นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 02 พ.ค. 2024 10:50 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ผลของกรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 14 ม.ค. 2024 6:25 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4546
"...มนุษย์เฮาตี้เกิดมาได้มาปะพระเจ้า
ปะน้ำธรรมกำสอนของพระเจ้า
ถือว่าเกิดมาโจคดีขนาด.."

หลวงปู่ครูบาอุ่น อตฺถกาโม (อายุ ๙๕ ปี พรรษา ๗๐)
วัดโรงวัว อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่







” ให้พิจารณาอย่างนี้ “

ถ้ามีสมาธิแล้วไม่พิจารณา ปัญญาก็จะไม่เกิด ต้องบังคับให้พิจารณา พอออกจากสมาธิแล้วก็พิจารณาอสุภะ พิจารณาอาการ ๓๒ พิจารณาซากศพ ดูความจริงของร่างกายว่าเป็นอย่างไร ร่างกายสวยจริงหรือไม่ หรือสวยบางส่วน บางส่วนก็ไม่สวย ร่างกายจะอยู่อย่างนี้ไปตลอดหรือจะต้องเปลี่ยนไป เวลาร่างกายหมดลมหายใจแล้วเป็นอย่างไร ให้ดูสภาพต่างๆของร่างกาย เพื่อจะได้เห็นความจริง ไม่เช่นนั้นจะมองว่าร่างกายจะหายใจไปเรื่อยๆ จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าพิจารณาดูร่างกายตั้งแต่เกิดจนตาย ก็จะเห็นว่าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พิจารณาเพื่อให้คลายความหลง คลายความยึดติดในร่างกาย

พิจารณาให้เห็นว่า ร่างกายเป็นเพียงดินน้ำลมไฟ มาจากธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟ ในรูปแบบของอาหารชนิดต่างๆ อาหารก็มาจากดิน จากน้ำ จากลม จากไฟ ถ้าไม่มีดินน้ำลมไฟ อาหารจะเกิดขึ้นมาไม่ได้ เช่นต้นข้าว ถ้าไม่มีดิน ไม่มีน้ำ ไม่มีอากาศ ไม่มีแสงแดด ก็จะไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เช่นเดียวกับผักต่างๆ สัตว์ที่กินข้าวกินผัก ก็เอามาแปลงเป็นร่างกายของสัตว์ แล้วเราก็เอาเนื้อสัตว์มารับประทานอีกที ล้วนมาจากดินน้ำลมไฟทั้งนั้น พอเข้ามาสู่ร่างกายก็แปลงเป็นอาการ ๓๒ เป็นอวัยวะต่างๆ เป็นผม เป็นขน เป็นเล็บ เป็นฟัน เป็นหนัง เป็นเนื้อ เป็นเอ็น เป็นกระดูก ฯลฯ พอร่างกายหยุดทำงาน ธาตุทั้ง ๔ ก็จะแยกออกจากกันไป ธาตุน้ำก็จะไหลออกไป ธาตุไฟก็จะหายไป ธาตุลมก็จะระเหยออกไป เหลือแต่ธาตุดิน ให้พิจารณาอย่างนี้

ถ้ามีสมาธิแล้วจะพิจารณาได้อย่างเพลิดเพลิน ถ้าไม่มีสมาธิจะไม่มีกำลังพิจารณา พิจารณาได้แวบเดียว ก็จะคิดถึงขนมนมเนย คิดถึงแสงสีเสียง คิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ คนนั้นคนนี้ปั๊บ ก็จะลืมพิจารณา นี่คือความสำคัญของสมาธิ เพราะสมาธิจะตัดกำลังของความหลง ของความอยาก ของความโลภ ทำให้ใจมีกำลังพิจารณาธรรม คิดไปในทางปัญญาได้

ถ้ามีสมาธิแล้วไม่พิจารณาก็จะไม่เกิดปัญญา บางท่านคิดว่าถ้ามีสมาธิแล้วปัญญาจะเกิดขึ้นเอง ปัญญาไม่เกิดขึ้นเอง ปัญญาต้องเกิดจากการพิจารณาความจริงของขันธ์ ๕ ความจริงของสิ่งต่างๆที่ใจมาเกี่ยวข้องด้วย ของภายนอกก็คือข้าวของเงินทอง บุคคลต่างๆ ที่อยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ เป็นธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟ แต่พวกเราไม่มองว่าเป็นอย่างนั้น พวกเราจะมองตามสมมุติ ว่าเป็นนาย ก. นาย ข. เป็นหญิงเป็นชาย เป็นสูงเป็นต่ำ มีค่าอย่างนั้นมีค่าอย่างนี้ ความจริงทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงธาตุ ๔ เป็นธาตุดินบ้าง เป็นธาตุน้ำบ้าง เป็นธาตุไฟบ้าง เป็นธาตุลมบ้าง ไม่ได้วิเศษอย่างไร ไม่สามารถทำให้จิตใจของพวกเราวิเศษขึ้นมาได้ ถ้ายังยึดติดธาตุ ๔ อยู่ จะไม่สามารถพัฒนาจิตใจสู่ความสูงสุดคือมรรคผลนิพพานได้.

…………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๓๑ กัณฑ์ที่ ๔๔๖
วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕






คนที่ภาวนาแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่าคนที่ไม่รู้จักการภาวนา มามัวแต่จับจ้องดูถูกคนที่ตั้งใจปฏิบัติภาวนา คนพวกนี้มันยังโง่ไม่เห็นว่าไฟกำลังเผาตัวเองทุกวันๆ มีแต่ใช้ชีวิตแบบประมาทมาก ชอบเที่ยวเล่น ดื่มกินสุรา ของผิดกฏหมายต่างๆ

เรื่องไม่ดีขึ้นชื่อว่าชั่วมันชอบทำกันนักคนสมัยนี้ ไม่รู้จักละอาย เกรงกลัวต่อบาปกรรมเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะมันยังไม่รู้ว่าบาปกรรมเป็นยังไง มัวแต่ใช้ชีวิตที่มีค่ายิ่งมาทำลายตัวเองลงทุกวัน ทำลายบุญกุศลเดิมที่บำเพ็ญมาให้หมดลงอย่างช้าๆจนในที่สุดบุญเก่าที่เคยทำมาก็หมด

เจ้ากรรมนายเวรทั้งภพอดีตและภพปัจจุบันก็รุมกรูกันเข้ามาทำร้ายคนพวกนี้จนเจ็บป่วยล้มตาย ลูกหลานทั้งหลายอย่าพากันทำบาปนะ สิ่งไหนไม่ดีผิดศีลธรรมที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้สิ่งนั้นแหล่ะคือบาปอกุศล มันจะพาเราฉิบหายวายวอดไปหมดทั้งตัวตนน่ะ

โอวาทธรรม
หลวงปู่ศิลา สุมงฺคโล วัดป่าท่าสิมมา อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี






"ทำบุญกับพระที่ไหนๆ ก็ต้องไม่ลืมพระที่บ้าน
พ่อแม่เรานี้แหล่ะ อย่ามองข้ามท่านไป"

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ







"เด็กที่ยังไม่รู้ว่าไฟร้อน
ถ้าเชื่อคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ไว้ก่อน
จะไม่เป็นการเชื่ออย่างงมงาย
แต่จะเป็นการเชื่อที่ช่วยคุ้มครองรักษาเด็กเอง
มิให้ถูกไฟลวก ไฟไหม้พอง ฉันใด

ผู้ที่ยังไม่เห็นถนัดชัดแจ้งด้วยตนเอง
ในเรื่องกรรม และผลของกรรม
ถ้าเชื่อที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ก่อน
ก็จะไม่เป็นการเชื่ออย่างงมงาย

แต่จะเป็นการเชื่อ ที่ช่วยคุ้มครองรักษา
ผู้เชื่อเองมิให้ได้รับผลร้าย จากการกระทำ
ที่ไม่ดี แต่ให้ได้รับผลดี จากการทำดี ฉันนั้น”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO