นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 30 เม.ย. 2024 3:37 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: จิตสงบ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 15 เม.ย. 2024 5:42 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
ความเห็นถูกต้องสัมมาทิฐิเป็นสิ่งเริ่มต้นในการทำดีทั้งปวง ดังจะเห็นในมรรคมีองค์แปดจะเริ่มต้นด้วยสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปโป เป็นอาทิ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจาก
-สัมมาทิฐิ ค่อยมี ทาน และศีล เป็นบุญกิริยาวัตถุ นำพาสู่สุคติภพ มีสวรรค์กามาพจรหกชั้นนั่นเอง
-จากนั้นพอจิตใจแน่วแน่แล้วก็คือการภาวนารู้จักดูกายคือลมหายใจเข้าออกพุทโธ ดูใจดูให้เห็นความรู้สึกขณะหายใจเข้าออกนั่นละว่ารู้สึกอย่างไรโดยให้เห็นความเกิด ความดับของกายของใจนั่นเอง
- สิ่งไหนอารมณ์ที่ผ่องใส อิ่มใจ สุขใจเบิกบานขณะกระทำหรือเกิดขณะกระทำสิ่งที่เกิดนั้นเป็นกุศลเป็นบุญ สิ่งไหนเป็นอกุศล​ทำเศร้าหมอง เดือดร้อนใจเราทั้งขณะทำและภายหลังกระทำนี่คืออกุศลกรรมชั่วควรละเว้นเพราะเป็นทุกข์ให้พยายาม ละวาง ซึ่งกายใจนี่ คือความทุกข์ซึ่งทุกข์ตรงนี้เกิดขึ้น ทุกข์นั้นตั้งอยู่ ทุกข์นั้นก็ดับไป
- สิ่งที่ยึดติดสิ่งไหน หวงสิ่งไหน เป็นความทุกข์ เป็นสมุทัยให้พยามละวางผ่อนคลาย ทำให้กระจ่างให้หายสงสัย
- สรรพสิ่งมันเป็นไปตามอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

อิทธิกร
ผู้บันทึก การสนทนา
ระหว่างหลวงปู่สนธิ์ อนาลโย กับหลวงลุง(ดร.นิตินัย)







หลวงปู่สนธิ์แนะว่า"พอพิจารณามาขั้นนี้สมาธิแน่วแน่แล้ว จิตใจมั่นคงพิจารณาดู ละกายอันนี้คือละกาม นั้นคือรูปงามและไม่งามพิจารณาลงไปจนจิตสงบแล้วได้อุบายสอนตัวเองแบบนั้นนั่นละไม่สงสัยในสองส่วนลักษณะที่เป็นในจิตคือไม่ก่อนไม่หลังแบบนั้นนั่นละใช่ละ ถ้าพิจารณาถึงขั้นนี้แล้วสบายละ ต่อไปก็หาอุบายแยบคายเองเถอะ ถ้าเป็นแก้วกาแฟล้างคาบออกหมดแล้วเหลือแต่กลิ่นละทีนี้ ตามบาลีพระไตรปิฎกก็ว่า
การละกายละรูป ละกายได้อย่างสิ้นเชิง อายตนะทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาทางกายจะละได้อย่างสิ้นเชิง ไม่มีอารมณ์ยึดติดไม่ปรุงแต่งไม่แกว่งไปตามผัสสะทั้งหลาย แต่มีอย่างเดียวที่ละไม่ได้คือจิต พระอนาคามีจะมีปกติคือจะยึดจิตไว้มาก และมีปกติคือเชื่อมั่นในจิตตนเองมากเรียกว่าเป็นขั้นของ มานะทิฏฐิในพระอนาคามีเลยก็ว่าได้ สิ่งใดก็ตามที่รู้ที่เห็นได้ด้วยทางจิต จะเชื่อมั่นในสิ่งนั้นมาก ที่สำคัญพระอนาคามียังมีอาการหลงรู้ไปกับสิ่งต่างๆที่รับรู้ได้ทางใจ สังเกตง่ายง่ายคือ พระอนาคามีจะยึดถือความมั่นคงความแน่นอนของจิตตัวเอง และ มีอาการความคิดที่ว่าไม่มีสิ่งผิดพลาดที่เกิดจากจิตของตน ไม่เห็นถึงความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในจิต เพราะยังหลงยึดอยู่ในรูปฌานและอรูปฌาน ยังหลงอยู่ไหนทิฐิมานะยัง หลงอยู่ในอุทธัจจะความพล่านไปทางอารมณ์ของตนเอง และสุดท้าย คือยังหลงอยู่ในการรู้ทางจิตของตนเอง

อิทธิกร
ผู้บันทึก(12-12-62)
การสนทนาของหลวงปู่สนธิ์ อนาลโยกับหลวงลุง(ดร.นิตินัย)







“สงกรานต์ปีนี้ เราคงต้องเปลี่ยนการรดน้ำ
ด้วยรูปธรรม คือ น้ำธรรมดา ให้เป็นนามธรรม
คือ น้ำใจ

ขอให้เราทุกคนเริ่มปีใหม่ของไทย ด้วยการ
แสดงน้ำใจไมตรีต่อกัน ขอให้รดน้ำคนรอบข้าง
ด้วยการกระทำ และการพูดที่สะท้อนถึงความรัก
ความเคารพ การสำนึกในสิ่งที่ดี ที่เราได้รับ
และได้ให้ซึ่งกัน และกัน

ขอให้แสดงน้ำใจ และความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
ทางโทรศัพท์ หรือสื่อออนไลน์ การระลึกถึงกัน
ด้วยใจบริสุทธิ์ เป็นที่มาแห่งความอบอุ่นใจ

ปีใหม่ไทยนี้ ขอให้ทุกคนเลิกแสดงออกแบบ
สาดน้ำร้อนเป็นอันขาด ให้ฝึกตนในการแสดงออก
ในทางที่ทั้งผู้แสดง และผู้รอบข้างรู้สึกเย็นสบาย
สิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อไป
ไม่มีใครทราบได้ แต่สิ่งที่เรามั่นใจได้ คือ ตราบใด
ที่เรามีน้ำใจต่อกันและกัน สังคมเรายังคงมีความหวัง”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO