นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 7:24 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ตั้งมั่นในบุญกุศล
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 24 ก.ย. 2023 5:28 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
“ เทวดา กับ การสวดมนต์"

“หลวงพ่อครับ กระผมอยากทราบความคิดเห็นของหลวงพ่อ
ที่มีต่อเทวดาที่เขาสวดชุมนุมเทวดานั้น จะมีจริงหรือไม่”
หลวงพ่อจรัญ ท่านตอบในทันทีว่า
“อาตมาเชื่อ ทำไมจึงเชื่อ อาตมาจะเล่าให้ฟัง”

แต่เดิมนั้นอาตมาไม่เคยเชื่อเรื่องเทวดา เพราะอาตมาไม่เคยสัมผัสนี่ แล้วอาตมาจะไปเชื่ออย่างไร ในเมื่อแม่ชีก้อนทอง ปานเณร อายุ ๘๗ ปี มาบอกกับอาตมาว่า เทวดามาสอนสวดมนต์

แม่ชีมาเรียนกรรมฐาน อาตมาสอนให้เดินจงกรม ให้พิจารณาเห็นหนอ แต่แม่ชีเดินจงกรมแล้วไปคิดถึงเทวดา ไปเพ่งเทวดาเข้า เทวดาก็มา แกก็เก็บเงียบไว้ แต่แล้วในที่สุดแกก็เก็บไม่ไหวต้องการให้มีใครสักคนได้รับรู้เอาไว้ แกจึงมาบอกอาตมาว่า “หลวงพ่อ ดิฉันเห็นเทวดาเจ้าค่ะ มาสอนสวดมนต์ให้ด้วยเจ้าค่ะ”

“เทวดาที่ไหนกับแม่ชีเอ๊ย อาตมาไม่เชื่อหรอก”

แต่แม่ชีก็ว่าไม่ได้โกหก อาตมาถามว่า “เทวดามาตอนไหนเล่า”

แม่ชีบอกว่า “พอดิฉันได้ยินนาฬิกาตี ๑๒ เป็นเวลาเที่ยงคืนเทวดาก็ปรากฏให้ดิฉันเห็น ไม่ได้มาเปล่านะคะ มาสอนให้ดิฉันสวดมนต์บทเมตตาใหญ่ ดิฉันจึงสวดได้”
อาตมาก็บอกให้แม่ชีไปถามเทวดาว่าอยู่ที่ไหน วันรุ่งขึ้นแม่ชีก็มาเล่าให้ฟังว่า เทวดาอยู่ที่ต้นพิกุล ต้นพิกุลที่ว่านี่ อาตมาถามผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้ เช่น หลวงสมานวนกิจ อธิบดีกรมป่าไม้ มาที่นี่ ในตอนที่แม่ชีเห็นเทวดาประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงสมานฯ ว่า อายุกว่า ๑,๐๐๐ ปี เทวดาบอกแม่ชีว่า เดิมอยู่บนสวรรค์ แล้วละเมิดกฎต่อนางฟ้าจึงถูกให้ลงมาอาศัยวิมานต้นพิกุลอยู่จนกว่าจะหมดกรรม แล้วก็บอกวันเวลาเอาไว้ชัดเจน อาตมาก็จดไว้แล้วก็เป็นจริง พอถึงเวลาก็เหมือนที่เทวดาให้สังเกตสังกา

อาตมาก็ให้แม่ชีไปถามเทวดาว่า ไปชวนมนุษย์สวดมนต์ทุกบ้านหรือไม่ เพราะอาตมาเริ่มจะเชื่อ เพราะบทเมตตาใหญ่ที่แม่ชีสวดนี่ อาตมาไปหาที่ไหนๆ ก็ไม่เจอ จนกระทั่งไปรู้ว่า สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ได้นำเอาไปต่อท้ายพุทธมนต์พุทธาภิเษก และตำรับนั้นไปตกอยู่กับพระครูลมูล วัดสุทัศน์ฯ พระครูลมูลนี้เป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพนะ ทำสมเด็จเนื้อผงดีมากนะ มีละก็เก็บเอาไว้ให้ดีเชียว

อาตมาไปขอตำรับมาตรวจสอบที่วัด ท่านพระครูลมูลบอกว่าไม่ได้ๆ ตำรับนี้ของอาจารย์ อาตมาให้ใครยืมไม่ได้ อาตมาก็บอกว่าไม่ได้เอาไปเลย แต่จะเอาไปสอบทานอะไรหน่อย แล้วก็เล่าความจริงให้ท่านฟัง ท่านก็ใจอ่อนบอกว่า เอ้าเอาไปเถอะให้ยืมเจ็ดวัน แล้วเอามาส่งคืนนะ

อาตมาก็เอามาเป็นตัวขอมทั้งนั้น อาตมาก็บอกแม่ชีว่า มาท่องให้อาตมาฟังหน่อย แม่ชีก็เริ่มท่อง ก็แกอายุ ๘๗ แล้วนี่นะ ก็ยานคางกว่าจะหลุดออกมาได้ตามประสาคนแก่

โยมเชื่อไหมล่ะว่า แม่ชีก้อนทอง คนนี้เป็นคนไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก ตัวขอมยิ่งไม่กระดิกใหญ่ แล้วเมตตาใหญ่ที่แกท่อง อาตมาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แกท่องด้วยความมั่นใจ อาตมาสอบกับต้นฉบับขอมของท่านพระครูลมูล ปรากฏว่าไงรู้ไหมโยม

“ตั้งแต่ตัวแรกจนตัวสุดท้ายไม่มีผิดเลย”

อาตมาถามว่าเทวดาไปชวนคนสวดมนต์ทุกบ้านหรือเปล่า

เทวดาบอกกับแม่ชีมาว่า “เปล่า บ้านไหนจัดที่บูชามีโต๊ะหมู่ มีพระพุทธรูปตั้งไว้ แล้วเจ้าของบ้านสวดมนต์ เทวดาก็มาร่วมสวดมนต์ด้วย พระพุทธรูปเหล่านั้นที่ไม่ได้เข้าพิธีอะไร เช่ามาบูชาจากเสาชิงช้า หากเจ้าของบ้านเอามาสวดมนต์ไหว้พระทุกวันด้วยใจศรัทธา เทวดามาสวดมนต์ หนักเข้าก็เลยเข้าสิงรักษาองค์พระเอาไว้ ก็เลยศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ทำให้เกิดสิริมงคลในครัวเรือน”

หลวงพ่อพระพุทธโสธรนั้น คนกราบไหว้บูชากันมากเลยมีเทวดามารักษา ๑๖ องค์ ทำให้เกิดอภินิหารนานาประการ พระพุทธรูปสำคัญๆ ก็มีเทวดารักษาทั้งนั้นแหละ

เทวดาท่านว่าอย่างนั้นและเทวดาก็ว่าบ้านไหนมีพระพุทธรูปแค่ตั้งโชว์ เทวดาก็ไม่ไปสวดมนต์ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยทำวัตรสวดมนต์ เทวดาก็ไม่มา ผ่านเลยไปเลย มาไม่ลงมาสวดมนต์ คนเราก็มีเทวดารักษา คนดีมีศีลธรรม เทวดาที่เป็นบัณฑิตรักษา ถ้าคนชั่วขี้เหล้าเมายาทำชั่ว เทวดาพาลพวกมิจฉาทิฐิก็มารักษา

อาตมาถามต่อไปว่าแล้ว “เวลาพระ สัคเค กาเม จะ รูเป เทวดาลงมาหรือไม่” เทวดาว่า “รีบลงมา เทวดาบัณฑิตมาก่อน พอเห็นเจ้าภาพกินเหล้าเมาหงำกันในงานบุญก็เบ้หน้าแล้วกลับ เทวดาพาลก็เข้ามาแทนที่ เลยเกิดเรื่องเกิดราวตูมตามนั่นแหละ”

"พระอาจารย์จรัญ ฐิตธัมโม"
วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี






"บุญถ้าไม่ทำเพิ่มเติม ก็หมดไปได้ เหมือนน้ำในโอ่งหากไม่ตักเพิ่ม ในที่สุดก็แห้งหมดไปได้"

โอวาทธรรม:องค์หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ





. วาสนา นั้นเป็นไปตามอัธยาศัย
คนที่มีวาสนาในทางที่ดีมาแล้ว แต่คบคนพาล วาสนาก็อาจเป็นคนพาลได้

บางคนวาสนายังอ่อน เมื่อคบบัณฑิต วาสนาก็เลื่อนขึ้นเป็นบัณฑิต

ฉะนั้น บุคคลควรพยายามคบแต่บัณฑิต เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตนให้สูงขึ้น

โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร







..คนเรานี้ได้อยู่ด้วยกันแบบร่มเย็นเป็นสุขก็ทำให้มีเมตตา เมตตาพรหมวิหาร เมตตาธรรมค้ำจุนโลก โลกจะตั้งอยู่ได้เป็นปึกแผ่นแน่นหนาช่วยเหลือกันเป็นหมู่เป็นกลุ่ม ทั้งช่วยกันในด้านการทำการทำงานก็ดี อยู่บ้านใดเมืองใดประเทศไหนก็เหมือนกัน ถ้ามีเมตตาต่อกันซึ่งกันและกันแล้วก็ไม่มีอันตรายที่จะเกิดขึ้นไม่มีความวุ่นวาย เรียกว่าเมตตาธรรมของโลกจะตั้งอยู่ได้มั่นคงก็อาศัยเรียกว่ามีเมตตาต่อกันซึ่งกันและกัน แม้ในครอบครัวก็ดี สามีภรรยา ลูกหลานปู่ย่าตายายอยู่ด้วยกัน เมื่อมีเมตตาต่อกันและกันแล้วก็จะไม่มีอะไรในครอบครัว ครอบครัวก็จะอยู่ด้วยกันด้วยความเมตตา อยู่ด้วยความสงบก็เรียกว่ามีเมตตาต่อกัน..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่







..มองดูศีลของตน มองดู ข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓ ข้อ ๔ ข้อ ๕ ก็ดี ข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๘ ศีลอุโบสถก็ดี มองดูแล้วว่าศีลของตนเองนั้นบริสุทธิ์ ไม่ด่างไม่พร้อย ไม่ขาดทะลุปรุโปร่ง ศีลบริสุทธิ์ทุกข้อดี จิตก็ย่อมมีความปลื้มปีติยินดีว่าตนเองนั้นเป็นผู้มีศีล เมื่อตนเองเป็นผู้มีศีล จิตย่อมสงบรื่นเริงอยู่กับตนเองว่ามีศีล เรียกว่า สีลานุสติกรรมฐาน ก็ควรระลึกดูศีลของตนเองตลอดว่าตนเองเป็นผู้มีคุณธรรม มีศีลเป็นที่พึ่งของตน จิตใจของบุคคลนั้นย่อมสงบระงับเป็นสมาธิได้ นี่อุบายที่จะให้จิตใจของพวกเราสงบเป็นสมาธิ
..บางบุคคลนั้นมันไม่สงบก็ต้องเปลี่ยนข้อธรรมกรรมฐาน แต่ในระหว่างนี้เราควรจะพินิจพิจารณาเอาข้อใดข้อหนึ่งดังได้กล่าวมานั้น อย่าไปคิดหลายข้อดังได้กล่าวมา ได้ยิน ได้ฟัง จะเอาอะไรก็เอา จะเอาจิตไว้ตรงไหนเพื่อให้มันสบาย เราก็ให้จิตของเราคิดอยู่ที่นั่น ดูอยู่ที่นั้น ถ้าจิตของพวกเราพากันสงบนิดหน่อย เดี๋ยวก็วิ่งออกไปอีกน่ะแหละ แฉลบออกไปวิ่งออกไปภายนอกอีก
..เราก็ต้องติดตามจิตใจของเราอยู่ตลอดเวลา ติดตามดึงคืนมา การดึงจิตคืนมาหาข้อธรรมกรรมฐาน เราควรที่จะสังเกต ควรที่จะพิจารณาว่า ความคิดนี่เองเรียกว่าจิต เอาความคิดนั้นมาคิดอยู่กับข้อธรรมกรรมฐาน อย่าหันไปคิดกับที่อื่นเท่านั้นเอง เรียกว่าดึงจิตคืนมาอยู่กับข้อธรรมกรรมฐาน เราเอาความคิดมาคิดดูอยู่กับข้อธรรมกรรมฐานที่ตนเองตั้งเอาไว้..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่








#ให้เอาบุญเอาคุณเป็นเครื่องอยู่

"...เมื่อร่างกายนี้มันไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืนอย่างนี้แล้ว
ควรทำอย่างไรล่ะ ก็ต้องมาปรับปรุงจิตใจนี่แหละ
ให้มันตั้งมั่นลงไป เพราะว่าจิตดวงนี้สามารถฝึกให้
มันตั้งมั่นลงได้ ถึงมันจะไม่มีรูปร่างก็ตาม แต่มันก็
มีอิทธิพล เมื่อได้มาอาศัยร่างกายนี้แล้ว ถ้าหากว่า
มันถูกกิเลสตัณหาครอบงำอย่างนี้ ก็ใช้กายทำ
ความชั่วเบียดเบียนบุคคลอื่น สัตว์อื่นได้

แต่ถ้าจิตนี้ได้รับการอบรมให้ตั้งมั่นอยู่ในบุญในกุศล
อย่างนี้แล้ว มันก็สามารถใช้กายวาจานี้ทำดี พูดดีได้
สามารถทำบุญกุศล คุณงามความดีให้สูงขึ้นไปตาม
ลำดับ สามารถละอาสวะกิเลสต่างๆ ทั้งหลายให้หมด
สิ้นไปจากดวงจิตนี้ได้ นี่แหละจึงว่าจิตนี้ถึงแม้จะไม่มี
รูปร่างอะไร มีแต่ความรู้สึกนึกคิดเฉยๆ แต่มันก็มี
อิทธิพลในตัวของมันเอง ให้พากันพิจารณาให้เห็น
ตามทันอย่างนี้นะ..."

#ที่มา หนังสือ ๑๐๐ ปี ชาตกาล หน้า ๒๓๗
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO