นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พุธ 03 ก.ย. 2025 11:06 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ศีล สมาธิ ปัญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 11 พ.ค. 2025 5:19 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 5038
“อยากให้แต่พระคุ้มครอง
เหลียวเบิ่งเจ้าของกินแต่เหล้า
พระใสสิมาคุ้มครองอยู่หั๊น”

โอวาทธรรมคำสอน
#หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ
วัดป่าเวฬุวนาราม อ.วังสะพุง จ.เลย






"จิตปล่อยจิต" เป็นธรรม "อันเดียว"

"..เป็นธาตุที่บริสุทธิ์เป็นมหัศจรรย์ ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ ทาง "สมาธิปัญญา" ใดที่เคยผ่านมา

พอ "จิตวางปั๊บ" ฮุกหมัดเด็ดคือ "วิปัสสนาญาณ" เข้าปลายคาง ธรรมชาติอันนี้หยั่งลึกเกินอธิบาย เป็น "อจินไตย"

ตามดูลมหายใจไปด้วย ผ่อนลงไป...ผ่อนลงไป... ทีแรกมันอยู่ตรงนี้ พออยู่ตรงนี้หมด... หมด... หมด... หมดขึ้นมาเรื่อย หมดขึ้นมาเรื่อย อยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนี้ ยังมีอีกนิดๆ

เราก็พิจารณาอยู่ ยังไม่หมดนี่ พิจารณาค้นอยู่อย่างนั้นตลอด

พอพิจารณาตรงนี้มันดับหมดแล้ว เราก็ "หยุดความคิด" คือเรียกว่า “หยุดความค้น”

ลองวางปั๊บ แหม !! มันขาดเชียว

การ "ขาด" ครั้งนี้ไม่เหมือนการขาดลงอย่างที่ผ่านๆ มา

พอจิตวางปั๊บ... "จิตมีอิสรภาพอย่างสูงสุด" ปล่อยวาง "สังขารโลก" "คว่ำวัฏจักร วัฏจิต แหวกอวิชชาและโมหะ" อันเป็นประดุจตาข่าย

ด้วยการฮุกหมัดเด็ดคือวิปัสสนาญาณ เข้าปลายคาง

"อวิชชา" ถึงตาย ไม่มีวันฟื้น !!

พระพุทธเจ้าพระองค์อยู่ที่ใดทราบได้อย่างประจักษ์ใจ คำว่า "เป็นหนึ่ง" นั้น ไม่มีความหมายใดจะอธิบายต่อได้อีก

"ภพ" "ชาติ" ที่หมุนวนมา ตั้งกัปตั้งกัลป์นั้น เป็นความโง่ที่ไม่อาจให้อภัยได้

"ชาติ" "สังขาร" อยู่ที่ใด "ใจ" ไม่เกี่ยวเกาะ สิ่งที่จิตเคยเกี่ยวเกาะ ถูกลบด้วย "ธรรมชาติ" ที่เป็น "หนึ่ง" นั้น

จะว่าบริสุทธิ์ก็พอจะคาดเดาได้ แต่ธรรมชาติอันนี้หยั่งลึกเกินอธิบาย เป็น "อจินไตย"

สำหรับปุถุชน ไม่ควรถามคิดให้ปวดหัว

"ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ" ไม่มีช่องทางให้ "อวิชชา" เดิน ถูกปิดด้วย "มหาสติ มหาปัญญา"

"วิปัสสนาญาณ" ตีตะล่อมเข้าภายใน หักล้าง "อวิชชา" อันเป็นตัวการ

"จิตปล่อยจิต" เป็น "ธรรมอันเดียว" เป็น "ธาตุที่บริสุทธิ์" เป็น "มหัศจรรย์" ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ทาง "สมาธิปัญญาใด" ที่เคยผ่านมา.."

โอวาทธรรมคำสอน
พระครูสุทธิธรรมรังษี (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท)
วัดป่าภูริตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง







"..ถ้าประมาทในชาติมนุษย์
ไม่พยายามสร้างความดีไว้เสริมต่อ
ในภพชาติต่อไป ทางที่จะได้เกิดเป็นสัตว์
มีมากกว่าทางที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์.."

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต






"..จงเร่งภาวนา ภัยมีอยู่รอบด้าน หากยามใดท้อถอยเหนื่อยหน่าย
ต่อการปฏิบัติ ก็ให้ระลึกถึงภัยข้างหน้าที่จะมีมา ต้องตระหนักว่า
ขณะนี้เรายังอยู่ในมรสุม อยู่ท่ามกลางคลื่นภัยนั้น มีอยู่รอบด้าน
เอาไว้ให้ถึงฝั่งเสียก่อน อย่ามัวเที่ยวเก็บเที่ยวชมดอกไม้
มืดค่ำแล้ว เดี๋ยวจะหาทางออกไม่พบ.."

โอวาทธรรมคำสอน
พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส
ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร







ความโกรธค่อยๆ เพิ่ม เล็กๆ เป็นกำปั้น มากๆ ก็เป็นปืน

ทำอย่างไรได้อย่างนั้น

หลวงพ่อเดินธุดงค์มาเยอะ กล้ามเนื้อขาก็แข็งแรง ทำอย่างไรได้อย่างนั้น

หลวงพ่อมีความโกรธ แต่หลวงพ่อไม่เอามาใช้ ความโมโหมีทุกคน แต่หลวงพ่อไม่เอามาใช้

หลวงพ่อไม่อยู่ซ้อนคนอื่น มาสร้างวัดเอง

ถ้าคนอื่นมาอยู่มาทะเลาะกันก็เหมือน...หมาเห่าผิดถิ่น

หลวงพ่อไม่เถียงคน ได้ยินว่าก็...แค่นั้น

แต่...แค่นั้น...ทำไม่ได้ทุกคน บางคนได้ยินจะคิดว่า...ยอมแม่งทำไม

ถ้าหยุด ก็ไม่มีเรื่อง

คุกเอาไว้ขังคนที่ยอมไม่เป็น

ธัมโมวาท

#หลวงปู่ลี ตาณํกโร
วัดหัวตลุกวนาราม
10 พฤษภาคม 2568






#สร้างบุญให้เกิดขึ้นที่ใจทุกเวลา

อิริยาบถทั้ง 4 คือ ยืน เดิน นั่ง นอน นั้นนะสร้างบุญขึ้นมาได้ เช่น เราเดินไปก็ระลึกพุทโธไป เรานั่งอยู่ก็ระลึกพุทโธ เรานอนอยู่ก็ระลึกพุทโธ พยายามทำให้มันติดต่อ ทำการทำงานก็ระลึกพุทโธอยู่ อย่างท่านฯ ไปสอนชาวบ้านนอกนะ ถึงฤดูทำไร่ เขาไปดายหญ้า สับจอบสับเสียมลงดิน ก็ให้ระลึกพุทโธ เวลาเกี่ยวข้าวก็เหมือนกันแหละ เกี่ยวกอหนึ่งก็พุทโธ เกี่ยวกอสองก็พุทโธ หมายความว่า งานที่เราทำก็ได้ บุญเราก็ได้ อันนี้เป็นลักษณะของบุคคลผู้มีปัญญา ทำการงานทุกอย่าง อย่าทิ้งพุทโธ เพราะเหตุไร เพราะว่าบุญเกิดทางใจ
.
บุญนั้นไม่ได้เกิดแต่การบริจาคทานอย่างเดียว บุญเกิดจากการรักษาศีล บุญเกิดจากการภาวนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเจริญภาวนา เป็นบุญที่สามารถทำได้ไม่เลือกบุคคล ไม่ว่าจะเป็นคนแก่คนเฒ่าหรือเด็ก หญิงหรือชาย หรือคนเจ็บป่วยก็ตาม สามารถทำได้
.
คนที่มีสติปัญญา ยืน เดิน นั่ง นอน ก็เป็นบุญแล้ว ทำการทำงานก็เป็นบุญ ทุกสาขาอาชีพที่เป็นอาชีพบริสุทธิ์ ถ้าเราระลึกพุทโธคราวใด บุญก็เกิดขึ้นคราวนั้น ไม่ต้องหาไกล คนมีปัญญาไม่ต้องหาไกล หาอยู่ในกาย หาอยู่ในวาจา หาอยู่ในจิต
.
ศาสนานั้นอยู่ในธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6 ท่านฯ บอกว่า มีกล่าวไว้ในคัมภีร์วินัย ขันธปัญญธาตุ อายตนะอยู่ที่ไหน ไม่ใช่อยู่ในตัวเราหรอกหรือ เพราะเหตุนั้นศาสนาจึงอยู่ในตัวเรา สมบูรณ์แบบไม่บกพร่อง นอกจากเราจะเสริมสร้างให้มัน เพื่อให้เรารู้จักศาสนาในตัวของเรา นี่คือบุคคลผู้ที่เป็นพุทธแท้ ท่านบอกอย่างนั้น
.
ศาสนายังแบ่งออกเป็นศาสนาภายนอกและศาสนาภายใน ศาสนาภายนอก คือ พระสงฆ์ สามเณร วัด กุฎี วิหาร ศาลาการเปรียญ เจดีย์ เป็นต้น ส่วนศาสนาภายใน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา มันมีอยู่แล้ว ตั้งอยู่ในบุคคล แต่บุคคลไม่รู้ว่า อะไรคือศาสนาภายนอก ภายใน การบำรุงพระพุทธศาสนาเราจะต้องบำรุงไปพร้อมกัน ภายนอกก็บำรุง ภายในก็บำรุง ถ้าเราจะบำรุงแต่ภายนอก ทิ้งภายในเสีย เราก็ไม่รู้จักศาสนาอยู่ในตัวเราเอง
.
อุปมาเปรียบเหมือน ทุกคนมีสองขา ขาหนึ่งมัดติดไว้เสียไม่ใช่ หมายความว่า เราเดินได้ แต่ไม่สะดวก นั่นคือรักษาแต่ศาสนาภายนอก ศาสนาภายในไม่รักษา
.
เหมือนกันกับรักษาศาสนาภายใน ภายนอกไม่รักษา ก็เปรียบเหมือนมีสองขา แต่ใช้ขาเดียว
.
เพราะฉะนั้นการบำรุงศาสนา จึงต้องบำรุงไปพร้อมกัน ทั้งศาสนาภายนอกและศาสนาภายใน ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา ส่วนมากจะไม่เข้าใจอย่างนี้ ท่านจึงว่า ทำอะไรให้มีสติปัญญา
.
เกร็ดประวัติ และ ปกิณกธรรมของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
จากหนังสือ "รำลึกวันวาน" โดยหลวงตาทองคำ จารุวัณโณ






...อารมณ์ที่มันมากระทบทาง ตาก็ดี..ทางหูก็ดี..ทางจมูกก็ดี..ทางลิ้นก็ดี..ทางกายก็ดี..ทางจิตก็ดี #มันก็เหมือนคนภายนอก คนภายนอกมันเป็นตัวเป็นตน #เป็นรูปธรรม แต่เมื่อเราไปพบเข้า เสร็จแล้วกลับให้มันเปลี่ยนเข้าไปเป็น..#นามธรรมติดอยู่ในใจของเรา

...ถ้าเรารู้จักอารมณ์ภายใน มันก็รู้จักอารมณ์ภายนอก รู้จักอารมณ์ภายนอก มันก็รู้จักอารมณ์ภายใน ที่ท่านกล่าวว่า #อัชฌัตตา..#ธัมมา..#พหิทธา..#ธัมมา #ภายในมันก็เป็นอย่างนี้ภายนอกมันก็เป็นอย่างนั้น ทั้งภายนอก ภายในเอามาปนกันเข้าอีก มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น ถ้ามันเห็นชัดขึ้นเมื่อไร ก็เป็นความเห็นชัดในธรรมะ ไม่ใช่ว่า นั่งอยู่มันเห็นชัด ยืนมันเห็นชัด นอนมันเห็นชัด อะไรก็ช่างไม่เกี่ยวกับอิริยาบถ มันจะยืนอยู่ก็ตาม จะเดินก็ตาม จะนั่งก็ตาม จะนอนก็ตาม

...ฉะนั้น ท่านจึงว่าทําจิตให้..#มันสม่ำเสมอกับอิริยาบถ ทําอิริยาบถให้มันเสมอ การยืน การเดิน การนั่ง การนอน เรียกว่า "อิริยาบถ"

#พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)






“... คนที่ไม่มี.. ทาน ศีล ภาวนา
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นคนยากจน ...”
__________________________________
วาทะธรรมท่านพ่อลี ธมฺมธโร วัดป่าคลองกุ้ง จันทบุรี ๗กุมภาพันธ์ ๒๔๙๘
#พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
#พระอาจารย์ลี_ธมฺมธโร
วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ (พ.ศ. ๒๔๔๙ – ๒๕๐๔)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO