"ปู่บ่เคยทุกข์เพราะคำเว้า"
"ไผยกย่องกะบ่เคยดีใจ ไผใส่ร้ายกะบ่เคยเสียใจ เพราะปู่อยู่เหนือคำเว้าของคนเนาะ เขาเว้าดีอย่าหลง เขาเว้าบ่ดีกะอย่าซังเขา
ให้ใจเฮาปกติเด้อ ไผเฮ็ดหยังกะได้คือจะของเฮ็ด สิดีหึสิชั่ว กรรมมันยุติธรรมอยู่แล้วเนาะ"
พระราชภาวนาวชิรคุณ วิ.(หลวงปู่จื่อ พันธมุตโต) วัดเขาตาเงาะอุดมพร จ.ชัยภูมิ
"..ถ้าชาวโลกพร้อมกันมีศีลห้าบริบูรณ์แล้ว ไม่ต้องมีตำรวจทหารและเวรยามให้ลำบาก กฎหมายของประเทศชาติตลอดกฎหมายโลกก็ไม่ต้องตั้งขึ้นมากหลายมาตราให้ท่องจำมาก เสียเวลา หลับนอนไปก็ไม่สะดุ้งผวาเพราะไม่มีเวรอยู่รอบด้าน จิตใจชาวโลกก็เบิกบานหรรษาหน้าตาผ่องใสผิวพรรณวรรณะผุดผ่อง หน้าก็ไม่นิ้วคิ้วก็ไม่ขมวด เป็นมนุษย์และเทวดาเต็มภูมิ เสียงระเบิดตูมๆตามๆก็ไม่มี มีแต่เสียงสวัสดีคุณปู่ คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพ่อคุณแม่ คุณลุงคุณป้า คุณน้าคุณอา คุณพี่คุณน้อง คุณลูกคุณหลานคุณเหลน คุณมิตรคุณสหาย คุณครูบาคุณอาจารย์คุณครูคุณพระ คุณพระมหากษัตริย์ คุณรัฐธรรมนูญ คุณพระพุทธคุณพระธรรมคุณพระสงฆ์ (ไม่มีเสียงเปรี้ยวเสียงเผ็ด) มีแต่เสียงสมานมิตรสมานฉันท์ อารมณ์อาหารของใจก็เบิกบานหรรษา ไฟโทสะก็บรรเทาหรือระงับ การตายโหงด้วยศาสตราวุธตามตรอกห้วยราวดอยดงดอนรั้วสวนไร่นาในบ้านในเมืองในกรุง และตามถนนหนทาง ฯลฯ ก็จะไม่มี จะสมฐานะว่าเป็นโลกมนุษย์เต็มภูมิ.."
#เทศนาธรรมคำสอน หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ. คำชะอี จ. มุกดาหาร
#หลวงปู่เปลี่ยนสงเคราะห์สัตว์
ถ้าผู้ใดขังสัตว์ ให้รีบปล่อยนะ เป็นลูกศิษย์อาตมาไม่ได้ ถ้าเห็นขังนก ไล่ปล่อยทั้งนั้นเลย มาชิคาโก เลี้ยงนก เห็นนกร้อง ไปขังนกไว้ ต้องให้ปล่อย ถ้าไปขังเขา เขามีความทุกข์ เขาจะผูกเวรเราเข้าใจบ่ ชาติหน้าเราจะโดนถูกขัง
ขังนก ขังปลา ขังหมา ขังแมวไว้ ไปไหนก็ไปไม่ได้ เขาร้องแง้ว ๆ เขาด่าเรานะ ไม่ใช่เขาไม่ด่านะ เขาร้องด่าเจ้าของเลย เจ้าของไม่รู้เขาด่าเอง ไปขังเขา เขาทุกข์อยู่ นี่มันเป็นอย่างนี้ มันใส่เวรใส่กรรม ขังแมวขังหมาไว้ เป็นบาปเป็นกรรม เราอย่าไปติดหมามันนะ เดี๋ยวจะไปเกิดเป็นลูกหมา ต้องหัดฉลาด อาตมาก็อยากให้เขามีอิสระเข้าใจบ่ ต้องดูที่ตนเองมีอิสระแล้วไปไหนมันสบาย เข้าใจมั้ย สะดวกที่สุด ถ้ามีคนมาคุม อย่าไป อย่าไป มันหงุดหงิดละ ไม่มีอิสระแล้วนี่ เป็นอย่างนี้
บางวัดบางวาก็ขังสัตว์กันอยู่ เป็นพระก็ยังขังนกแก้ว นกขุนทอง นกต่าง ๆ บวชเข้ามาแล้ว ยังไม่ได้ศึกษาข้อนี้ให้รู้แจ้งเห็นจริง ไม่รู้จิตใจของสัตว์โลกทั้งหลาย ถ้าลองให้เขามาขังเราในกุฎิพระ สักเดือนหรือไม่ถึงเดือน ก็จะพังกุฏิออกมาแล้ว เพราะมันอยากออกไป ญาติโยมก็เหมือนกัน ถูกยังอยู่ในบ้านของตนไม่ให้ไปไหน ไม่ถึง ๔ วันประตูหน้าต่างพังปลิวแน่ๆ ควรน้อมระลึกเข้ามาหาใจของตนเองสิ ก็จะรู้ทันที่ว่าไปขังนก ขังสุนัข ขังสัตว์ใดก็เหมือนกัน ถ้าไปยังเขาไว้เขาก็ทุกข์ เขาต้องผูกเวรเราแน่เพราะเขาไปไหนไม่ได้ ดังนั้นอย่าขังสัตว์
#หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป
"..อาหารภายนอก เป็นเครื่องบำรุงร่างกายให้เกิดกำลัง เมื่อมีกำลังกายแล้ว เราอยากจะเดินหรือจะวิ่งไปไหนก็ไปได้ จะทำอะไรก็ได้สำเร็จทุกอย่าง ส่วนอาหารภายใน คือ ธรรมนั้นเป็นเครื่องบำรุงจิตใจ ถ้าจิตใจมีอาหารที่สมบูรณ์ กำลังใจก็ย่อมกล้าแข็ง จะคิดปรารถนาสิ่งอันใด ก็ย่อมสำเร็จเป็นไปได้ตามที่เราคิดนึก ถ้าใจขาดอาหารคือ ธรรม กำลังใจก็อ่อนเพลียจะคิดอะไรก็ไม่สำเร็จได้ บางทีก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่ได้เต็มที่ตามความคิดนึก ฉะนั้นเราจึงควรจักต้องพากันสร้างกำลังแห่งจิตใจให้มีขึ้นในตนให้มากๆ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในตัวเรา อันจะนำให้เราถึงซึ่ง ความบรมสุขได้.."
#เทศนาธรรมคำสอน พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ (พ.ศ.๒๔๔๙-๒๕๐๔)
“ ควายที่ปล่อยโดยไม่มีกำลัง โดยไม่มีเจ้าของตามดูแล ย่อมไม่ปลอดภัย
ควายที่มีเจ้าของตามดูแลรักษาย่อมปลอดภัยมาก
พร้อมทั้งสถานที่ไหนมีหญ้ามีน้ำ เจ้าของต้อนหรือบังคับเข้าสู่สถานที่นั้นได้เสมอไป
ควายนั้นจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ได้ฉันใด
จิตใจที่ปล่อยไปโดยลำพัง ไม่มีกำลังของสติสัมปชัญญะ หรือปัญญาตามควบคุมดูแลรักษา
ก็ย่อมไม่ปลอดภัย ย่อมสามารถที่จะให้ความทับถมตัวเอง
อย่างที่พวกเราได้ทราบ เมื่อผู้ใดมีกำลังส่วนนี้(สติ) ตามรักษาดูแลจิตของตัวเอง
คุ้มครองหรือทำในสิ่งที่เป็นอันตราย
เป็นไปเพื่อความเศร้าหมองเป็นไปเพื่อความทุกข์ได้
ก็เท่ากับควายที่มีเจ้าของตามรักษาดูแลฉันนั้น
เพราะฉะนั้นขอให้พวกเราดำเนิน(ทำสมาธิภาวนา)ให้เป็นไปตามรูปนี้เถิด”
โอวาทธรรม หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย
...สัจธรรมไม่วิ่งไปตรงไหนแหละ มันอยู่คงที่ของมันท่านจึงเรียกว่า #สัจจะความเป็นจริง สัจจะความจริงคือไม่เคลื่อนจากที่มัน เราจึงน้อมใจเราเข้าไปถึงสัจธรรม #จนกว่าสัจธรรมมันจะตั้งอยู่ในจิตของเรา ไม่เคลื่อนที่ #มันไม่ตามกระแสใจของคน มันไม่ตามความรู้สึกนึกคิดของคน ความรู้สึกนึกคิดเป็นความรู้สึกนึกคิดอันหนึ่ง สัจธรรมนั้นก็เป็นอย่างหนึ่ง ถ้าเรามีความรู้สึกนึกคิดที่เป็น สัจธรรม มันก็เป็นสัจธรรม ถ้าเรามีความรู้สึกนึกคิดแหวกแนวออกไป แต่เราเข้าใจว่ามันถูก อันนั้นมันก็ไม่เป็นสัจธรรม
...ได้ความว่า ที่เรามาปฏิบัติกันทุกคนนี้ เรายังไม่รู้ตามเป็นจริง ฉะนั้นการฟัง การเรียนท่านจึงให้พิจารณา อันนี้ท่านพูดมันผิด อย่างนี้เราก็ฟังมันผิด อันนี้ท่านพูดไปมันถูก อันนี้เท่ากับว่าท่านว่าถูก #อย่าเพิ่งไปย้ำว่ามันถูกมันผิดในการฟังเลย คนฟังก็สักแต่ว่าเราฟังไป #มันไม่จบตรงนี้ #มันไปจบที่การรู้ขึ้นมาเอง มันวินิจฉัย #เกิดความรู้ขึ้นมาเองในจิตที่ผ่องใสเมื่อไร มันจึงจะรู้จักที่นี้
...แม้เราไปยึดสิ่งที่มันถูกนะ อะไรทุกอย่าง #ถ้าเราเข้าไปยึดมันโดยไม่มีปัญญานั่นมันผิดหมดล่ะ ให้เข้าใจอย่างนี้ เราเข้าไปยึดมั่นถือมั่นมันโดยที่ไม่มีปัญญา ไม่มีเงื่อนไขอย่างนี้มันก็ผิด ถึงแม้มันถูกอยู่ ความถูกนั้นมันก็ไม่ผิด มันผิดอยู่ที่การที่เราเข้าไปยึด ไปยึดความถูก ไปยึดความผิด เช่น เราเป็นผู้ปฏิบัติ ของคนอื่นมันผิด ของเรามันถูก อย่างนี้เป็นต้น
...เห็นของเราถูก เห็นคนอื่นผิดอย่างนี้ ถ้ามันเป็นก็ให้เป็นอาการ อย่าไปเอาความแน่นอนกับมัน อย่าไปยืนยันกับมันมาก จะได้ความยืนยันมากก็คือ เรียกว่า #มันยังไม่แน่นอนนั่นเอง..#เราปล่อย..#มิได้สงสัยในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น มันรู้อยู่ในนั้น อันนี้คือการปฏิบัติ เพราะอย่างนั้นการปฏิบัตินี้มันถึงต้องพยายามค่อยๆ ทํา ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พิจารณาเอา รุนแรงมันก็ไม่ได้
#พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
"เวลามันหลง ระลึกได้ขึ้นมา ให้รู้สึกตัว
เวลามันโกรธ ระลึกได้ขึ้นมา ให้รู้สึกตัว
เวลามันทุกข์ ระลึกได้ขึ้นมา ให้รู้สึกตัว
เวลามันกลัว ระลึกได้ขึ้นมา ให้รู้สึกตัว
รู้สึกตัวระลึกได้ อย่างนี้คือ การปฎิบัติธรรม"
หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ
|