นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 02 พ.ค. 2024 8:37 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: แผ่เมตตา
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 13 ก.พ. 2024 5:08 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4545
"... ดวงจิต ไม่เป็นดี.. และไม่เป็นชั่ว
... แต่เป็นผู้รู้ดีและรู้ชั่ว เป็นผู้ทำดีทำชั่ว
... เป็นผู้ละดีละชั่ว ..."
__________________
#ท่านพ่อลี_ธัมมธโร
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ






“ ทุกขเวทนา ”

…ถ้าให้ความเสมอภาคระหว่าง
ทุกขเวทนา กับ สุขเวทนา
ใจก็จะมีความสุข จะอยู่เฉยได้

.ถ้าไม่ให้ความเสมอภาค
เลือกที่รักมักที่ชัง
เวลาสุขเวทนาต้อนรับเต็มที่
เวลาทุกขเวทนา พยายามขับไล่ไสส่ง
ถ้าเขาดื้อไม่ยอมไป …เราก็วุ่นวายใจ

.อย่าไปขับไล่ไสส่ง
ต้อนรับเขา เหมือนต้อนรับสุขเวทนา
ถ้าทำใจได้อย่างนั้นใจจะสบาย
จะผ่านทุกขเวทนาไปได้

.ถ้าผ่านไปได้ ก็ผ่านอุปสรรคหลัก
ที่ขวางการปฏิบัติของเรา
พอผ่านทุกขเวทนาไปได้
ต่อไปจะไม่กลัวอะไร

.ไม่กลัวความเจ็บปวด
ไม่กลัวความอดอยากขาดแคลน
ไม่กลัวความหิว
“ เพราะเป็นทุกขเวทนาทั้งนั้น ”

.เมื่อผ่านไปได้
ต่อไปจะเฉยกับสิ่งเหล่านี้
เฉยกับความเจ็บปวดของร่างกาย
ร่างกายจะเป็นอย่างไรไม่หวาดวิตก
ไม่กลัว เพราะรู้ว่าผ่านมาได้แล้ว

.“ พยายามทำใจให้เป็นอุเบกขา
ท่ามกลางทุกขเวทนาให้ได้ ”
เขาเกิดมาแล้ว …เดี๋ยวเขาก็ดับไป
เหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง.

…………………………………………
.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี

จุลธรรมนำใจ ๑๑ กัณฑ์ที่ ๓๗๔
วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๐





"..คนเราเกิดมาย่อมมีกรรมทุกๆ คนจึงได้เกิดมา ถ้าไม่มีกรรมก็ไม่ได้เกิด เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ต้องอาศัยกรรมนั่นแหละ เป็นเครื่องอยู่ คือการทำมาหาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่ทำมาหาเลี้ยงชีพ จะอยู่กับเขาในโลกได้อย่างไร ฉะนั้น เมื่อจำเป็นจะต้องทำกรรม จึงควรงดเว้นกรรมชั่วเสีย จงทำแต่กรรมดี กรรมชั่วจึงค่อยหมดไปด้วยการไม่กระทำอีก..."

ธรรมโอวาทโดย
พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์(เทสก์ เทสรังสี)วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย(พ.ศ.๒๔๔๕
-๒๕๓๗)






"พระอรหันต์แต่ละองค์ท่านได้สำเร็จไม่เหมือนกัน แตกต่างกันทั้งหมด พระโมคคัลลานะ ท่านก็สำเร็จทางฤทธิ์ไม่มีองค์ไหนได้เท่า พระสารีบุตรท่านก็เลิศด้านปัญญาฤทธิ์ท่านก็มีบ้าง แต่ไม่ได้สนใจในทางนี้

พระเณรสมัยใหม่บวชไม่ทันไร ถามหาคำภาวนาที่สำเร็จบอกอยากได้ พอถามธาตุ ๔ ธาตุ ๖ ธาตุ ๑๒ ธาตุ ๑๘ ยังแปลไม่ได้ไม่รู้จัก แล้วจะเอาอะไรมาสำเร็จ จะให้พอภาวนาพุทโธแล้วเหาะได้เลยหรือไม่มีทาง บอกให้หมั่นภาวนาก็เห็นมีแต่ก้มหน้านับข้อนิ้วมือกัน แม่นหยัง ก็เล่นโทรศัพท์ ผมภาวนาหามาตี้งแต่อายุ ๙ ปี หาอยู่อย่างนั้น ทุกวันนี้ก็มีแก้ไขตนเองทุกคืน มันจึงบอกกันไม่ได้หรอก พูดเป็นปีก็ไม่หมด ทางไปนิพพานเส้นผมแบ่งสามยังยากที่จะเข้าได้ ดูตัวเราสิใหญ่ขนาดไหน ทางลัดไม่มี มีแต่ทางของพระพุทธเจ้าเท่านั้น"

ธรรมคำสอน
หลวงปู่ประไพร สุภโร






"เมื่อเราแผ่เมตตาไปให้ผู้อื่นหรือสัตว์อื่น

ผู้ที่จะได้รับผลจากการเมตตาเป็นอันดับแรกคือ ตัวผู้ที่แผ่เมตตาเอง

โดยผู้อื่น สัตว์อื่น ที่เราแผ่เมตตาให้...จะได้รับทีหลัง.."

หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีไป






"..การบวชเป็นพระตามหลักธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา นับว่าเป็นการทรมานใจ ทรมานสันดานของคนมีกิเลสที่ชอบในสิ่งที่หลักศาสนาไม่ชอบ แต่กลับไม่ชอบในสิ่งที่หลักศาสนาสั่งสอนให้ชอบได้เป็นอย่างดี ความลำบากเพราะการฝืนกิเลสอาตมาก็ทราบ แต่ก็จำต้องเข้ามาบวชเพื่อทรมานหัวใจตัวเอง การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยทราบว่าลำบากทุกระยะที่ฝืนทรมาน แต่ก็จำต้องทรมานเพราะอยากดี และอยากหลุดพ้นจากกรรมอันลามก คือกิเลสตัวไม่ยอมลงรอยเหตุผลและอรรถธรรมของพระพุทธเจ้า แม้การมาพักบำเพ็ญประพฤติตัวเป็นคนเหลือเดน ไม่คิดคุณค่าในชีวิตอยู่ในถ้ำเวลานี้ เพราะกลัวบาปกลัวกรรมนั่นแล มิใช่กลัวอะไรที่ไหน.."

พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)อ้างอิงหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ









"..เราต้องการของดีคนดีก็จำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม่ได้ งานอะไร ๆ ย่อมมีการฝึกกันทั้งนั้น โลกถึงได้เรียกกันว่า ฝึกงาน ฝึกสัตว์ ฝึกคน ฝึกตน ฝึกใจตลอดมา นอกจากตายเสียเท่านั้น จึงหมดการฝึกกัน สิ่งใดที่ทำยังไม่เป็น เมื่อต้องการเป็นในสิ่งนั้นก็จำต้องฝึก และฝึกจนเป็นการเป็นงาน เป็นคนดีสัตว์ดี รวมลงในคำว่าฝึกนี้ทั้งสิ้น จึงควรพิจารณาให้ถึงใจปฏิบัติให้เกิดผล คำว่าดีจะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน.."

พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)ที่มาอ้างอิงหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






"ถ้าใจมีธรรมเป็นที่อยู่แล้ว
จะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ ไม่มีความเดือดร้อน

แต่ถ้าใจนั้นไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่แล้ว
ต่อให้นั่งนอนอยู่ในปราสาททอง
ก็ไม่มีความสุข

เพราะไฟกิเลสมันเผาผลาญหัวใจ
ให้ได้รับความเดือดร้อนอยู่มิเว้นวาย"

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม






“ได้มาก็อย่าดีใจ
เสียไปก็อย่าเศร้าโศก
ทุกอย่างที่อยู่ในโลก
ล้วนชั่วคราวทั้งนั้น
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป”

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






"เรามาอาศัยกายนี้ทำคุณงามความดี
ร่างกายนี้ ไม่ได้อยู่กับเรานานเท่าไรนะ
มันคร่ำคร่าชราภาพไปเรื่อย

มันเดินตามทางมันไปอยู่แล้ว
ห้ามมันไม่อยู่ มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

มันเป็นสภาพสูญห้ามไม่อยู่ ดังนั้น
จงรีบทำความเพียร
ให้อาสวะกิเลสมันสิ้นไปโดยเร็ว"

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร





“คู่ครองนั้นหาไม่ยากหรอก
คู่ที่ดีต่างหากที่หายาก
หากหาคู่ที่ดีไม่ได้ อยู่ลำพังดีกว่า”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO