นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 30 เม.ย. 2024 1:25 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความสุข ความทุกข์
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 24 มี.ค. 2024 9:38 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
“จงรักตัวเองให้มาก และใส่ใจในการทำความดี
อย่างเต็มที่ เพราะการเกิดเป็นมนุษย์อีกทีไม่ใช่ของง่าย”

หลวงปู่อว้าน เขมโก






..พอใจเต็มใจ อิ่มใจในความสุข เรียกว่าบุญ บุญคือความสุขใจ ก็จะสามารถแผ่เมตตาให้แก่สัตว์โลกทั้งหลาย ให้อยู่ด้วยกันด้วยความเมตตา คอยสงเคราะห์ซึ่งบุคคล เรียกว่า เมตตาซึ่งกันและกัน เมตตาโดยทั่วไปไม่มีประมาณ เรียกว่าเป็นผู้มีจิตใจกว้างขวาง จิตใจแช่มชื่นเบิกบานนั่นเอง พบความสุขแล้วจึงเรียกว่าเบิกบาน เหมือนเราได้อยู่ในที่ร่วมกันอย่างนี้ ก็เหมือนอยู่ในบ้านหลังใหญ่โล่งๆ อยู่ในวัดร่วมกัน ก็ไม่มีผู้ใดคิดไม่ดีไม่งาม คิดมีเมตตาต่อกันให้มีความสุข ให้มีความสุขทุกคนๆ จิตใจของเราดีงาม จิตใจของเราก็มีความสุข ที่มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ให้เกิดให้มีขึ้นแก่จิตใจ ก็เรียกว่าเราเป็นคนมีจิตใจกว้าง คนใจกว้างใจขวางนี้ จะอยู่ยืนเดินนั่งนอนอยู่ที่ไหน ก็จะแช่มชื่นเบิกบาน หลับก็ไม่ฝันร้าย หน้าตาก็แช่มชื่นเบิกบาน ทำไมหน้าตาแช่มชื่นเบิกบานก็เพราะมีความสุข มีความสุขภายในใจ ทำให้ร่างกายแช่มชื่นเบิกบานไปด้วย อันนี้เป็นคุณงามความดี ที่ทุกคนจะได้รับเป็นของตนเองเอาไว้ ยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ในคุณงามความดี..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่







#มูลฐานของความชั่ว.

ในทางพุทธศาสนาสอนให้เราเข้าใจว่า
ความเห็นแก่ตัวเป็นมูลฐานของความชั่ว
ทุกชนิด.

ความเห็นแก่ตัวจัด จักเป็นคนทำตนและ
สังคมให้เดือดร้อนเสมอ.

ความเห็นแก่ตัว เป็นเรื่องยุ่งยากที่สุดใน
สังคมมนุษย์.
เป็นมูลเหตุของความชั่วช้าสามานย์ด้วย
ประการทั้งปวง.
อะไร ๆ ที่เป็นความชั่วในสังคมมนุษย์
เกิดจากความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น.

พอเกิดความเห็นแก่ตัว ก็เกิดความเห็น
แก่ได้.
มักง่าย จะเอาแต่ใจตัว ทำอะไรตามใจ
อยาก.
ไม่ได้คิดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่
หมู่คณะ.

ถ้าเมื่อใดเรามีความเห็นแก่ตัว เราเข้า
ข้างตัวเองแล้ว.
การวินิจฉัยอะไรๆต่างๆนั้นมันจะไม่เป็น
ธรรม.

ที่ไม่เป็นธรรมเพราะอะไร ?
ก็เพราะเราเอาตัวของเราเป็นที่ตั้ง
มันก็เห็นแก่ตัวเป็นธรรมดา.

#หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ.







“ความว่างที่แท้จริง” นั้นมันก็ไม่ได้ “สว่างขึ้น” เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และ “ความว่าง” ก็ไม่ได้ “มืดลง” เมื่อพระอาทิตย์ตก ความสว่างและความมืดย่อมสับเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

แต่ธรรมชาติของความว่างนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นั่นเอง “จิต” ของ “พุทธ” และของิ “สัตว์โลก” ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น
มีแต่ “จิตหนึ่ง” เท่านั้นและไม่มีสิ่งอื่นใดแม้แต่อนุภาคเดียว ที่จะ “อิงอาศัย” ได้ เพราะ “จิต” นั้นเองคือ “พุทธ”

“จิตหนึ่ง”... “สิ่งนี้” ไม่ใช่เป็นฝ่าย “นามธรรม” หรือ ฝ่าย “รูปธรรม” มันไม่มีที่ตั้งเฉพาะ ไม่มีรูปร่าง และไม่อาจจะหายไปไหนได้เลย
“จิตหนึ่ง” ไม่ใช่จิตซึ่งเป็น “ความคิดปรุงแต่ง” ... “สิ่งนี้” อยู่ต่างหาก ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง

เพียงแต่สามารถทำ “ความเข้าใจ” ใน “จิต” ของเราเองได้สำเร็จ แล้ว “ค้นพบธรรมชาติอันแท้จริง” ของเราเองได้ ด้วย “ความเข้าใจ” อันนี้เท่านั้น ก็จะเป็นที่แน่นอนว่า ไม่มีอะไรที่พวกเราจำเป็นที่จะต้อง “แสวงหา” แม้แต่อย่างใดเลย

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์







คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
ธรรมเทศนาโดยหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
ประธานผู้ทรงคุณธรรม โครงการธรรมธุรกิจ

“คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
ให้เชื่อมั่นในตัวเอง ให้หนักแน่นในธรรม
คือหลักเหตุผล"

ขอบคุณแหล่งข้อมูล:
สันตุสสโกวาท หลวงพ่ออินทร์ถวาย วัดป่านาคำน้อย Luangpo Inthawai Santussako
วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒






"วันนี้...เราอยู่ใต้ชายคา
วันหน้า...เราอยู่ใต้ฝาโลง นะลูกเน้อ
รีบเสาะแสวงหาธรรม ให้หนีจากกองทุกข์"

โอวาทธรรม
#พระราชวชริรวาที วิ.
#หลวงปู่สมบูรณ์_ขันติโก








เคล็ดลับการฝึกจิตให้สงบ

"เวลาเราทำกรรมฐานจะให้จิตใจสงบมันมีเคล็ดลับอยู่
อันแรก เลือกอารมณ์กรรมฐาน
ที่เราอยู่ด้วยแล้วเรามีความสุข
เลือกอย่างนั้น ไม่ใช่เลือกตามคนอื่น
อันที่สอง เราใช้ใจที่ปกติธรรมดานี้ล่ะ
ไปรู้อารมณ์อันนั้น ไม่ได้ใช้ใจที่เคร่งเครียด
ใจที่เต็มไปด้วยความอยาก อยากสงบอะไรอย่างนี้
แล้วไปหายใจเข้าพุทออกโธ
แล้วใจนี้อยากสงบ รับรองไม่สงบ
ใจที่มีความอยากมันจะเกิดการดิ้นรน
เมื่อมันดิ้นรนมันสงบไม่เป็นหรอก

เพราะฉะนั้นเวลาจะทำสมถะ
เราก็อยู่กับอารมณ์ที่อยู่ด้วยแล้วมีความสบายใจ
แล้วอยู่กับมันด้วยใจธรรมดาๆ นี่ล่ะ
สงบก็ช่างไม่สงบก็ช่าง ตั้งใจไว้อย่างนี้
เราแค่ว่าเราจะปฏิบัติบูชา
น้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์อันเดียวอย่างต่อเนื่อง
เป็นอารมณ์ที่มีความสุข ไม่ได้หวังผลอะไร
พอเราไม่ได้หวังผล ใจมันก็ไม่ดิ้น
พอใจไม่ดิ้นมันก็สงบ

แล้วทริคอีกอันหนึ่ง อุบายอีกอันหนึ่ง
เวลาที่เราไปรู้อารมณ์ รู้สบายๆ อย่าไปจ้องแรง
อย่างถ้าเรารู้หายใจเข้าพุทออกโธ
เราไปจ้องแรงๆ มันจะเครียด
ถ้าเครียดแสดงว่าเราจ้องแรงไปแล้ว
รู้สบายๆ แล้วเวลารู้ก็เป็นกลาง ไม่ได้อยากสงบ
ถ้าอยากสงบใจจะยิ่งฟุ้งซ่าน"

หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
16 ธันวาคม 2566







ยาพิษ...โทษมันอยู่ที่คนกินเข้าไป
ธรรมโอวาท
ของ
พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร
(พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์)
วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ


“ความตั้งใจ” เมื่อเรามีเจตนาตั้งใจจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด
เราจะต้องทำให้เป็นไปตามความตั้งใจนั้น
ให้รักษาเจตนาของตนไว้มั่นคง อย่าทำลาย
การฟังธรรมนั้น...ถึงแม้จะไม่เข้าใจ
แต่ถ้าตั้งใจฟังแล้วย่อมเกิดประโยชน์

“ยาพิษ” ไม่ได้เป็นโทษอยู่ที่ยา
มันเป็นโทษที่ตัวเราเองหรือผู้ที่กินเข้าไป
เพราะ “ความโง่” คือ อวิชชา ไม่รู้จักพิจารณาว่า
สิ่งใดดีหรือชั่ว คือไม่รู้เท่าทันในอารมณ์ ๕

“อินทรีย์สังวร” ก็คือ ให้ระวังอารมณ์ ๕ ที่ผ่านเข้ามา
ผู้ไม่ระวังรักษาในอารมณ์ ๕ เรียกว่า ศีลไม่บริสุทธิ์
นี่เป็นศีลของผู้มีจิตชั้นสูง
ส่วนศีล ๕ นั้น คนพาลหรือบัณฑิตก็ทำได้

-----

ชมรมกัลยาณธรรม. แนวทางปฏิบัติ วิปัสสนา-กัมมัฏฐาน.
พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ : ขุมทองอุตสาหกรรมและการพิมพ์, ๒๕๕๒.







สุขและทุกข์เปรียบเหมือนงู
โดย หลวงพ่อชา สุภัทโท

มนุษย์เราทั้งหลายไม่ต้องการทุกข์ ต้องการแต่สุข
ความจริงสุขนั้น ก็คือทุกข์อย่างละเอียดนั่นเอง
ส่วนทุกข์ ก็คือทุกข์อย่างหยาบ

พูดอย่างง่ายๆ สุขและทุกข์นี้ก็เปรียบเสมือนงูตัวหนึ่ง
ทางหัวมันเป็นทุกข์ ทางหางมันเป็นสุข
เพราะถ้าลูบทางหัวมันมีพิษ ทางปากมันมีพิษ
ไปใกล้ทางหัวมัน มันก็กัดเอา ไปจับหางมันก็ดูเหมือนเป็นสุข
แต่ถ้าจับไม่วาง มันก็หันกลับมากัดได้เหมือนกัน
เพราะทั้งหัวงูและหางงู มันก็อยู่ในงูตัวเดียวกัน
คือ ตัณหา ความลุ่มหลงนั่นเอง

ฉะนั้น บางทีเมื่อมีสุขแล้วใจก็ยังไม่สบาย ไม่สงบ
ทั้งที่ได้สิ่งที่พอใจแล้ว เช่น ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ
ได้มาแล้วก็ดีใจก็จริง แต่มันก็ยังไม่สงบจริงๆ
เพราะยังมีความเคลือบแคลงใจว่ามันจะสูญเสียไป
กลัวมันจะหายไป ความกลัวนี่แหละเป็นต้นเหตุให้มันไม่สงบ
บางทีมันเกิดสูญเสียไปจริงๆ ก็ยิ่งเป็นทุกข์มาก
นี่หมายความว่า ถึงจะสุขก็จริงแต่ก็มีทุกข์ดองอยู่ในนั้นด้วย
แต่เราไม่รู้จัก เหมือนกันกับว่าเราจับงู
ถึงแม้ว่าเราจับหางมันก็จริง ถ้าจับไม่วางมันก็หันกลับมากัดได้
ฉะนั้น หัวงูก็ดี หางงูก็ดี บาปก็ดี บุญก็ดี
อันนี้อยู่ในวงวัฏฏะ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ความสุข ความทุกข์ ความดี ความชั่ว ก็ไม่ใช่หนทาง
.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO