์ห้า
ไม่มีใครขัดใจมันได้
เมื่อมันจะบัญชาให้ขันธ์ห้ามีอาการอย่างไรก็ต้องตามใจมัน
ถ้าขืนขัดใจมันก็จะเกิดทุกข์เปล่าๆ ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์ยอมรับนับถือมันเสีย
ทำให้เป็นธรรมดาเสีย

เหมือนกับเรื่องกินข้าวประจำ เวลาคิดว่าเราต้องกินแน่เมื่อถึงเวลากินก็ต้องกิน อารมณ์ใจมันก็ปกติเพราะมีอาการเคยชิน

เรื่องของร่างกายก็เหมือนกินข้าวประจำวัน ถ้าใครคิดว่าจะไม่มีอาการป่วยไข้ไม่สบาย คนนั้นก็โง่เต็มทน เรียกว่าโง่บัดซบ หาปัญญาไม่ได้เลย

โรคมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง โรคแปลว่าเสียดแทง คือมันสร้างความไม่สบายกายไม่สบายใจเป็นอาการของโรค อาการอย่างนี้พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า 'ทุกข์' เป็นทุกข์ในอริยสัจ

แม้ความหิวกระหายในอาหาร ท่านก็เรียกว่า 'โรค' บาลีที่ท่านตรัสไว้อย่างนี้ “ชิฆัจฉา ปรมา โรคา” (ปร อ่านว่า ประระ)

ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง เมื่อมันเป็นโรค มันก็มีอาการเป็นทุกข์แล้วก็ ความหิว ความต้องการความปรารถนามาจากไหน มันไม่มาจากร่างกายคือขันธ์ห้าหรอกหรือ

ถ้าเราไม่มีขันธ์ห้าแล้วมันจะมีอะไรเป็นทุกข์การที่จะไม่มีขันธ์ห้าต่อไปไม่มีอะไรยาก เราไม่ต้องการมันเสียก็หมดเรื่อง

นั่งคุยกับมันเล่นสักวันละ ๑ ชั่วโมง ครั้งละไม่ต้องมาก ครั้งละ ๕ นาที รวมเวลาหลายครั้งให้ได้ ๑ ชั่วโมง จะนั่งท่าไหนก็ได้หรือจะนอนจะยืน จะเดินก็ได้

คุยกับมันสำรวจตรวจสอบมัน ดูมันให้ทั่วว่ามันน่ารักตรงไหน มันมีตรงไหนเป็นสุขแท้ดูเอง ให้เห็นเอง อย่ามัวรับฟังจากคนอื่นแล้วก็จำด้วยสัญญาอย่างนี้ไม่พ้นวัฏฏะ

ต้องใช้ปัญญาพิจารณาตามความเป็นจริง เมื่อเห็นด้วยปัญญามันก็หมดเมา เมื่อหมดเมาก็หมดทุกข์ เมื่อหมดทุกข์ก็หมดภาระที่จะมีขันธ์ห้า

เมื่อขันธ์ห้าไม่มีก็หมดการเกิด เมื่อเกิดไม่มีแล้ว ก็หมดวัฏฏะ เมื่อวัฏฏะไม่มีก็ถึงนิพพาน เมื่อถึงนิพพานแล้วก็หมดธุระ เรื่องของนิพพานหมดภารธุระจริงๆ

สวรรค์หรือพรหม ต้องการอะไรยังต้องนึก พอนึกมันก็ปรากฏแต่นิพพานไม่ต้องนึก ฉันไปที่นิพพานมันสบายจริงๆ เดินเล่นแถวบริเวณที่อยู่

พอคิดว่าจะนั่งก็มีแท่นแก้วมารับ พอคิดว่าจะนอนก็มีที่นอนมารับทันที ฉันแปลกใจว่ายังไม่คิดว่าต้องการมันมาได้อย่างไร

สมเด็จท่านบอกว่านิพพานเป็นอย่างนี้ อะไรเหมาะสมก็มีมาเอง ไม่ต้องหา ท่านจึงเรียกว่าเอกันตบรมสุข แปลว่าสุขอย่างเยี่ยม

คุยกันไปตามภาษาคนเบื่อโลกและเบื่อเกิดนะเมื่อคิดถึงว่าเราจะไปนิพพานก็อย่าทำมืออ่อนเท้าอ่อน ทำอะไรไม่ไหวไม่ถูกนะต้องเป็นคนเข้มแข็งต่อการงาน

งานทุกอย่างในหน้าที่ต้องไม่บกพร่อง คิดว่าเราทำตามหน้าที่คนไม่บกพร่องไม่ท้อถอยเท่านั้น จึงจะไปนิพพานได้คนอ่อนแอไปนิพพานไม่ได้

ทำมันจนเต็มความสามารถทำชนิดทิ้งทวนคิดว่าชาตินี้ชาติเดียวที่เราจะทำ ต่อไปเลิกแล้ว ขอถวายบังคมลาเจ้าวัฏฏะและตัณหาทุกประการ เท่านี้ก็ไปนิพพานได้อย่างสบาย ไม่เห็นมีอะไรยาก ฯลฯ

ขอลูกและทุกคนจงมีความสุขตลอดไปเถิด
..........................
พระมหาวีระ ถาวโร
วัดท่าซุง
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๑๕







นักปฏิบัติจริง ๆ ต้องไม่แคร์สื่อ ถ้ามัวแต่ฟังคำชาวบ้านก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไร ใครจะว่าบ้า เราก็บ้าไปกับเขา นี่ยังดี สมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ มีคุณยายท่านหนึ่ง มาจากทางชายแดนตาพระยา ไม่แน่ใจว่าทั้งหมู่บ้านหรือทั้งตำบลมีท่านปฏิบัติธรรมอยู่คนเดียว แล้วคนทั้งหมดเขาว่าคุณยายท่านบ้า คุณยายคนนี้ก็มาถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่บ้านสายลม มาถึงแต่เช้ามืดเลย นั่งรถมา ๒ วัน สมัยนั้นเดินทางจากตาพระยามากรุงเทพฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะจ๊ะ เพราะว่าถนนสายใหม่ที่ออกทางจันทบุรี - สระแก้วยังไม่มี ต้องวิ่งไปนครนายกเข้าปราจีนบุรี กว่าจะถึงตาพระยาต้องหยุดกินข้าวกลางวันกลางทาง

อาตมาเองสมัยนั้นประจำการอยู่ที่นั่น ก็ต้องไปแวะกินข้าวที่ปราจีนบุรีก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ นั่งรถมาเป็นวัน แล้วก็ไม่รู้คุณยายออกจากหมู่บ้านมาอย่างไร บอกว่ากว่าจะมาถึงนี่ ๒ วัน มาเพื่อจะถามปัญหากับหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่าสิ่งที่คุณยายทำนั้นบ้าหรือเปล่า ? หลวงพ่อฤๅษีฯ ก็บอกว่า "ยายปกติดี แต่พวกนั้นทั้งหมู่บ้านน่ะบ้า" คุณยายนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลเข้าวัดสวดมนต์ ทุกคนก็หาว่าคุณยายบ้า

แต่ว่าคุณยายใช้ภาษาส่วยปนเขมรปนไทย ฟังยากอย่าบอกใครเลย พอดีว่าอาตมาเคยไปอยู่ชายแดนเขมรมาปีกว่า จึงพอฟังรู้เรื่อง พอคุณยายพูดมาทั้งบ้านสายลมมึนหมด หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า “เฮ้ย...ใครฟังออก ช่วยเป็นล่ามให้หน่อย” อาตมาก็บอกว่า "ผมพอได้ครับ" แล้วก็แปลให้ท่านฟัง ปรากฏว่าเพิ่งจะรู้ว่าจริง ๆ หลวงพ่อท่านฟังออก แล้วท่านเข้าใจด้วย เพียงแต่ว่า ท่านก็เกรงว่าถ้าไปรู้ทุกเรื่อง เดี๋ยวจะลำบากกันทีหลัง ท่านก็เลยหาคนแปล ที่รู้ว่าท่านฟังออกเพราะว่าพอแปล ๆ ไปแล้วอาตมาเหนื่อยก็หยุด คุณยายก็ถามต่อ แล้วหลวงพ่อตอบตรงคำถามเป๊ะ ถ้าคนฟังไม่รู้เรื่องจะตอบได้อย่างไร

สรุปว่าคนที่จะเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติต้องไม่แคร์สื่อ ว่าอย่างนั้นเถอะ

ส่วนลูกศิษย์ของคุณอารีรัตน์เมื่อครู่นี้ นั่นเขาไม่แคร์สื่อหนักว่านี้อีก เรียนอยู่ชั้น ม. ๕ พอถึงเวลาครูออกข้อสอบอัตนัย ต้องเขียนอธิบายกันยาว เพื่อน ๆ ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำ ส่วนเขาก็นั่งกราบพระกับพื้น สวดมนต์เสียนานเลยแล้วค่อยทำ ไม่แคร์สื่อจริง ๆ

เราลองไปนึกถึงเด็ก ๆ อยู่ชั้น ม. ๕ พอถึงเวลาคนอื่นทำข้อสอบ ก็นั่งกราบพระสวดมนต์ไปเรื่อย ไม่สนใจว่าเพื่อนจะมองอย่างไร สวดมนต์เสร็จค่อยทำข้อสอบ อย่างนั้นจริง ๆ แสดงว่าเขาตั้งใจทำสมาธิก่อน ต้องเป็นคนที่เห็นประโยชน์จริง ๆ ว่าสมาธิช่วยได้ เขาถึงได้ทำ

บุคคลที่เห็นประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม รู้ว่าสิ่งนี้ดีเขาก็ทำ จะไม่อายใคร แต่พอไปอีกระยะหนึ่งก็จะอยู่ในลักษณะที่ว่าปัญญาเริ่มมาก ก็รู้ว่าถ้าทำอย่างนี้บางคนจะมีโทษ เพราะตามที่เขาโดนมาก็คือ เพื่อนทั้งห้องทั้งโรงเรียนว่าเขาบ้า ฉะนั้น..คนที่ไปว่าผู้ปฏิบัติธรรมบ้า ชาติต่อไปก็มีหวังได้บ้า ๆ บอ ๆ กันบ้าง ถ้ารู้โทษแล้วเดี๋ยวต่อไปก็จะพยายามปิดบังตัวเอง จะเนียนขึ้น ตอนนี้ยังไม่แคร์สื่อ ใส่เต็มที่ไปก่อน

..........................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
..........................................







ถาม : ทำบุญอย่างไรให้ได้บุญสูงสุดคะ ?
ตอบ : ฝึกกรรมฐานให้ได้สมาบัติ ๘ จะได้บุญที่สุด รีบไปทำด่วน...! จำไว้ว่า ถ้าบุญในส่วนของทาน ต่อให้ทำขนาดไหนก็ไม่เกินศีล แล้วรักษาศีลขนาดไหนก็ไม่เกินภาวนา ฉะนั้น...ไปภาวนาให้มากเข้าไว้ แต่ในส่วนของทานกับศีลก็อย่าไปทิ้ง ให้ทำควบคู่กันไปด้วย
สมัยก่อนมีคนไปสรรเสริญหลวงปู่ดูลย์ ว่าได้สร้างโบสถ์ได้สร้างศาลา ช่างเป็นบุญที่ใหญ่เสียจริง ๆ ท่านก็หัวเราะนิดหนึ่ง "เฮอะ...ถ้าอยากได้บุญ ใครจะมาเอาบุญอย่างนั้น" คนเขาตีความไม่ออก สร้างโบสถ์ได้บุญมหาศาลเลย แต่เขาลืมไปว่าโบสถ์ก็เป็นแค่วิหารทาน ยังอยู่ในส่วนของทาน ยังก้าวไปไม่ถึงศีลเลย ยังมีภาวนาอีก แล้วหลวงปู่ดูลย์ท่านก็พูดสั้น ๆ ด้วย ถ้าคนตีความไม่ออก ก็จะเข้าใจผิดไปเลย ไปสงสัยว่าถ้าท่านไม่สรรเสริญในทาน แล้วจะสร้างไปทำไม ?

........................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
......................................


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 25 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO