นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 2:10 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เปรียบน้ำมันกับน้ำ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 13 ก.ย. 2023 7:36 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4546
"..กิเลสมันไม่ได้อยู่ในกายนะ มันอยู่ในใจนะ มันอยู่กับใจต่างหาก มันไม่ได้อยู่ในธาตุในขันธ์ มันไม่ได้อยู่ในกายนะ...สารถีฝึกม้า ถ้าม้าตัวไหนผาดโผนมาก มันคึกมันคะนองมาก ผาดโผนมาก สารถีเขาจะต้องฝึกอย่างแรงทีเดียว ฝึกอย่างหนัก ไม่ควรให้กินหญ้าไม่ให้มันกิน ไม่ควรให้กินน้ำไม่ให้มันกิน แต่การฝึก ฝึกอย่างหนักแน่นทีเดียว จนกว่าว่าม้านี่ค่อยลดพยศลงไป การฝึกอย่างนั้นเขาก็ค่อยลดลงตามส่วน จนกระทั้งว่าม้านี้ใช้ได้แล้ว ไม่มีพยศอดสูอะไร พอที่จะต้องฝึกอย่างนั้นแล้ว เขาก็ใช้งานใช้การเป็นธรรมดาเท่านั้นแหละ.."

โอวาทธรรมโดย
พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร(พ.ศ. ๒๔๑๓-๒๔๙๒)




"การตัดกรรม คือ
การหยุดทำความชั่ว หยุดทำบาป

การตัดเวร คือ การหยุดการพยาบาท
อาฆาตจองเวร ซึ่งกันและกัน คือไม่แก้แค้น
ซึ่งกันและกัน

รู้จักคำว่า ให้อภัยซึ่งกันและกัน
และผู้ที่ทำผิด ก็ให้รู้จักคำว่าขอโทษ
ผู้ที่ถูกขอโทษ ก็รู้จักคำว่าให้อภัย
อันนี้ เป็นอุบายตัดกรรมตัดเวร"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย







. อันบุคคลผู้ทำนาก็ต้องทำลงไปในแผ่นดิน ลุยตมลุยโคลนตากแดดกรำฝน
จึงจะเห็นข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวสุกมาได้ และได้บริโภคอิ่มสบาย
ก็ล้วนทำมาจากของมีอยู่ทั้งสิ้นฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ฉันนั้น
เพราะศีล สมาธิ ปัญญา ก็มีอยู่ในกาย วาจา จิต ของทุกคน

โอวาทธรรมหลวงปู่ มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร






"...ให้พากันสำนึกให้ได้ คนส่วนมากมีแต่ส่งใจไป
เรื่อยไป ส่งใจไปตามอารมณ์ต่างๆ ที่มันกระทบมา
ทางตาเป็นต้น แล้วมันไม่ได้ทวนกระแสจิตเข้ามา
พิจารณา ดูอัตภาพร่างกายอันเป็นปัจจุบัน เมื่อผู้ใด
สามารถทวนกระแสจิตเข้ามาเพ่งดูอัตภาพร่างกายนี้
มันก็เห็นแจ้ง แล้วก็คลายความโกรธ ความไม่พอใจ
ต่างๆ ลง เพราะว่าไม่มีใครด่าเรา ไม่มีใครข่มเหงเรา
เพราะมองแล้วว่าร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเรา เป็นเพียง
สภาวธาตุ เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่มีใครด่าเราด่าเขา
อะไร เขาผู้ด่าก็ไม่มี มีแต่สังขารมันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
ก็ต้องกำหนดรู้ว่ามันเป็นสังขาร คือสภาพที่ถูกปรุงแต่ง
ขึ้น ความโกรธนั้นแหละมันปรุงแต่งขึ้น ให้ด่าคนนู้น
ให้พูดเสียดสีคนนี้ ถ้าความโกรธไม่มีแล้วมันจะไม่เป็น
อย่างนั้นเลย ต้องทวนกระแสมาดูให้รู้ว่าความชั่วมัน
หมักหมมอยู่ในใจนี้ มันมีอยู่หรือ ถ้าผู้ใดทวนกระแส
เข้ามาดูจิตใจตัวเองก็รู้ได้ ความชั่วชนิดนี้มีอยู่ในใจ
ของเรา และเราจะไม่เลี้ยงมันไว้ มันมีพิษมีภัยต่อ
ตัวเองและผู้อื่น

นี้การที่บุคคลจะละกิเลสได้ ก็เพราะว่าทวนกระแสจิต
เข้ามา ไม่ส่งกระแสจิตออกไปฝ่ายเดียว มันจะมองเห็น
ว่าอัตภาพร่างกายอันนี้ ไม่ใช่ร่างกายของเราจริงจัง
สมมุติว่าเอาต่างหาก..."

#ที่มา หนังสือ ๑๐๐ ปี ชาตกาล หน้า ๒๑๑
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)






..ตั้งใจฝึกฝนอบรมจิตใจให้มีที่พึ่ง ใจที่มีที่พึ่งก็มีคุณงามความดี เจ้าของก็ได้ทำความดีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ดี ทางวาจาก็ได้ชักชวนกันมา ให้คนมีความเลื่อมใสมีศรัทธาความเชื่อมั่นในคุณงามความดี ด้านจิตใจก็พิจารณาว่าคนเราเมื่ออยู่ด้วยกันในโลกนี้จะอยู่แบบไหน จะพัฒนาตนเองอย่างไรที่จะให้อยู่ได้สบาย นั่นเป็นข้อสำคัญที่จะได้พากันศึกษา พระพุทธศาสนานั้นสอนให้เราอยู่ด้วยกันด้วยความสงบไม่มีความวุ่นวาย สอนให้ทำคุณงามความดี ตามความสามารถของพวกเราที่จะสามารถกระทำได้
..ในทางด้านร่างกายก็ดี ทางด้านพูดจาปราศรัย มีความสามารถรู้และเข้าใจอย่างใดได้บ้าง ที่จะพูดจาปราศรัยอยู่ด้วยกันเป็นหมู่เป็นฝูง ทำให้เราอยู่ด้วยความสมานสามัคคีปรองดองกันอย่างไร ไม่กระทบกระเทือนซึ่งกันและกัน นั่นก็เป็นข้อสำคัญอีกข้อหนึ่ง ทางด้านจิตใจนั้น ที่เราอยู่ด้วยกันไปมาหาสู่ด้วยกัน ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก อยู่เป็นหมู่เป็นฝูง เราปฏิบัติกันอย่างไร ฝึกจิตใจอย่างไหนให้มีเมตตาต่อกันและกัน ไม่ให้เรารังเกียจซึ่งกันและกัน ซึ่งก็ทำได้ยากแต่ก็สามารถจะพัฒนาพิจารณาทำได้ อย่างพวกเราที่เข้าวัดฟังธรรมจำศีล รักษาศีลเจริญภาวนาก็ดี ก็สามารถทำเป็นกลุ่มเป็นฝูงได้ ทั้งผู้ที่มีมากมีน้อย มีสติปัญญามีคุณงามความดีอะไรก็แบ่งกันซึ่งกันและกัน..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่







"น้ำมันกับน้ำท่า
มันต่างกัน เหมือนกับคนฉลาด ก็ต่างกับคนโง่
พระพุทธเจ้า ก็ทรงอยู่กับ เสียง รูป กลิ่น รส โผฏะฐัพพะ ธรรมารมณ์
แต่พระองค์ทรงเป็นพระอรหันต์ พระองค์จึงทรง
เห็นสิ่งเหล่านี้...
เป็นเพียง...สิ่งสักว่า เท่านั้น

พระองค์...
ทรงปล่อยวางมันไปเรื่อย ตั้งแต่ทรงเข้าพระทัยแล้วว่า...
ใจ ก็สักว่าใจ
ความคิด ก็สักว่าความคิด
พระองค์ ไม่ทรงเอามันมาปนกัน

ถ้าคิดได้ รู้สึกได้ อย่างนี้...
เราก็จะแยกมันได้
ความคิด ความรู้สึก อยู่...ทางหนึ่ง
ใจ ก็อยู่...อีกทางหนึ่ง

เหมือนกับน้ำมัน กับน้ำท่า
ที่อยู่...ในขวดเดียวกัน แต่ มันแยกกันอยู่."

หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
เทศนาธรรมเรื่อง" น้ำมันกับน้ำ"






ความเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้วัดอยู่แค่การเกิดก่อน และไม่ได้วัดกันที่มีตำแหน่งใหญ่โตกว่าใครๆ เพียงเท่านั้น หากแต่ความเป็นผู้ใหญ่สำหรับสังคมที่เจริญแล้วนั้น ต้องนับถือกันที่ "ปัญญา"

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO