นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 8:46 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทำจิตให้สงบ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 31 ก.ค. 2023 6:38 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
ประโยชน์​ของการขอโทษ

เมื่อใดที่เราทำความผิดพลาด หรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเราควรรู้จักขอโทษ การขอโทษไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอ แต่เป็นการแสดงถึงความกล้าของเรา กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อใดก็ตามที่เราขอโทษ นอกจากจะเป็นการเยียวยาจิตใจของผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้ว ยังทำให้เราไม่มีสิ่งค้างคาใจ ที่จะทำให้เรารู้สึกผิดหรือเป็นทุกข์

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล






"..ธรรมนั้นอยู่ฟากตาย ถ้าใครกลัวตายเสียดายทุกข์ ชอบถือเอาความสนุกในการเกิดว่าเลิศเลอ ผู้นั้นต้องจัดว่าลืมตัวมัวประมาทและชอบผัดเพี้ยนเลื่อนเวลาว่า เช้า สาย บ่าย เย็น ไม่อยากบำเพ็ญความดีสำหรับตนในเวลาที่เป็นฐานะพอทำได้อยู่ ความประมาททั้งนี้ยังจะพาให้หลั่งน้ำตาด้วยความทุกข์ในสงสาร ไม่อาจประมาณได้ว่ายังอีกนานเท่าไร จึงจะผ่านพ้นแหล่งกันดารอันเป็นที่ทรมานไปได้ จึงขอฝากปัญหาธรรมเหล่านี้ไว้กับท่านทั้งหลายนำไปขบคิดด้วยว่า เราจะเป็นฝ่ายคืบหน้ากล้าตายด้วยความเพียรหมายพึ่งธรรม ไม่เหลียวหลังไปดูทุกข์ที่เคยเป็นภาระให้แบกหาม ด้วยความเจ็บแสบและปวดร้าวในหัวใจมาเป็นเวลานาน หรือยังจะเป็นฝ่ายเสียดายความตายแล้วกลับมาเกิดอีก อันเป็นตัวมหันตทุกข์ที่แสนทรมานอีกต่อไป รีบพากันนำไปพิจารณา อย่ามัวเมาเฝ้าทุกข์และหายใจทิ้งเปล่า ๆ ดังที่เป็นมาและเป็นอยู่เวลานี้ จะช้าทางและเสียใจไปนาน เพราะโรงดัดสันดานกิเลส ตัวพาให้ว่ายบกอกแตกแบกกองทุกข์ไม่มีเวลาปลงวางนั้น มิได้มีอยู่ในที่อื่นใดและโลกไหน ๆ แต่มีอยู่กับผู้ตั้งหน้าบำเพ็ญด้วยการใช้หัวคิดปัญญาศรัทธาความเพียร เป็นเครื่องมือบุกเบิกเพื่อพ้นไปนี้เท่านั้น ไม่หยุดหย่อนนอนใจว่ากาลเวลายังอีกนาน สังขารยังไม่ตายร่างกายยังไม่แก่ ซึ่งเป็นความคิดที่ทำให้แย่ลงโดยถ่ายเดียว ผู้เป็นนักบวชและนักปฏิบัติจึงไม่ควรคิดอย่างยิ่ง.."

พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร (พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒) จากหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






"..การทำความเพียรของผู้ตั้งใจจะข้ามโลก ไม่ขอเกิดมาแบกหามกองทุกข์นานาชนิดอีกต่อไป ต้องเป็นความเพียรชนิดเอาตายเข้าแลกกัน เฉพาะผมเองก่อนที่จะมาเป็นอาจารย์สอนหมู่คณะ มิได้นึกว่าชีวิตจะยังเหลือเดนมาเลย เพราะความมุ่งมั่นต่อธรรมแดนหลุดพ้นมีระดับสูงเหนือชีวิตที่ครองตัวอยู่ การทำความเพียรทุกประโยคและทุกอิริยาบถได้ตั้งเข็มทิศไว้เหนือชีวิตทุกระยะ ไม่ยอมให้ความอาลัยเสียดายในชีวิตเข้ามากีดขวางในวงความเพียรเลย นอกจากความบีบบังคับของจิตที่เต็มไปด้วยความหวังต่อทางหลุดพ้นเท่านั้น เป็นผู้บงการแต่ผู้เดียวว่า ถ้าขันธ์ทนไม่ไหวจะแตกตายไปก็ขอให้แตกไป เราเคยตายมาแล้วจนเบื่อระอา ถ้าไม่ตายขอให้รู้ธรรมที่พระองค์รู้เห็น อย่างอื่นไม่ปรารถนาอยากรู้อยากเห็น เพราะเบื่อต่อการรู้เห็นมาเต็มประดาแล้ว บัดนี้เราอยากรู้เพียงอย่างเดียวคือสิ่งที่เรารู้แล้วไม่ต้องกลับมาลุ่มหลงเกิดตายอีกต่อไป สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ปรารถนาอย่างยิ่งของเราในบัดนี้.."

พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร จากหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







"..ชีวิตที่จะมีความสุขอันแท้จริงในโลกมันไม่มี แต่เราเข้าใจว่ามี ถ้ามองให้ลึกซึ้งอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสแล้ว ไม่มีเลยความสุขในโลก ความสุขอันนั้นเป็นความสุขอันเจือไปด้วยความเร่าร้อนกระสับกระส่าย อย่างมีเงินมากๆ ก็กลัวเขาจะจี้ปล้น กลัวเขาจะมาแย่งมาชิงไปเรียกค่าไถ่ สารพัดสารเพ ต้องเป็นทุกข์กังวลรักษา ฝากที่นั่นที่นี่ก็ไม่ดี พกไปมากก็ไม่ดี กลัวจะถูกจี้ จะถูกปล้น จะถูกฆ่าตาย...นี่...สารพัด สารเพ กลัวคนอื่นจะแย่ง คนนี้จะแย่ง พี่น้องอย่างนั้นอย่างนี้ สารพัดใจนั้น คิด ไปทุกแง่ทุกมุม นั่น...ใจอย่างนั้น ใจมันก็กังวล ใจเดือดร้อนวุ่นวายอย่างนั้น ไม่ใช่ใจที่สงบ.."

โอวาทธรรม
พระครูสุทธิธรรมรังษี (หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท) วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี (พ.ศ. ๒๔๕๙ - ๒๕๔๗)






. #การทำจิตให้สงบ..!!

"... คือการวางให้พอดี ตั้งใจเกินไปมาก
... มันก็เลยไป ปล่อยเกินไปมาก มันก็ไม่ถึง
... เพราะขาดความพอดี ..."
———————————
#หลวงพ่อชา_สุภัทโท
วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี






"..คนไม่ฉลาดย่อมทำกรรมเป็นการทุจริต ด้วยกาย วาจา จิต เป็นอกุศลธรรม คือ อกุศล อันเป็นที่มาจากจิตที่ประกอบกับกิเลส มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นมูลชวนให้ทำบาป อปุญญาภิสังขารเป็นปัจจัย อาศัยมาจากอวิชชา เป็นนายช่างผู้ปรุง ชวนจิตของคนผู้ไม่ฉลาดให้ทำกรรมที่เป็นบาปอกุศลให้ผลเป็นโทษ ได้รับความเสวยทุกข์ทรมานกายและจิตใจ อาศัยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์จึงได้ทรงชี้แจง
แสดงพร่ำสั่งสอนชาวเราผู้ยังโง่ ยังไม่ฉลาดทั้งหลายเหล่านี้ว่า ".สัพพปาปัสสะอะกรณัง เอตังพุทธานะสาสะนัง." อย่าทำกรรมอันเป็นบาปน้อยใหญ่ด้วยทั้งกาย วาจา ใจทั้งปวง นี่เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่เราเรียกว่าพระศาสดาดังนี้.."

ภูริทตฺตวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO