นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 01 มิ.ย. 2025 9:49 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: คุณธรรมอันดีงาม
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 05 พ.ค. 2025 5:24 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4937
"..ธรรมะใดที่เราฟังแล้วทำให้จิตรวมได้ ธรรมะนั้นเป็นธรรมะจริง เข้ากับจิตเราได้ ให้ฟังบ่อยๆ แต่ถ้าธรรมะใด ฟังแล้วเกิดความสนุกสนาน ธรรมนั้นไม่ได้ส่งถึงใจ จิตมันไม่รวม ฟังแล้วสนุกอยู่ที่หู ไม่เข้าถึงใจ ฟังไปนั้นเกิดประโยชน์น้อย หรือไม่เกิดประโยชน์เลย ท่านเรียกว่า ฟังเทศน์ไม่จริง.."

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี





" ตั้งใจภาวนา อย่าให้เสียชาติเกิดนะ เกิดเปล่าๆ ตายเปล่า ๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ เกิดมาทั้งที ได้พบพระพุทธศาสนาชั้นยอด พบครูบาอาจารย์ชั้นยอด บุญสุด ๆ แล้ว จะหาได้ในสามโลกธาตุนี้ วาสนาสุดๆแล้วในบรรดาสัตว์โลกเรา อย่าตายทิ้งเปล่า ๆ เท่านั้น "

หลวงพ่อวันชัย วิจิตโต
วัดภูสังโฆ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี





"..มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่งที่พาให้มาเป็นอย่างนี้ ซึ่งล้วนผ่านกำเนิดต่าง ๆ มา จนนับไม่ถ้วน ให้ตะหนักในกรรมของสัตว์ว่ามีต่าง ๆ กัน เพราะฉะนั้น ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามในชาติกำเนิดความเป็นอยู่ของกันและกัน และสอนให้รู้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมดี กรรมชั่วเป็นของ ๆ ตน ควรมีความเมตตาในสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นเดียวกับเรา ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร
(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)






"..เรียนมามากเท่าไรให้กิเลสเอาไปถลุงหมด ใช้ไม่ได้นะ เมืองไทยเรานี้เรียนมากเรียนสูงถึงขั้นดอกเตอร์ดอกแต้อะไรก็ไม่รู้ละ แต่ความประพฤติลงอยู่ใต้พื้น กับความคิดที่เรียนมาเข้ากันไม่ได้เลย เรียนวิชาทางโลกมา ต้องเอาวิชาทางธรรมเข้าไปแทรก ถ้าไม่แทรกใช้การงานอะไรไม่ได้ มันพาคนให้เสียเพราะความลืมเนื้อลืมตัว เย่อหยิ่งนั่นแหละสำคัญ วิชาของกิเลสมักเย่อหยิ่งเสมอ วิชาของธรรมถ้าเป็นธรรมจริงๆ ไม่เย่อไม่หยิ่ง เรียนรู้มากเท่าไรปฏิบัติหนักมากเท่าไรยิ่งสวยงามน่าดูน่าชมวิชาธรรม ถ้ากิเลสเข้าไปแทรกแล้ววิชาธรรมก็กลายเป็นโลกไปหมด แล้วเสีย.."

ญาณสัมปันโนวาท
พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี






...สุขที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ทุกข์ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้น #ท่านพูดเป็นอาการของมันเท่านั้น ลักษณะนั้นมันเป็นอย่างนั้น อาการมันเป็นอย่างนั้นเฉยๆ สักแต่ว่าอารมณ์มันวูบขึ้นมาทีเดียวเท่านั้นมันก็หายไป ก็ไม่มีอะไร #ตัวสุขนั้นมันก็ไม่มี #ตัวทุกข์นั้นมันก็ไม่มี

...#ถ้าเราไปยึดมั่นถือมั่น..มันก็มีขึ้นมาตรงนั้น เดี๋ยวนั้น เช่นว่าเราได้ยินเสียง อย่างนี้เป็นต้น พอเสียงมันดัง อย่างที่ว่าเราวางอะไรลงพื้นนี้มันเสียงดังเป๊ะ ยังไม่เกิดอะไรขึ้นมา มีแต่เสียงเป๊ะเท่านั้นน่ะ ไม่มีอะไร มีแต่เสียงเฉยๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมา ยังไม่เป็นอะไร ต่อไปถ้าเราคิดว่า เอ หรือตุ๊กแกมันหล่นลงพื้น ต่อไปนะ เราก็กลัว เท่านั้นแหละ หรืองูมันตกลงตรงนี้ มันหล่นตรงนี้ มันก็กลัวเท่านั้นแหละ ที่หนึ่งนะ มันกระทบเฉยๆ แต่ที่สองน่ะมันต่อไปแล้ว งูหรือตุ๊กแกหรืออะไรทั้งหลายต่อไป

...เสียงก็เหมือนกัน พอได้ยินไป แค่นี้มันก็มีเสียงเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรต่อไป ต่ออีกพอกระทบมันก็จะเกิดอีกต่อหนึ่งนะ นี่เสียงผู้หญิงนี่ หรือเสียงผู้ชาย มันต่อไป ความเป็นจริงเสียงครั้งแรก มันไม่เป็นใคร มันมีสัมผัสเฉยๆ เท่านั้นแหละ พอมีเสียงพับขึ้นมาเท่านั้นแหละ เออ...ผู้ชายหรือผู้หญิงๆ มันไม่ว่าหรอก มันมีแค่ เสียงเฉยๆ พอต่อไปนี้ เออ...เสียงผู้หญิงนี้ พอใจว่าเสียงผู้หญิง เป็นต้น มันก็มีความรู้สึกที่ว่าเป็นผู้หญิง มันเป็นปฏิปักษ์กันกับผู้ชาย และเมื่อคิดต่อเรื่อยๆ ไป มันเป็นอายตนะอย่างนั้น ถ้าหากว่าเราเข้าใจในตัวของเรา เข้าใจในจิตของเจ้าของนะ มันก็ง่ายขึ้น ความเป็นจริงมันคนละครั้ง คนละคราว มันไม่ติดๆ กัน มันคนละอย่าง

...ดังนั้นการปฏิบัตินี้ท่านว่า ให้มีสติ เราก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ให้มีสัมปชัญญะ ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ความเป็นจริงตัวสตินี่ ตัวสัมปชัญญะนี่ คือให้ระลึกได้ ทําให้มัน รู้ตัว ๒ อย่างนี้มันเป็นพื้นอยู่แล้ว ถ้ามีสิ่งทั้ง ๒ อย่างนี้เป็นธรรม ๒ อย่าง สติสัมปชัญญะ #สติ นี้ก็แปลว่า #ระลึกได้ #สัมปชัญญะ ก็แปลว่า #รู้ตัว เมื่อเกิด ๒ อย่างนี้ #มันจะไปดึงเอาปัญญามา..วิ่งเข้ามาดูสิ..รู้ไหม..รู้ตัวไหม..หรือไม่รู้ตัวไหม..อะไรไหม #มันจะรู้แจ้งเพราะปัญญากระทบเข้ามาอีก ดึงเข้ามาดูอย่างนี้ อันนี้พูดถึงอาการจิต มันก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น มันต่อไต่ไปอย่างนี้

#พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)







"กรรมดี หรือชั่ว ถ้าได้ทำลงไปแล้ว
ถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้เรื่องที่เราทำ
ตัวเรานั้นแหละ รู้ตัวเองดีที่สุด

ถึงจะโกหกคนทั้งโลกได้
แต่เราจะโกหกความจริงไม่ได้
ปากคนเราพูดจริง พูดเท็จได้
แต่จิตไม่เคยบอกเท็จในเรื่องกรรม
พอตายไปแล้ว ยมบาลไม่ต้องถามให้ยาก

จิตเราที่บันทึกกรรมดีชั่ว
จะอธิบายบอกเล่าให้ฟังเอง"

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม







"พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย
ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่
ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ทุกอย่างในโลกนี้เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น
ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ"

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้






#ของดีที่หลวงปู่มอบให้ลูกหลานทุกคน

"... ของดีอะไร อะไรคือของดี ของดีก็มีอยู่ด้วยกันทุกคนแล้ว การที่ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้พยาธินั้น ก็มีของดีแล้ว
การมีร่างกายแข็งแรง มีอวัยวะ ครบถ้วน ไม่บกพร่องวิกลวิการ อันนี้ก็เป็นของดีแล้ว

... ของดีมีอยู่ในตน ไม่รู้จะไปเอาของดีที่ไหนอีก สมบัติของดีจากเจ้าพ่อ เจ้าเแม่ให้มา ก็เป็น ของดีอยู่แล้ว มีอยู่แล้วทุกคน จะไปเอาของดีที่ไหนอีก
ของดีก็ต้องทำให้มันเกิดมันมีขึ้นในจิตใจของตน ความดีอันใด ที่ยังไม่มี ก็ต้องเพียรพยายาม ทำให้เกิดให้มีขึ้นนี่แหละของดี

... ของดีอยู่แล้ว ในตัวของเราทุกๆ คน มองให้มันเห็น หาให้มันเห็น ภายในตนของตนนี่แหละ จึงใช้ได้ ถ้าไปมองหาแสวงหาของดี ภายนอกแล้วใช้ไม่ได้ ..."

โอวาทธรรม
#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๓๐ -​ ๒๕๒๘)






#ร่างกายนี่มันไม่เที่ยง

เราจะบำรุงอย่างไร อย่างไรมันก็ต้องทรุดโทรมอยู่นั่นแหละ
ส่วนจิตใจนี่ เราบำรุงด้วยบุญ ด้วยกุศล
ด้วยคุณธรรมอันดีอันงาม ย่อมมีความสุข ความสงบ เบิกบานทั้งกลางวันและกลางคืน

โอวาทธรรม
#หลวงปู่เหรียญ_วรลาโภ





ระหว่างการกระทําเราก็ต้องผ่านบางช่วง
แบบล้มลุกคลุกคลาน ยากลําบาก แต่เราต้อง
อดทนใจเย็น ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป อย่างน้อย
ก็ถือว่าเป็นการบูชาคุณของพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ด้วยการกระทํา ไม่ต้อง
ไปคิดแต่ว่าเราได้อะไรจากการนั่งสมาธิ
เราคิดว่าเราให้อะไรกับการนั่งสมาธิ เราก็
ให้ความปฏิบัติของเราเป็นการบูชาคุณ
พระศรีรัตนตรัย แค่นี้ก่อนก็ได้

ก็จะต้องมีมารต้องมีอุปสรรค ต้องมีปัญหา
ตลอดทางเดิน เบื้องต้นค่อนข้างจะหยาบ
ปฏิบัติไปสักระยะหนึ่งเริ่มจะละเอียดอ่อน
แต่เราประมาทไม่ได้ ต้องตื่นรู้อยู่ตลอดเวลา
มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ค่อยๆ แก้ปัญหาไป
การแก้ปัญหาคือการปลูกฝังปัญญานั่นเอง ...

พระอาจารย์ชยสาโร
นำสมาธิภาวนา ในวาระปฏิบัติธรรมบ้านบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๗ ณ บ้านบุญ
ปากช่อง นครราชสีมา






พระพุทธเจ้าฝึกพระทัยของพระองค์
จนกระทั่งสิ่งแวดล้อมภายนอก
ไม่มีอิทธิพลต่อพระทัยของพระองค์ได้
ยิ่งมีปัญหามาก ปัญญาก็ยิ่งมาก
เพราะจะต้องรักษาตัวเอง
จิตพอฝึกไปจนถึงที่สุดแล้ว
จะรักษาตัวเองไม่ให้เป็นทุกข์เด็ดขาด
หมายความว่า “เป็นทุกข์เมื่อไหร่โง่เมื่อนั้น”
จิตจะไม่ยอมโง่ เพราะฉลาดพอแล้ว
ฉลาดเกินกว่าที่จะทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ได้
นี่คือจิตของพระอรหันต์
เป้าหมายของผู้ปฏิบัติธรรม
ก็ต้องมุ่งตรงไปที่ความไม่มีทุกข์เช่นกัน
.
พระอาจารย์ครรชิต สุทฺธิจิตฺโต
วัดป่าภูไม้ฮาว จ. มุกดาหาร





#คนโบราณท่านมีคติดี

เวลาไปไหนมาไหนต้อง
1.นิ่งได้
2.ทนได้
3.รอได้
4.ช้าได้
5.ดีได้

คนสมัยนี้นิ่งไม่ได้ ปากไม่ดี ทนไม่ได้
อยู่ไม่ได้อีก รอก็ไม่ได้ ช้าก็ไม่ได้
จึงเอาดีกันไม่ค่อยจะได้
ในยุคสมัยใหม่ปัจจุบันนี้
สิ่งเหล่านี้มีความหมายมาก
แต่ทุกคนไม่เคยคิด

ใครตั้งใจ “ทำดี” อย่าไปกังวลเรื่อง “ปากคน” เพราะต่อให้เรา “ดี” ขนาดไหน หากไม่ถูก “กิเลส” เขา เขาก็ไม่ชอบ ไม่เข้าใจ เขาก็ตำหนิ ดังนั้น ดี-ชั่ว ไม่ได้อยู่ที่เขาว่าเรา แต่อยู่ที่เราเองทั้งหมด เรารู้เราเองก็เพียงพอแล้ว

โอวาทธรรม
#หลวงพ่อจรัญ_ฐิตธัมโม


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO