นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 02 พ.ค. 2024 7:40 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: กำลังความคิด
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 09 ม.ค. 2024 5:33 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4545
"..คนตายตายไปแล้ว เราอยู่ก็ตาย มันจะกลัวตายไปทำไม ความตายมาถึงละหวั่นไหว พระพุทธเจ้าบอกไม่ให้หวั่นไหว ได้ความสรรเสริญก็ดีใจ แต่มันไม่เที่ยง ความนินทาติเตียนก็มีในโลกนี้มีแต่มันไม่เที่ยง ลาภเกิดขึ้นก็มีในโลก แต่มันก็เสื่อมไป ความสรรเสริญเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ความสุขเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ความนินทาเกิดขึ้นก็เสื่อมไป สิ่งไหนล่ะจะเอามาเป็นสาระแก่นสาร เราจะไปยึดไปถือทำไม ปล่อยวางให้หมด ทำจิตให้เป็นอารมณ์เดียว ให้เป็นพุทโธ ๆ พุทโธคือผู้รู้ ให้ใจเราเบิกบาน อย่าให้ใจเราเศร้าหมอง ครั้นใจเราเศร้าหมอง ต้องชำระสะสางให้ใจเราเบิกบานอย่าให้ขุ่นมัว ให้ดูใจของตนนี่ เราจะได้บุญที่สุดก็เพราะจิตสงบวิเวก.."

อนาลโยวาท
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู(พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๒๖)






..การทำบุญทีละน้อยๆ ก็สามารถเป็นบุญกองใหญ่ได้ อย่าได้รั้งรอวันนั้นวันนี้ ให้ค่อยทำไปเรื่อยๆ เพราะความตายมันอยู่ใกล้ชิดเรา เราไม่รู้ว่าจะไปวันไหน ควรรีบสร้างคุณงามความดีเอาไว้เป็นที่พึ่งของตน

เหตุฉะนั้น การชิงชัยชนะละกิเลสความตระหนี่ความเหนียวแน่นหวงแหนทรัพย์สมบัติ ที่หามาได้ยากลำบากกว่าจะได้มาทำบุญทำกุศลได้ การใช้เงินอย่าฟุ่มเฟือยเกินไปอย่าฝืดเคืองเกินไป ส่วนหนึ่งเอาไว้เป็นทุน ส่วนหนึ่งไว้ใช้อยู่ใช้กิน ส่วนหนึ่งเอาไว้หาแพทย์หาหมอยามเจ็บป่วย ส่วนหนึ่งเอาไว้ทำบุญทำกุศล

..ให้ทำทีละน้อยๆ ก็จะสะสมเป็นกองบุญใหญ่ได้ ไม่ได้ทำมาก ทำทีละน้อยๆ หากมีมากขึ้นก็ทำมากขึ้น ปัจจัยทั้งหลายนั้นเราไม่สามารถนำติดตัวไปได้เมื่อเราล่วงลับดับไป นอกจากบุญกุศลคุณงามความดีของตนที่สร้างเอาไว้เท่านั้น ที่จะติดตามไปกับดวงใจของบุคคลที่จะไปเกิดใหม่ เหตุฉะนั้นเมื่อท่านได้ยินได้ฟังแล้ว โอปนยิโกน้อมเข้ามาพินิจพิจารณา ว่าตนมีความปราถนาอย่างไร อยากเจริญรุ่งเรืองก็เดินทางให้ถูกต้องเสีย..

โอวาทธรรม
หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป







…นี่คือการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
สามารถเจริญได้ตลอดเวลา
ถ้าเป็นนักภาวนา

.ถ้าเจริญสติเป็น จะไม่ไปเสียเวลา
กับการคุยกับคนนั้น คุยกับคนนี้
วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนั้น
วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้
แล้วก็เกิดอารมณ์ต่างๆขึ้นมา
ใจก็จะไม่นิ่งไม่สงบ จะว้าวุ่นขุ่นมัว

.แต่ถ้าใจมีสติ
จดจ่อเฝ้าดูร่างกายตลอดเวลา
ไม่ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้
ใจจะเย็น ใจจะว่าง ใจจะสบาย
นี่คือการใช้ร่างกาย เป็นอารมณ์ผูกใจ .

…………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒๒ กัณฑ์ที่ ๔๕๕
วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๖






"..ผู้มีปัญญาพอประมาณ เตรียมเสบียงสำหรับภพชาติหน้าด้วยการทำทานการกุศล เพื่อได้ชีวิตใหม่ในภพชาติข้างหน้าอย่างไม่ขาดแคลน บางคนก็ทำบุญทำกุศลปรารถนาสวรรค์ บางคนก็ปรารถนาความมั่งมีในภพภูมิของมนุษย์ ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่ถูก เป็นการเชื่อกรรม ว่ากรรมดีจักให้ผลดี จึงเมื่อหวังผลดีก็ทำกรรมดี

ผู้มีปัญญามาก เล็งรู้ว่าความไม่เที่ยงมีอยู่ แม้เกิดดีในภพใหม่ ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าสมปรารถนา แต่ด้วยความไม่เที่ยงก็ย่อมสามารถพ้นจากฐานะนั้นมาได้ รับผลของกรรมเป็นความทุกข์ยากในภพภูมิอื่นได้ ดังนั้นผู้มีปัญญาจึงไม่มุ่งปรารถนาความเกิด ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม สูงส่งเป็นสุขเพียงใดก็ตาม เพราะมีปัญญาทำให้รู้ว่าความสุขนั้นไม่ยั่งยืน และทำให้รู้ด้วยว่าแม้ปรารถนาความไม่ต้องพ้นจากความสุขไปสู่ความทุกข์ ก็ต้องปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์คือละจากกิเลสให้ไกลจริงเท่านั้น.."

พระนิพนธ์ แสงส่องใจให้เพียงพรหม
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร





"..เราต้องการของดีคนดีก็จำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม่ได้ งานอะไร ๆ ย่อมมีการฝึกกันทั้งนั้น โลกถึงได้เรียกกันว่า ฝึกงาน ฝึกสัตว์ ฝึกคน ฝึกตน ฝึกใจตลอดมา นอกจากตายเสียเท่านั้น จึงหมดการฝึกกัน สิ่งใดที่ทำยังไม่เป็น เมื่อต้องการเป็นในสิ่งนั้นก็จำต้องฝึก และฝึกจนเป็นการเป็นงาน เป็นคนดีสัตว์ดี รวมลงในคำว่าฝึกนี้ทั้งสิ้น จึงควรพิจารณาให้ถึงใจปฏิบัติให้เกิดผล คำว่าดีจะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน.."

พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร(พ.ศ. ๒๔๑๓-๒๔๙๒)จากหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ





"..คนมีเงินตั้งเยอะ ตั้งหมื่นล้านแสนล้าน พลังจิตไม่มี มันก็เปล่าประโยชน์

ทำไมถึงเปล่าประโยชน์ เพราะว่าเงินแสนเงินล้านมันไม่ได้เอาไปด้วยนี่

ตายไปแล้วก็เสร็จเรียบร้อย

ลูกหลานเขาร้องไห้ ไม่กี่วันเขาก็หายร้องไห้แล้ว แล้วก็เป็นอย่างนั้น

เพราะฉะนั้น พลังจิตนี่มันถึงจะเป็นทรัพย์สมบัติที่แท้จริง.."

สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงปู่วิริยังค์ สิรนฺธโร)
วัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร กรุงเทพฯ






"..พระธุดงคกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นมาดั้งเดิมนั่น
ท่านเป็นธรรมไม่มีโลกเข้าแฝงเลย ไม่พูดพล่ามเรื่องอะไรๆ เกี่ยวกับอรรถ
กับธรรมอย่างง่ายดาย ท่านพูดเฉพาะพวกเดียวกันที่มีความรู้ทางจิตภาวนา
คล้ายคลึงกันและไว้ใจกัน ท่านจะพูดเรื่องธรรมปฏิบัติล้วน ๆ ต่อกัน ใครรู้เห็น
อย่างไรจากการปฏิบัติจิตภาวนา ท่านคุยธรรมปฏิบัติกันอย่างเอาจริงเอาจัง
ฟังแล้วเพลินไม่อยากให้จบลงอย่างง่ายๆ

เรื่องที่ท่านจะพูดธรรมภายในใจ
เช่น สมถะ - วิปัสสนา สมาธิ สมาบัติ มรรคผลนิพพาน ที่ตนรู้ตนเห็นให้
ใคร ๆ ฟังแบบพล่ามๆ นั้น อย่าฝันลมฝันแล้งว่าจะได้ยินจากท่านง่ายๆ
ก็ท่านไม่พูดนี่ ท่านทำตัวราวกับพระเซ่อบัดซบนั่นแล ถ้ายังไม่สนิทกัน
สมมุติมีใครไปตีสนิทในขณะที่ไปพบเห็นท่านครั้งแรก ปากบอนอวดรู้
ตู้พระไตรปิฎกเต็มพุง พูดคุยอวดท่านเรื่องสมาธิ สมาบัติ มรรคผลนิพพาน
ทิพยโสต ทิพยจักษุ ตลอดอภิญญาพิสดารต่าง ๆ ท่านจะปิดปากอย่าง
สนิทเลย แต่จะคอยฟังแง่หนักเบาแห่งธรรมจากผู้มาคุยด้วยทุก ๆ ระยะ
ไม่คลาดเคลื่อนเลื่อนลอยจนจบ หากเป็นธรรมเกิดจากภาคปฏิบัติจริง ๆ
และเจตนาเป็นธรรมของผู้มาคุยด้วย ท่านจะช่วยแนะให้ตามลำดับแห่ง
จุดที่ผู้นั้นยังบกพร่องโดยที่ตนไม่รู้ไม่เข้าใจ แต่จะถามท่านสุ่มสี่สุ่มห้านั้น
ท่านไม่เล่นด้วย และหาทางออกตัวโดยอุบายต่าง ๆ เช่น ผมหรืออาตมา
ไม่รู้ไม่เข้าใจ เป็นต้น และปิดปากเงียบ

นี่คือนิสัยของพระธุดงคกรรมฐานที่ท่านเป็นธรรมและรักสงวนธรรม
โดยมากท่านปฏิบัติกันอย่างนี้ แม้จะรู้เห็นธรรมมากน้อยลึกตื้น
หยาบละเอียดเพียงไร ท่านจะพูดคุยในวงและคณะของท่านโดยเฉพาะ
ท่านไม่ประกาศโฆษณาตนและธรรมแบบโลกๆ เพราะท่านทราบว่า
โลกกับธรรมนั้นต่างกันแม้จะอยู่ด้วยกัน ท่านจึงรักสงวนธรรม

ส่วนพวกเราประเภทขายก่อนซื้อ เน่าก่อนสุก สุกก่อนห่าม พล่ามก่อนรู้ พอมาเจอกัน เป็นยังไงจิตถึงไหนแล้ว ถึงพรหมโลกหรือยัง ได้ไปเที่ยวสวรรค์ไหมคืนนี้ได้ไปดูสัตว์นรกบ้างไหมคืนนี้ ได้ตรวจดูจิตผมไหมคืนนี้ ได้ตรวจดูจิตคน.....นั้นไหม ที่เขามาขอให้ตรวจดูให้น่ะ ผมเองยัง เลยเพราะยุ่งกับการตรวจดูกรรมของ.....เขา เขามาให้ตรวจดูให้ คืนนี้ยังจะต้องตรวจดูกรรมเวรของ.....เขา คนนี้กรรมหนามาก ระโยงระยางด้วยสายกรรมสายเวรจนแทบมองไม่เห็นตัวจริง คุ้ยเขี่ยตัดฟันกันยกใหญ่กว่าจะได้ความจริงออกมาบอกเขา คนนี้ต้องให้เขาทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร โรคเขาจึงจะบรรเทา แต่หายนั้นไม่หายแน่เพราะเขายังมีกรรมหนักมาก ปกติผมหรืออาตมาไม่ว่าง ต้องช่วยเพื่อนมนุษย์ตลอดทั้งวันทั้งคืน ต้องแนะต้องบอกให้เขาสะเดาะเคราะห์เพราะระยะนี้ดวงเขาไม่ดีเลยดาวอะไรต่อดาวอะไรทับกันยุ่งหมด และต้องแนะต้องบอกหลายด้านหลายทางเพราะคนหนึ่งๆ ล้วนหาบเคราะห์หาบกรรมมาให้เราดู เราช่วยแทบเป็นแทบตายท่านไม่ได้เหมือนพวกเราชาวฉลาดก่อนโง่ดังที่กล่าวมา

พระธุดงคกรรมฐานองค์ใดรายใดก็ตามแสดงออก จะเป็นสมัยหลวงปู่มั่น
ยังอยู่หรือปัจจุบันนี้ก็ตาม องค์นั้นรายนั้นจะอยู่กับหมู่คณะไม่ได้ พระท่าน
รังเกียจ อย่างน้อยท่านก็ซุบซิบกัน มากกว่านั้นก็ทำเรื่องขึ้นหาครูอาจารย์
เพื่อเรียกมาชำระอธิกรณ์ นรก - สวรรค์ ให้สิ้นไปจากวัดจากหมู่คณะ
เพราะแบบนี้มันแบบหากิน มิใช่แบบหาอรรถหาธรรมดังพระพุทธองค์แล
สาวกพาหา เข้าใจไหม อย่าว่าปู่ดุนะ เราพูดตามความจริงของวงกรรมฐาน
สายหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่าน.."

หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ที่มา
จากหนังสือ อนาลโย ผู้ไม่มีความอาลัยประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ขาว อนาลโย
ช่วงถาม-ตอบ หน้า ๓๑๓





"แทนที่จะไปเสียเวลา เสียกำลังความคิด
ไปตั้งหน้าจัดการกับกิเลสผู้อื่น
ก็ให้ตั้งหน้าจัดการกับใจของตนเอง
ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับกิเลส

ทำได้เพียงไร ก็จะเหมือนสามารถแก้ไขคนอื่น
ทั้งหลาย ให้กลายเป็นคนดีได้ทั้งโลก
เพราะใจเราจะไม่เร่าร้อนเพราะผู้ใดเลย

จะเหมือนคนทั้งโลก ไม่ได้ก่อกรรมทำร้าย
ให้เราต้องกระเทือนใจเลย"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ







"ศีลมีมากมายหลายข้อ
บ่ต้องรักษาเบิ่ดทุกข้อดอก
รักษาแต่ใจเจ้าของอย่างเดียวให่ดีท่อนั้น
กาย วาจา กะสิดีไปนำกัน"

หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO