นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 4:08 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: มีสติปัญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 09 ก.ย. 2023 6:52 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4546
..พวกเรามีความตั้งใจทุกท่านทุกคน เรียกว่า มีเจตนาดีจากจิตจากใจ คุณงามความดีที่เกิดจากจิตจากใจ ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้แล้วว่า คนจะทำบุญทำทานการกุศลได้ก็เพราะจิตเจตนาที่เลื่อมใส เพราะฉะนั้น พวกเราได้มีเจตนาที่ดีมาจากจิตใจที่เลื่อมใส มีความเชื่อมั่นตามคำสอนของพระพุทธองค์แล้ว
..ภิกษุทั้งหลายในสมัยครั้งพุทธกาล ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ของพระพุทธองค์แล้วได้พากันบรรลุธรรม และนำมาแนะนำสั่งสอนญาติโยมให้ประพฤติปฏิบัติ ก็เลยรู้ตามความเป็นจริงของสัจธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ว่า การทำดีนี้จะไปอยู่ที่ไหนๆก็แล้วแต่ ทำดีย่อมมีความสุข เรียกว่า เหตุดีผลก็ดี ถ้าหากเหตุไม่ดีผลก็ออกมาไม่ดี อยู่ที่ไหน ทำอะไรที่ไหนบ้านเมืองใด ก็ไม่นำความทุกข์มาให้แก่เขาทั้งหลาย
..ถ้าเรามามองดูโลกในปัจจุบันนี้ มันเจริญแต่ด้านวัตถุ แต่จิตใจคนเรามันเจริญหรือไม่ เป็นข้อสำคัญ ..เหตุฉะนั้น..จึงมีการเจริญเมตตาภาวนาฝึกฝนอบรมจิตใจ เพื่ออยากให้ใจของเรามีความสุข จะพูด จะทำ จะคิดสิ่งใด ก็จะทำไปในทางที่ถูกต้อง นี่เป็นข้อสำคัญที่พวกเราพากันสนใจปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่







"...ตั้งใจภาวนาเด้อ งานการก็ไม่มีอะไร ทำได้ทั้งวัน
นอกจากตัวเราไม่ทำเองหรอก ไปหาโม้หาคุย ทำอะไร
ก็สู้ภาวนาไม่ได้ นั่งก็ได้เดินก็ได้ อย่าไปคิดอะไรนะ
คิดก็ให้คิดเข้ามาหากรรมฐาน ๕ เกสา โลมา นะขา
ทันตา ตะโจ อาการ ๓๒ ดูกายดูใจ ดูกลับไปกลับมา
มันก็จะดีอยู่หรอก อย่าให้มันคิด ถ้าคิดก็ให้คิดเข้ามา
หากายของเรา ถามมันดูว่าคิดแล้วได้อะไร มันจะเอา
อะไร มีอะไรเอาไปได้บ้างของกินของใช้ ของกินก็กิน
เฉยๆ แค่อิ่มปากอิ่มท้อง ของใช้ก็ใช้เฉยๆ เต็มไปหมด
ถ้าตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ อะไรก็เหมือนกัน ให้ดูมัน
ความตาย ให้พากันทำอย่าอยู่เฉยๆ ไม่มีความหมายนะ
มันใกล้จะหมดแล้วคนภาวนา แต่ก็พอมีอยู่ แต่ก็น้อย
หายาก มันหมดสมัยมัน วันคืนล่วงไปๆ ไม่ได้ล่วงไปแต่
วันคืนนะ แก่ไปด้วย เฒ่าไปด้วย ใกล้เข้าไปหาที่ตาย
ให้พากันพิจารณา ยังแข็งแรงอยู่พากันทำ..."

#ที่มา หนังสือ ธรรม...ย้ำเตือน หน้า ๙๗
หลวงปู่เพียร วิริโย วัดป่าหนองกอง จังหวัดอุดรธานี





. เกิดมาแล้ว ก็แก่ เจ็บ ตาย แต่ก่อนจะตาย ทานยังไม่มี ก็ให้มีเสีย ศีลยังไม่เคยรักษา ก็รักษาเสีย ภาวนายังไม่เคยเจริญ ก็เจริญให้พอเสียจะได้ไม่เสียที ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาด้วยความไม่ประมาท นั้นละจึงจะสม กับที่ได้เกิดมาเป็นคน

โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร







..ถ้าเราไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง ยังไงเราก็ต้องเกิดแน่ล่ะชาติต่อไป ใครๆก็ต้องเกิดแน่นอน มันร้อยเปอร์เซ็นต์ มันพันเปอร์เซ็นต์ ทำอย่างไรเราจึงจะรู้แจ้งเห็นจริง เราก็ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยพิจารณา
..อย่าทำใจให้วุ่นวาย อย่าทำใจให้โศกเศร้าอะไร นั่งเจริญเมตตาภาวนา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ปฏิบัติไปนี่แหละ สร้างสติปัญญาให้เกิดขึ้นอยู่อย่างนี้ เพราะผู้ที่ตัดสินก็คือสติปัญญา..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่







#บุญกุศลต้องทำให้ต่อเนื่อง...

หลวงปู่เคยสอนว่า

" บุญกุศลถ้าทำให้ต่อเนื่องได้จะดี จะทำมากทำน้อยก็ได้ เมื่อมีโอกาสก็ให้ทำไปตามกำลัง.."
(เมื่อทำบุญได้อย่างต่อเนื่อง อานิสงส์ก็ย่อมส่งถึงเราอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ผู้นั้นจะเป็นผู้มีแต่ความโชคดีอยู่เสมอ)

" ถ้าไม่มีเงิน หรือข้าวของที่จะทำบุญ ก็ให้ สาธุๆๆ อนุโมทามะ กับคนที่เขาทำ ก็ได้บุญเหมือนกัน.."

" บุญ เป็นของจริง ถ้าทำจริง ศรัทธาจริง ก็ได้ผลจริง.."

" ทานรวย ศีลสวย ภาวนาฉลาด.."
(การทำบุญมีอยู่หลายทาง แต่ละทางก็ให้ผลต่างกันไป
ใครอยากรวย ให้ทำทานมากๆ ใครอยากเกิดมาหล่อสวย ก็ให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์เสมอ ใครอยากเกิดมามีปัญญาดี ก็ให้เจริญภาวนามากๆ )

ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน จงอย่าคิดว่า ชีวิตนี้เราทำบุญไว้เยอะแล้ว หรือเมื่อไหร่ค่อยทำก็ได้ เพราะบุญที่ทำเปรียบเสมือนอริยทรัพย์ที่สะสมเอาไว้ใช้ในอนาคต หรือในภพหน้าๆ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เราสามารถตักตวงบุญกุศลได้ตลอดเวลา การเกิดเป็นคนนั้นเป็นเรื่องยาก และคนเรานี้แหละที่สามารถสร้างสมบุญ กุศล บารมี ได้ดียิ่งกว่าภูมิใดๆ เพราะครบถ้วนด้วยองค์ประกอบที่จะกระทำได้

บุญที่ทำนี้อาจส่งผลได้ภายในชาตินี้ หรือชาติหน้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง เราไม่จำเป็นต้องไปคาดหวังหรือเร่งให้บุญส่งผลให้เราสมปรารถนาโดยเร็ว เพราะอาจจะทำให้บุญนั้นกลายเป็นอัตตาบุญไป

และเมื่อทำบุญแล้ว จะอธิษฐาน หรือไม่อธิษฐานก็ได้ ยังไงอานิสงส์แห่งบุญนั้นย่อมให้ผลแก่เราตามเหตุปัจจัยอันเหมาะสมเป็นแน่แท้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราต้องการจะอธิษฐาน ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า บุญเป็นของดี เป็นของสูง บุญเป็นของพึ่งได้จริง เพราะฉะนั้นให้อธิษฐานในเรื่องสูงๆไว้ก่อน เช่น ขอบุญที่ทำนี้จงเป็นปัจจัยต่อมรรคผลนิพพาน หรือ หากข้าพเจ้ายังไม่ถึงซึ่งพระนิพพาน ก็ขอให้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ขอให้มีปัญญารู้แจ้งในธรรมได้โดยฉับพลัน ส่วนจะอธิษฐานให้รวย ให้สวย ให้ฉลาด หรือให้สุขภาพแข็งแรงนั้น เข้าใจว่าคงไม่จำเป็นนัก เพราะอย่างไรเสีย ผลลับในการกระทำนั้นย่อมสะทัอนกลับมาเป็นแม่นมั่น ใครที่บริจาคทานก็ต้องรวย ใครรักษาศีลบริสุทธิ์ก็ต้องสวย ใครภาวนามากก็ต้องฉลาด ใครไถ่ชีวิตสัตว์ สร้างสถานพยาบาล หรือดูแลผู้ป่วย ก็ย่อมมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุยืน เป็นเช่นนี้เอง(ตถตา)

และการทำบุญนั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ซึ่งผู้ที่เป็นนาบุญ หรือองค์แห่งบุญเหล่านั้น ก็ยังมีผลต่างเช่นกันอีก เช่น เมื่อทำบุญกับพระอริยะ ก็ย่อมได้อานิสงส์มากกว่าทำบุญกับพระที่ทรงศีลปกติ ทำบุญกับพระที่ทรงศีล ก็ย่อมได้อานิสงส์มากกว่าทำบุญกับพระที่ศีลไม่บริสุทธิ์ ลดหย่อนกันไปตามลำดับ...
แต่บุญที่สามารถทำได้กับตนเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปทำที่อื่น และไม่ต้องลงทุนใดๆ ก็คือการเจริญจิตภาวนา เรื่องนี้หลวงปู่สอนว่า..

" แค่ภาวนา พท-โธ ก็ได้บุญแล้ว ไม่ต้องลงทุนอะไร พุท-เข้า โธ-ออก บอกทางบุญ.."
( ภาวนาดูลมหายใจเข้า-ออก )

และการทำบุญ หรือทำความดีต่างๆนั้น เราสามารถอุทิศให้แก่ใครก็ได้ ให้เขาได้อนุโมทนา เพื่อให้มีส่วนในบุญที่เราได้ทำนี้ ไม่ว่าผู้นั้นจะยังมีชีวิตอยู่ หรือล่วงลับไปแล้วก็ตาม

แต่สิ่งสำคัญที่สุด การทำบุญให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นต้องประกอบด้วยใจศรัทธา ทำแล้วไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น และพยายามลดละซึ่งบาป อกุศลอันเศร้าหมองต่างๆ เพื่อยกระดับจิตของตนให้สูงยิ่งๆขึ้นไป...

หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี







"...เรานั่งภาวนาต้องอดต้องทนต้องพินิจพิจารณา
นั่งอย่างมีสติมีปัญญามันเป็นการแผดเผากิเลส
กิเลสมันเร่าร้อนนะ มันหวั่นไหวนะ ต้องหักห้าม
ไม่เป็นไปตามกระแสของมัน ไม่เป็นไปตามความอยาก
ของตัวเองของกิเลสฝ่ายต่ำ เราไม่ตามมันนี่มันหวั่นไหว
ถ้าเราตามมันนี่มันหัวเราะ เราต้องนิ่งต้องมีสติเหนือ
ตัวกิเลส สติปัญญาต้องแก่กล้า เราต้องฝึกต้องหัด
ต้องเข้มแข็งเพื่อต่อสู้มัน เอาจริงมันก็ถอย
เอาจริงเสียสละทุกสิ่งทุกประการ พินิจพิจารณาให้เห็น
ความเป็นจริงทุกสิ่งทุกประการ เอาจริงเอาจังก็ต้องได้
รับผล ไม่ได้มากก็ได้น้อย ได้แน่นอน ถ้าตั้งใจนะ..."

#ที่มา หนังสือ ปล่อยวาง หนทางแห่งความพ้นทุกข์
#โอวาทธรรม หลวงปู้คำพอง ปัญญาวุโธ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO