นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 30 เม.ย. 2024 6:28 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เมื่อจิตบริสุทธิ์
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 28 ก.พ. 2024 6:24 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
ความสามัคคีมีสองประเภท ความสามัคคีของนักปราชญ์ และความสามัคคีของอันธพาล ความสามัคคีของอันธพาล คือ “คุณไม่ว่าฉัน ฉันจะไม่ว่าคุณ” อันนี้ก็สามัคคีได้ สามัคคีแบบไม่พูดในสิ่งที่ไม่ดี

แต่ความสามัคคีของนักปราชญ์ คือ “ผมมีอะไรไม่ดีงาม ช่วยชี้แนะผมด้วย และถ้าคุณทำอะไรๆ ไม่ถูกต้อง ผมขออนุญาตบอกและหวังว่าคุณจะไม่โกรธ” คือสามัคคีกันเพราะว่าแลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดมุมมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเคารพ ให้ข้อมูลให้เสียงสะท้อนกลับ

พระอาจารย์ชยสาโร






“...ขอจงแน่ใจว่า การทำดีแม้ไม่มีใครเห็น
ความดีก็ย่อมสำเร็จโดยสมบูรณ์แล้ว
ในขณะเดียวกันความชั่วที่ถูกกระทำลงแม้ไม่มีใครรู้เห็น
ความชั่วก็ย่อมสำเร็จโดยสมบูรณ์แล้วเช่นเดียวกัน
บุคคลผู้มีความมั่นใจดังนี้
ย่อมพร้อมพลีตนสามารถเสียสละความสุขสบาย
หรือแม้แต่สละชีวิตได้
เพื่อรักษาความถูกต้องชอบธรรม...”
.
--- พระคติธรรม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก







การภาวนาพิจารณาดูกายของเราตั้งแต่หัวจดเท้ามันมีความเจ็บไข้ได้ป่วย เวลามันเจ็บมันป่วย เวลามันไข้ มันมีการทรมานมันทุกข์ เพราะว่าใจของเราไปแบกมัน ตามที่จริงร่างกายของเราเวลาคนตายมันปวดไหม เอาไฟเผามันร้อนไหม เอาขวานสับเอามีดฟันมันเจ็บไหม มันไม่เจ็บ เพราะวิญญาณความรู้สึกนึกคิดออกจากร่างไปแล้ว ยังเหลือแต่ร่างกาย ร่างกายตัวนี้ถ้าจิตออกไปจากร่างแล้วมันก็ไม่เจ็บไม่ปวด ร่างกายยังมีตามีหูมีจมูกมีลิ้นมีกายทุกอย่าง แต่ว่ามันไม่เจ็บไม่ปวด เพราะความรู้สึกมโนคือใจมันออกจากร่างไปแล้ว

นี่แหละ ท่านจึงบอกว่าเวลานั่งภาวนา ให้สมมุติว่าร่างกายของเราตาย ใจของเราออกมาอยู่ข้างนอก เหมือนออกมาอยู่นอกรถ ถึงมันจะมีไฟเผายังไงจิตใจก็ไม่เจ็บไม่ปวดเพราะมันออกมาอยู่นอกรถ เวลาภาวนาถ้าหากว่าจิตใจทำได้อย่างนั้น ไปป่วยในโรงพยาบาลหรือไปอยู่ ณ สถานที่ใด ใจของเราก็จะไม่ว้าเหว่อ้างว้าง ไม่เงียบเหงาไม่ซึมเศร้า เพราะเรารู้แล้วร่างกายนี้ อีกสักวันหนึ่งไม่มีใครที่จะหลีกลี้หนีพ้นไปได้เรื่องมรณภัย ต้องตายแน่ๆ ไม่เป็นอย่างอื่น

อันนี้ก็คือพระกรรมฐานครูบาอาจารย์ท่านสอน กายอาศัยกันอยู่ก็จริง เราอยู่ดีมีสุขอย่างนี้เราก็เลี้ยงร่างกาย แต่อีกสักวันหนึ่งมันไม่ยอมฟังเรานะ ร่างกายนี่นะ ถึงจะเลี้ยงอิ่มหมีพีมันขนาดไหนเลี้ยงดูปูเสื่อดีขนาดไหน ร่างกายของเรายังเป็นอื่นอยู่เสมอ เลี้ยงเท่าไรก็ยังแก่ พอแก่แล้วก็เจ็บ พอเจ็บแล้วก็ถึงที่สุดของมันถึงจุดจบของมัน ไม่มีใครหลีกลี้หนีพ้นไปได้ เพราะฉะนั้นเลี้ยงพอประมาณ

แล้วจะทำยังไงจึงจะหาทางพ้นทุกข์ จะไม่มาเวียนว่ายตายเกิดอีก ทำยังไงจึงจะพ้นทุกข์ ถ้าหากว่าเวียนว่ายตายเกิดอีกก็เป็นทุกข์อย่างนี้ เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป ก็ต้องศึกษาในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านได้ตรัสรู้ ได้บรรลุธรรม ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ จะไม่มาเวียนว่ายตายเกิดอีก อันนั้นแปลว่าสูงสุด

แต่พวกเราไม่ถึงขนาดนั้นก็เอาเถอะ บำเพ็ญศีลสมาธิปัญญา ภาวนาไปเรื่อย อย่าตั้งอยู่ในความประมาทจนเกินไป ชีวิตของเรามาเจอทุกขเวทนา มาเจอความชรา มาเจอความพยาธิเข้าไปแล้วจึงจะรู้ได้ ถ้าอยู่ดีมีสุขก็เพลิดเพลินเฮฮาสนุกสนาน แต่พอมาเจออย่างนี้เข้ามา เออใช่ ชีวิตของเรานี่มันยืมวันอยู่จริงๆ อย่างที่พระพุทธเจ้าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านพูดท่านกล่าวจริงๆ

เพราะฉะนั้น อย่าตั้งอยู่ในความประมาท อยู่ที่ไหนก็ไหว้พระสวดมนต์นั่งภาวนาบ้าง ถึงจะได้นิดๆหน่อยๆ ก็ยังดี เป็นการบำเพ็ญคุณงามความดี เก็บสั่งสมคุณงามความดีทีละน้อยๆ ต่อไปก็เป็นปึกแผ่นขึ้นมา เหมือนกับเราเก็บสตางค์ ถ้าเราไม่รู้จักเก็บสตางค์เลย ได้มาก็ปล่อยปละละเลยใช้ไปหมด มันก็หมด ถ้าเก็บทีละเล็กละน้อย ก็เป็นกอบเป็นกำเป็นก้อนขึ้นมา

นี้ก็เหมือนกัน การสั่งสมคุณงามความดีของเรา ไหว้พระบ้างสวดมนต์บ้าง นั่งภาวนาบ้าง ให้ทานบ้าง รักษาศีลบ้าง ประกอบคุณงามความดีอย่างอื่นบ้าง เหล่านี้แหละล้วนแล้วแต่เป็นคุณงามความดีเข้าสู่จิตใจ

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “แยกจิตออกจากกายคลายเวทนา”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๖







นิโรธ คือความดับทุกข์
ถ้าพูดเป็นภาษาพื้นบ้านเราก็ว่า "..หนีโลด.." ทำไมว่าหนีโลด เพราะว่าเห็นทุกข์ เห็นว่ามันเป็นของร้อนนั่นน่ะ นี่มันไม่เห็นมันก็เลยไม่อยากหนี มันก็เลยไม่อยากปลง มันก็เลยไม่อยากวางมันจึงเป็นทุกข์

เพราะไม่รู้จักคือว่าเบื่อหน่าย ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความเศร้าโศกเสียใจ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ที่พอใจเป็นทุกข์ ไม่ได้สมใจตนเป็นทุกข์ เป็นฟืนเป็นไฟเผาสัตว์โลก อะไรพาทุกข์ ก็ความอยาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง นิละพามุเจ้าทุกข์ พามุเจ้าเวียนว่ายตายเกิด ..

โอวาทธรรม หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่าวแดนดิน จ.สกลนคร






เรื่อง "พระโสดัน พระโสเดา มัวเมากิเลสตัณหา"

บ่เห็นพระเจ้าพิมพิสารเบาะ ลูกเอาไปใส่โซ่ไว้ ยังคาโซ่เดินจงกรมกุ๊งกิ๊งๆ อยู่ในพุ้น นั่น ภูมิพระโสดาบัน โอ๊ย ผู้รังคนหมู่เฮา ผู้ได๋ให้ทานหลายๆ แน สำคัญว่าเจ้าของเป็นพระโสดาบัน แต่ทั้งที่แท้ไปถือฤกษ์ถือยามอยู่ ไปเอาพระพุทธรูปแขวนคออยู่ ห๊วย กะเดี่ยวว่าแขวนใจไว้แล้ว ยังไปเอาพระพุทธรูปแขวนคออยู่ พระโสดาบัน ผั่นยังไปเล่นเลขอยู่ มันกะบ่แมนพระโสดาบันแหล๋ว กะโสดันโสเดาฮั่นแหล่ว โสคาดคะเนแหล่ว ขั่นเป็นจังซั่น เคยเห็นหลายอยู่ กะเป็นเรื่องของผู้อื่นดอกอันนี่ แต่ฮั่งเอามาสอนเจ้าของ โสดันโสเดาฮั่นแหล่ว โสด้นโสคาดคะเนฮั่นแหล่ว
โสอัตตาธิปไตยนั่น บ่แมนโสธรรมมาธิปไตย์พระโสดาบันเป็นธรรมมาธิปไตยเด้ บ่แมนอัตตาธิปไตย โลกาธิปไตย
บ่แมนไปนำโลกเด้ บ่แมนไปนำความคิดความเห็นเจ้าของ ไปนำธรรมเอาบักคั๊กๆ ว่าฮั่นเถาะ ช้าบ่ไวกะไปนำธรรม เคารพธรรม หวังมรรคผลนิพพาน หวังพ้นทุกข์ในวัฏสงสารสิ่งเดียวถ่อนั่นเป็นเจ้าหัวใจ

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต





#จุดที่เยี่ยมยอดของโลกคือใจ

การบำรุงรักษาสิ่งใด ๆ ในโลก... การบำรุงรักษาตนคือใจ เป็นเยี่ยม

จุดที่เยี่ยมยอดของโลกคือใจ ควรบำรุงรักษาด้วยดี

ได้ใจแล้วคือได้ธรรม

เห็นใจแล้วคือเห็นธรรม

รู้ใจแล้วคือรู้ธรรมทั้งมวล

ถึงใจตนแล้วคือถึงพระนิพพาน

โอวาทธรรม:หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร






"ความเกียจคร้านบ่เคยทำให้ใครเป็นอริยะ มีแต่ทำให้คนนั้นเป็นอะริแย่ คือแย่ลงไปเรื่อยๆ หาความาดีให้ตนเองไม่ได้"

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม






เมื่อจิตบริสุทธิ์แล้ว ไม่พูดก็เป็นมงคล พูดก็เป็นมงคล ยืน เดิน นั่ง นอน ล้วนเป็นมงคล

โอวาทธรรม หลวงปู่คลาด ครุธัมโม
วัดป่าบ้านใหม่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO