นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 07 พ.ค. 2024 5:19 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: สงบ สะอาด
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 11 ก.ค. 2023 11:44 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4551
"ทำดีให้ถูกคน ถ้าทำดีกับคนไม่ดี ก็เหมือนเอาน้ำดีไปเทใส่น้ำทะเล"

คติธรรม
หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป





นักปฏิบัติถ้ามียินดียินร้าย
ก็แยกออกซะ ไม่สนใจ
สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ อาการนิ่ง
สงบ สะอาด บริสุทธิ์
ต่อไปก็นั่งสมาธิต่อไปเรื่อยๆ
ถ้ามันจะปรุงแต่งก็ไม่ต้องไปสนใจ
โลกภายนอกก็ไม่ต้องไปสนใจ
สนใจแต่ตนเองขณะนี้
ปัจจุบันนี้ เป็นทางหลุดพ้น

พระอาจารย์สิริปันโน
สำนักสงฆ์เต่าดำ ทุ่งใหญ่นเรศวร






โดยปกติแล้ว วิธีฝึกเมตตาภาวนาเริ่มจากสิ่งที่ง่าย แล้วค่อยๆ ขยับไปยังสิ่งที่ยากและท้าทายมากขึ้น เช่น ผู้ปฏิบัติอาจเริ่มด้วยการแผ่เมตตาให้ตนเองก่อน ตามด้วยบุคคลผู้ที่เป็นที่รักและเคารพ จากนั้นแผ่ไปยังบุคคลที่เรารู้สึกเป็นกลางๆ ต่อเมื่อฝึกเมตตาด้วยวิธีนี้จนจิตเข้มแข็งแล้วเท่านั้น เราจึงจะหันไปแผ่เมตตาให้คนที่เราโกรธแค้นได้

ครูสอนสมาธิภาวนาในฝั่งตะวันตกมักให้ความเห็นว่า ในวัฒนธรรมพุทธ เราอาจจะเห็นว่าการแผ่เมตตาให้ตัวเองเป็นจุดตั้งต้นของเมตตาได้อย่างชัดเจน แต่สำหรับลูกศิษย์ชาวตะวันตกแล้วมักไม่เป็นเช่นนั้น ผู้ปฏิบัติหลายคนเอ่ยถึงอารมณ์เกลียดตนเองและความรู้สึกว่าตนเองไร้ค่าซึ่งบั่นทอนจิตใจให้หมดเรี่ยวแรง ในกรณีเช่นนี้ ทางเลือกที่น่าจะดีคือเริ่มด้วยการแผ่เมตตาให้แมวหรือลูกหมาตัวเล็กๆ เสียก่อน

ยังมีวิธีแผ่เมตตาอีกวิธีหนึ่ง นั่นคือ ไม่ว่าคนเราจะมองตัวเองในแง่ลบเพียงใด คงมีน้อยคนที่จะเกลียดอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของตน ดังนั้น เราจึงเริ่มที่จุดนี้ “ขอให้ดวงตาของข้าพเจ้า จงอยู่ดีมีสุขเถิด! ขอให้พ้นจากการเป็นต้อกระจกและต้อหิน ขอให้พ้นจากการตาบอด ขอให้หูของข้าพเจ้า จงอยู่ดีมีสุขเถิด! ขอให้พ้นจากการเป็นหูหนวก ขอให้ฟันของข้าพเจ้า จงอยู่ดีมีสุขเถิด! ขอให้กระดูกสันหลังของข้าพเจ้า จงอยู่ดีมีสุขเถิด! ขอให้ปอดของข้าพเจ้า จงอยู่ดีมีสุขเถิด! ขอให้ไตของข้าพเจ้า จงอยู่ดีมีสุขเถิด!”

เราสามารถไล่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกส่วนของร่างกาย ให้ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องรีบ

กายกับจิตเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เมื่อเราแผ่เมตตาให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายแล้ว เมตตาย่อมไม่ได้จำกัดอยู่เพียงร่างกาย หากจะค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในความรู้สึกที่เรามีต่อภาพรวมของชีวิตและความรู้สึกว่าเราเป็นใคร เมตตาต่อตนเองจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นปกติและธรรมดา

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ศิษย์ทีมสื่อดิจิทัลฯ







"การเดินจงกรมนี่ไม่ใช่ของเล่นๆนะ ไม่ใช่ว่ามาเดินให้เมื่อยเฉยๆ การเดินจงกรมนี่ครูบาอาจารย์หลายรูปหลายองค์ท่านก็ยืนยันว่ามันมีอานิสงค์มาก แม้เทวดาก็ยังต้องลงมาขอส่วนบุญ เมื่อหลายปีก่อนหลวงพ่อได้มีโอกาสสอบถามกับหลวงปู่ผู้เฒ่าองค์หนึ่ง ปัจจุบันท่านละสังขารไปแล้ว ท่านชื่อหลวงปู่พิมพ์ ท่านเป็นคนบ้านไร่ใต้ พิบูลมังสาหารนี่แหละ มาเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดป่าหนองแคนพัฒนา อ.สว่างวีรวงค์ จ.อุบล ท่านบวชเมื่อแก่ คนแก่นี่ก็ทำงานอะไรไม่ไหว ท่านก็เลยเอาดีด้านเดินจงกรม เดินวันหนึ่ง 4-5 ชั่วโมง ไม่ว่าจะไปงานปฏิบัติธรรมที่ไหนท่านจะพาเดินจงกรมตลอด อยู่มาวันหนึ่ง ก็ปกติของท่านเวลาฉันภัตตาหารเสร็จประมาณ 9 โมงเช้า ท่านก็จะเดินจงกรมต่อถึงเที่ยง ท่านก็เดินไปๆ เงยหน้ามองดูนาฬิกาก็เที่ยงแล้ว ตามคนเฒ่าคนแก่นี่ก็จะไปนั่งพักขาก่อน บ้านเราเรียก นั่งเซาเมื่อย ท่านก็นั่งหลับตาไปเรื่อย พอลืมตาขึ้น เห็นผู้หญิงแต่ชุดไทยเดินถือพานดอกดาวเรื่องมา 4 คน หน้าตาสะสวย ไม่เหมือนคนแถวนี้ ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาด้วย มาถึงก็มากราบ กราบสวยมากท่านว่า ท่านเลยถามไปว่า “พากันมาทำอะไร?” เขาก็ว่า “มาขอบุญกับหลวงปู่” ท่านว่าท่านจะไปมีบุญอะไรให้ เขาก็ว่า “บุญหลวงปู่เดินจงกรมนี่แหละ” ท่านก็เลยรับพานแล้วก็ให้พรเขาไป ก็มองเขาเดินออกจากวัดไปจนสุดลูกหูลูกตา นี่เห็นไหม อานิสงค์การเดินจงกรมมันมากมายขนาดไหน เหล่าเทวดาเขาทำไม่ได้ พอมาเห็นแบบนี้ก็อดไม่รนทนไม่ไหวรีบมาขอส่วนบุญอันนี้ แต่มนุษย์พวกเราทั้งหลายนี่สิ มีโอกาสให้ทำ ก็ไม่ทำ มันติดตรงขี้เกียจ มันก็เลยไม่ได้บุญอย่างเขา"

หลวงพ่อสมหมาย ปิยธัมโม
วัดป่าอุดมวนาสันต์ อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี








ครั้งหนึ่งหลวงพ่อชาอุปมาว่า “มะม่วงมันอยู่สูงหัวเราอยากได้ เอาไม้สิบเมตรมาสอยไม่ได้มันยาวเกินไป เอาไม้สองเมตรมาสอยมันก็ไม่ได้ ไม่พอดี มันสั้นเกินไป เราอย่าเข้าใจว่า คนจบดอกเตอร์มาปฏิบัติสบายเหลือเกิน เพราะเรียนรู้มาพอแล้ว อย่าเข้าใจอย่างนั้น ดอกเตอร์มันยาวเกินไปก็ได้”

อีกโอกาสหนึ่งท่านสอนว่า ศาสตร์ทุกศาสตร์ต้องมารวมกันที่พุทธศาสตร์มันจึงจะดี การเรียนทางโลก โดยละเลยการศึกษาและปฏิบัติหลักธรรม อาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะความฉลาดมักจะอยู่ใต้อำนาจของสิ่งเศร้าหมองโดยไม่รู้ตัว ท่านเคยสอนว่าผู้จบดอกเตอร์มักจะไม่รู้เลยว่ากิเลสเขาก็จบดอกเตอร์เหมือนกัน ผู้เรียนสูงแต่ไม่รู้จักรักษาศีลธรรมเปรียบเสมือนนกอีแร้งที่บินสูงๆ แต่เมื่อหิวก็ลงมากินของโสโครก

พระอาจารย์ชยสาโร






" ขี่ถี่ เป็นมาร ขี้คร้าน เป็นผี ใจดี ลูกพระพุทธ
ใจบริสุทธิ์ ลูกพระธรรม อย่างนำ เป็นพระสงฆ์ เนาะ "

พระหลวงปู่จื่อ พันธมุตโต





"ว่าลมแรง ยังไม่แรงเท่าลมปาก
เขาว่าอย่างนั้น…
ลมแรงนั้น นานๆ จึงจะพัดมาทีหนึ่ง
แต่ลมปากมนุษย์ มันพัดอยู่ทุกวันเวลา
ถ้าใครไม่ภาวนา ก็เป็นทุกข์เป็นร้อน"

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร






"มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ
แต่ไม่ใช่ว่า… พอเกิดแล้วปั๊บ
เราประเสริฐทันที เราจะประเสริฐได้
ก็ด้วยการฝึก"

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ





"เมื่ออะไรเกิดขึ้นในชีวิต
อย่าคิดว่า.. เป็นเรื่องคนอื่นทำให้
อย่าคิดว่า.. เป็นโชคชะตาราศี
อย่าคิดว่า.. ดวงดี ดวงไม่ดี
อย่าคิดว่า.. อะไรๆ มาทำให้เป็น
แต่จงคิดให้ถูกต้องว่า..
ฉันเองแหละ.. เป็นผู้ทำสิ่งนั้น"

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO