นวรัตน์ดอทคอม

ผู้ที่สามารถเห็นความดีของคนอื่น
มีความสุขตลอดเวลา
อยากจับผิดผู้อื่นมันไม่ยาก
เรื่องจับผิดไม่ต้องฉลาดก็ทำได้
แต่การที่เราจับถูก
พยายามจับความดีของคนอื่น
อันนี้ต้องฉลาด ต้องเก่ง
ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง
….

พระธรรมพัชรญาณมุนี วิ.
#พระอาจารย์ชยสาโร






พวกเราอยู่ในบ้านในเรือนถ้ามีห้องพระก็เข้าไปสวดมนต์ ไปกราบไปไหว้ในห้องพระ ถ้าไม่มีห้องพระอยู่ในที่นอนของเรานั่นแหละ กราบไปที่หมอนของเรา เราหันศีรษะไปทางไหน เราก็กราบไปทางนั้นแหละ เพราะว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในใจของเราใช่ไหมล่ะ กราบไปยังไงก็ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในจิตใจของเรา ถ้าหากว่าเรากราบเฉย ๆ กราบ ๓ ครั้ง ก็ได้แต่ ๓ ครั้ง เพราะไม่ได้กราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์

เพราะฉะนั้นกราบแต่ละครั้งระลึกถึงพระพุทธเจ้า พุทโธ กราบครั้งที่ ๒ ก็ธัมโม กราบครั้งที่ ๓ กราบสังโฆ คือกราบพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จากนั้นก็ไปจบบนศีรษะ เอามือจบบนศีรษะ สาธุ นิพพานัง เรากราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ไม่ได้กราบหลอก ๆ เล่น ๆ กราบเพื่อเป็นสิริเป็นมงคล เพื่อหวังพระนิพพาน นิพพานัง นี่แหละ เวลากราบพระต้องนึกอย่างนั้นนะ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ๓ จบ นิพพานัง กราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อหวังพ้นทุกข์ถึงนิพพาน

นี่แหละเวลาสอนลูกสอนหลานก็ เอ้า กราบ ๓ ครั้ง เพียงแค่นั้นก็ได้เพียง ๓ ครั้ง ความนึกคิดไม่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เราไม่ได้บอกเขา เราก็ต้องบอก กราบครั้งที่ ๑ พุทโธนะ กราบครั้งนี้คือพระพุทธเจ้า พุทโธ กราบครั้งที่ ๒ ธัมโมนะ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเน้อ กราบครั้งที่ ๓ ก็สังโฆ กราบระลึกถึงพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จากนั้นก็พนมมือขึ้นบนศีรษะ นิพพานัง ข้าพเจ้ากราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากอาสวกิเลส นิพพานัง

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “อย่ารักใครมากกว่าตนเอง”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖







. " ให้ท่านทั้งหลาย จำเอาไว้นะ ให้ไปปฏิบัติ " ท่านทั้งหลาย มีสมบัติเงินทอง อะไร อย่าไป ภาคภูมิใจนะ

ให้ภาคภูมิใจ กับ ศีล บริสุทธิ์ สมาธิ แน่นหนามั่นคง ปัญญา มีความ แพรวพราว ภายในใจ จิตใจ หลุดพ้น จากกิเลสทั้งปวง โดยชอบ

อยู่ที่ไหนสง่างาม นี่ คือ มหาเศรษฐีธรรม เศรษฐีนอกนั้น โลกเขามีแล้ว อย่าไปแย่ง ตำแหน่งเขา

เอา เศรษฐีธรรม ไม่มีใครมาแย่ง ตั้งใจปฏิบัติให้ได้ เป็น เศรษฐีธรรม
พระพุทธเจ้า - พระอรหันต์ ท่านเป็น เศรษฐีธรรม ทั้งนั้น หาความทุกข์ไม่มี มีแต่บรมสุข เต็มเนื้อเต็มตัว ดับแล้วปั๊บ ไป นิพพาน เลย...

โอวาทธรรมหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด จ. อุดรธานี







พวกเราอยู่ในบ้านในเรือนถ้ามีห้องพระก็เข้าไปสวดมนต์ ไปกราบไปไหว้ในห้องพระ ถ้าไม่มีห้องพระอยู่ในที่นอนของเรานั่นแหละ กราบไปที่หมอนของเรา เราหันศีรษะไปทางไหน เราก็กราบไปทางนั้นแหละ เพราะว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในใจของเราใช่ไหมล่ะ กราบไปยังไงก็ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในจิตใจของเรา ถ้าหากว่าเรากราบเฉย ๆ กราบ ๓ ครั้ง ก็ได้แต่ ๓ ครั้ง เพราะไม่ได้กราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์

เพราะฉะนั้นกราบแต่ละครั้งระลึกถึงพระพุทธเจ้า พุทโธ กราบครั้งที่ ๒ ก็ธัมโม กราบครั้งที่ ๓ กราบสังโฆ คือกราบพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จากนั้นก็ไปจบบนศีรษะ เอามือจบบนศีรษะ สาธุ นิพพานัง เรากราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ไม่ได้กราบหลอก ๆ เล่น ๆ กราบเพื่อเป็นสิริเป็นมงคล เพื่อหวังพระนิพพาน นิพพานัง นี่แหละ เวลากราบพระต้องนึกอย่างนั้นนะ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ๓ จบ นิพพานัง กราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อหวังพ้นทุกข์ถึงนิพพาน

นี่แหละเวลาสอนลูกสอนหลานก็ เอ้า กราบ ๓ ครั้ง เพียงแค่นั้นก็ได้เพียง ๓ ครั้ง ความนึกคิดไม่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เราไม่ได้บอกเขา เราก็ต้องบอก กราบครั้งที่ ๑ พุทโธนะ กราบครั้งนี้คือพระพุทธเจ้า พุทโธ กราบครั้งที่ ๒ ธัมโมนะ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเน้อ กราบครั้งที่ ๓ ก็สังโฆ กราบระลึกถึงพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จากนั้นก็พนมมือขึ้นบนศีรษะ นิพพานัง ข้าพเจ้ากราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากอาสวกิเลส นิพพานัง

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “อย่ารักใครมากกว่าตนเอง”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖







. พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ความเชื่อเหมือนของขมๆ เอาของขมไว้ในภาชนะเล็กๆ เช่น แก้วน้ำ จะทำให้น้ำในแก้วขมหมดเลย

แต่สมมุติว่าเอาของขมนั้นไปไว้ในแทงค์น้ำใหญ่ๆ เปิดก๊อกชิมน้ำดื่มน้ำก็ไม่ขม แต่ไม่ใช่ว่าความขมหรือของขมหายไปเลย มันก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม

แต่ว่ามีก็เหมือนกับไม่มี เพราะสิ่งที่จืด สิ่งที่สะอาด สิ่งที่ไม่ขมมากกว่าเสียจนความขมนั้นเกือบจะไม่มีความหมาย

ถ้าเราทำคุณงามความดีไว้มาก ไม่ใช่ว่าจะลบล้างกรรมเก่า หรือบาปอกุศลที่ไม่ดีได้ทั้งหมด แต่เหมือนกับว่าพลังหรืออำนาจของความดีจะมากกว่าพลังของความชั่วจนมีเหมือนกับไม่มี.....

คำสอนพระอาจารย์ ชยสาโร
บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา








#กิเลสปรุงจิตปรุงใจ

... " คำว่ากิเลสนี่เป็นของที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาของใจที่ไปรับไปสัมผัส ตาไปเห็นรูป หูไปได้ยินเสียง ใจของเรานี่ส่งไปรับไปสัมผัส รับเอามาแล้วก็ไปรู้ว่าเป็นรูปผู้หญิงไปรู้ว่าเป็นรูปผู้ชาย รูปผู้หญิงก็ได้แต่จำไว้ว่าเป็นรูปผู้หญิง รูปผู้ชายก็จำเป็นรูปผู้ชาย รูปหญิงสาวชายหนุ่มอะไรก็ไปจำเอามา แล้วก็หญิงงามชายงาม หญิงขี้ร้ายชายขี้ริ้วก็จำเอามา นี่จำเอามานึกคิดปรุงแต่งอะไรต่ออะไร

... นึกคิดปรุงแต่งทีนี้มันมีดีบ้างไม่ดีบ้าง กิเลสตัณหามันก็ตามมาตรงดีไม่ดีนี่ล่ะ ตรงดีมันก็เกิดเรื่องความดี ความพอใจของกิเลสมันก็เกิด ตรงไม่ดีเรื่องความไม่ดี ความไม่พอใจของกิเลสมันก็เกิด เกิดตามมา กิเลสจึงเป็นของเกิด กิเลสเป็นของจรมาเกิด กิเลสไม่ใช่เกิดอยู่ในดินในน้ำในลมในไฟ ไม่ใช่มีอยู่แล้วในจิตในใจ จิตใจเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก

... ถ้าหากจิตใจนี้มีกิเลสจรเข้ามา ร่างกายอันนี้ทั้งร่างก็จะเป็นกิเลสขึ้นมาทันที ตาก็เป็นกิเลส หูก็เป็นกิเลส อะไรๆก็เป็นกิเลส เป็นกิเลสเพราะเรื่องของกิเลสมันเข้ามาบีบบังคับ เขาจรมาเป็นเจ้าของหัวใจ จรมาจนกระทั่งบีบบังคับจิตใจของเรานี่ แล้วก็บังคับธาตุขันธ์ร่างกายของเราให้แสดงเป็นไปตามอำนาจของเขาทั้งหมด

... บางทีกิเลสมันร้อน ร้อนจิตร้อนใจขึ้นมาเต็มที่ แล้วทำให้แผ่นดินทั้งแผ่น คือร่างกายนี้มันร้อนรนไปหมด นี่ มันถึงขนาดนั้นนะพิษภัยของกิเลสตัณหานี่ "
พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร ( หลวงปู่แบน ธนากโร )
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร