นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 30 เม.ย. 2024 1:22 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: จิตบริสุทธิ์
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 09 เม.ย. 2024 12:38 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
. ใจเป็นตัววัดผลของการปฏิบัติ จะได้ผลมากน้อยอยู่ที่ใจนิ่งมากหรือนิ่งน้อย ถ้านิ่งมากก็ได้ผลมาก ถ้านิ่งน้อยก็ได้ผลน้อย

ความจริงไม่มีอะไรที่ใจจะต้องตื่นเต้น ใจไปหลงเอง สิ่งต่างๆ ไม่มีความหมาย แต่ใจไปให้ความหมายเองว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้

พอเปลี่ยนแปลงไปหรือสูญหายไป ใจก็หวั่นไหววุ่นวายเพราะขาดธรรมะ แสงสว่างที่จะสอนใจให้รู้ทันความจริงทั้งหลายว่าเป็นไตรลักษณ์

ไตรลักษณ์นี่แหละเป็นปัญญาทางพระพุทธศาสนา

คำสอนพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัด ญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จ.ชลบรี








"จิตนี้แหละ นำทุกข์นำสุขมาให้" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
" .. จิตของเราทั้งหลายก็ดี มันเกลือกกลั้วอยู่กับอารมณ์ทั้งหลายทั้งปวง "มันเอาอารมณ์เข้ามาห้อมล้อมมัน จิตมันจึงเศร้าหมอง" แต่แสงมันก็มีอยู่นั่นแหละ อาศัยมาชำระมัน เราฝึกมาชำระจิตนั่นแหละทุกวัน ให้มันผ่องใส
.
"จิตเราต้องชำระให้มันบริสุทธิ์ไม่มีอะไรมาปะปนมันแล้ว" อันนั้นละจิตบริสุทธิ์จิตผุดผ่อง ผ่องใส "จิตตัง ทันตะ สุขาวหัง" ครั้นผู้อบรมฟอกจิตของตน สั่งสอนจิตของตน "มีสติสัมปชัญญะ ระวังจิตอยู่ทุกเมื่อ ประคองจิตให้อยู่ในความดี" หมั่นขยันทำความเพียรชำระจิต "ยกบาปทั้งหลายเหล่านี้ออกจากดวงจิตอยู่ทุกวัน"
.
ครั้นละออกแล้ว "ก็เหมือนฝนทั่งให้เป็นเข็มเท่านั้น ฝนไปฝนไป อาศัยวิริยะความพากเพียร อาศัยฉันทะ ความพอใจจะเพียรฝึกฝนจิตของเราให้เลื่อมประภัสสร" ฝนไปฝนไป ผลที่สุดก็เป็นจิตบริสุทธิ์หมดมลทิน "มีแต่ธาตุรู้อันบริสุทธิ์" เป็นธาตุอันบริสุทธิ์เผุดผ่อง
.
"จิตบริสุทธิ์แล้ว จะไปทางไหนก็ได้ไม่มีความเดือดร้อน" เพราะเป็นแก้วอันบริสุทธิ์แล้ว บ่มีอันหยังมาเกิดแล้ว "จิตแหละเป็นตัวนำทุกข์มาให้ ครั้นฝึกฝนดีแล้วนำความสุขมาให้" อยู่ในโลกนี้ก็มีสุข ความทุกข์ไม่มี "อันนี้มันเป็นธรรมดาของอัตภาพของสภาวะ" มันเป็นเองของมัน ..."
.
"อนาลโยวาท กัณฑ์ที่ ๑๐ อยู่ที่ใจ"
หลวงปู่ขาว อนาลโย







โอวาท : หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ~พระราชพรหมยานฯ
เรื่อง ::จิตไม่วางจากฌาน
..." เบื้องต้นนี่ เราจะภาวนาอย่างไรก็ได้ ท่านที่ชอบ "พุทโธ" ก็ว่า "พุทโธ" ชอบ "สัมมาอรหัง" ก็ว่า "สัมมาอรหัง" ชอบ "นะมะ พะธะ" ก็ว่า "นะมะ พะธะ" หรือ "ยุบหนอพองหนอ" อย่างนี้ ก็ได้ทั้งหมด..

ถ้าจิตรู้ลมหายใจเข้าออกก็ดี รู้คำภาวนาก็ดี โดยไม่คิดถึงเรื่องอื่น เวลานั้นชื่อว่า จิตว่างจากกิเลส.. ไม่ยากนะ ยากไหม..

ขณะใด จิตรู้เฉพาะลมหายใจเข้าออกจริง ๆ หายใจเข้าก็รู้ตาม หายใจออกก็รู้ตาม และรู้คำภาวนา ไปด้วย เวลานั้น จิตไม่คิดถึงอารมณ์ของกิเลส แม้แต่อย่างใดอย่างหนึ่ง ขณะนั้น ชื่อว่า "จิตว่างจากกิเลส" ..

ถ้าทำได้อย่างนี้ ครั้งหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง พระพุทธเจ้าถือว่า เป็นผู้มีจิตไม่ว่างจากฌาน..."

( จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ เล่มที่ ๔๐๗ หน้าที่ ๑๙ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี )


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO