นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 07 พ.ค. 2024 2:04 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความพอใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 10 ก.ค. 2023 4:41 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4551
"..เฮา บ่มีมนต์บ่มีคาถาหยังนำเขาดอก ท่านพ่อลี บอกให้เฮาเอาแต่ “พุทโธ” อย่างเดียว เข้าป่าขึ้นเขาลงห้วยสมัยก่อนกะมีแต่...พุทโธ”

หลวงปู่สุพรรณ กนโก​
#พระญาณวิเศษ
วัดซำตาโตง​
ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ







"เราอยู่เป็นพระ เรากินเลือดเนื้อหยาดเหงื่อแรงงานของชาวบ้านที่เขาทำมาหากินด้วยความลำบากยากแค้น ขณะเดียวกัน ถ้าภิกษุเป็นผู้ทุศีล ภิกษุรูปนั้นจะต้องตกนรกโดยแน่แท้ พวกท่านจงระวังให้ดี อย่างหลงระเริงจนเสียท่า ให้หันมาระวังตนเอง แต่ไม่ต้องตกใจ ถ้าเรามีศีลครบถ้วนแล้ว เราก็มีคุณค่าพอชดใช้ค่าของหยาดเหงื่อแรงงานเลือดเนื้อนั้นเช่นกัน"

หลวงปู่เนตร จิรปุญโญ (อายุ ๙๘ ปี)
#พระราชมงคลวชิรเจดีย์
วัดมหาธาตุแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่






พระพุทธรูปนี้ก็คือตัวแทนของพระพุทธเจ้า จัดอยู่ในอุเทสิกเจดีย์ จริงอยู่ที่พระพุทธรูปสร้างมาจากอิฐหินดินปูนทองเหลือง แต่เราก็เอามาสมมุติเป็นพระพุทธเจ้า เรากราบเพื่อรำลึกถึงคุณท่าน ก็เหมือนกับพระสงฆ์พวกเราทั้งหลายนี่แหละ ก็มาจากลูกชาวบ้าน มาสมมุติเป็นพระภิกษุสงฆ์ ให้พวกเรากราบไหว้กัน อันนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น ฉะนั้นพระพุทธรูปนี้ เป็นตัวแทนให้เราระลึกถึงคุณงามความดี ของท่าน เหมือนหลายปีก่อนได้ยินข่าว มีพระที่เพชรบูรณ์ไปตบพระพุทธรูป อย่าไปกราบมันมันคือทองเหลืองคืออะไรหลายๆอย่างเขาก็ว่าไป มันก็จริงอยู่ แต่เราเอาอันนี้มาเป็นเครื่องระลึก ที่เราเคารพนบไหว้ เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า เหมือนกับหลวงปู่มั่นท่านเคารพมาก พระจะไปเอาผ้าเช็ดพื้นเช็ดศาลามาเช็ดเนี่ย หลวงปู่มั่นท่านไม่ยอมนะ ท่านให้ไปเอาผ้าที่มันสูงสูง ผ้าเช็ดตัวเช็ดอะไรท่านน่ะให้มาเช็ด ฉะนั้นพวกเราทั้งหลายลูกหลาน ขอให้รู้จักเคารพนบน้อม ถ้าเป็นผู้อ่อนน้อมย่อมเป็นที่รักในหมู่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

เถรวาจา พระครูอุดมวนานุรักษ์ (หลวงพ่อสมหมาย ปิยธัมโม) วัดป่าอุดมสนาสันต์ (สาขาวัดหนองป่าพงที่ 31) อำเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี







“เฝ้าสังเกตดูความขัดแย้ง
ที่เกิดขึ้นภายในใจ
เมื่อไหร่ก็ตาม
ที่เรายังมีความเห็นอยู่
ความขัดแย้งก็ยังมีอยู่ในใจ
ท่านเรียก"ตัวตน"

เมื่อไหร่ที่เรายังมีตัวตนอยู่
มันยังมีความเห็น
ยังมีความขัดแย้งอยู่
ให้เรามาเฝ้าสังเกต
ความขัดแย้งที่ซ่อนอยู่
ในใจของตน
และให้วางทิฏฐิ
วางความเห็นนั้นลง

เมื่อไหร่ที่เราไปประสบ
กับสิ่งที่เราไม่ชอบใจ
เรียนรู้ในการยอมรับ
โดยที่เรา..
ไม่ต้องไปตัดสินอะไร

เรียนรู้ในการทำลาย
ความเห็นของเรา
เรียนรู้เฝ้าดูความเห็น
ตั้งมั่นอยู่ เรียนรู้

ได้ยินได้ฟัง
เฝ้าสัมผัสสัมพันธ์กัน
เฝ้าสังเกตดูใจ
ความพอใจและความไม่พอใจของเรา
เฝ้าสังเกตดู

เรียนรู้ ยอมรับ ไม่ตัดสิน

เรียนรู้คือ...การเปิดใจในการศึกษาในสิ่งที่เราจะต้องเผชิญ

ยอมรับคือ.. การไม่ปฏิเสธ คือความยืดหยุ่นด้วยความเป็นกลาง ยอมรับกับสิ่งที่เราจะต้องเผชิญ

ไม่ตัดสินคือ...การทำลายความเห็นของงเราลงไป ไม่มีความเห็น ยอมรับ

แสดงธรรมเช้าวันที่ ๙ กรกฏาคม ๒๕๖๖
#พระอาจารย์ตะวัน_ปัญญาวัฒฑโก
สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง จ. ลำปาง









"เมื่อไหร่ก็ตามที่ใจของเรามันเป็นกลาง
เราจะสามารถเรียนรู้
ได้ทั้งในสิ่งที่ชอบใจ
และในสิ่งที่ไม่ชอบใจ
โดยเฉพาะสิ่งที่เราชอบใจ
มันจะปิดบังบางสิ่งบางอย่างกับเรา
และสิ่งที่เราไม่ชอบใจ
มันกำลังสอนอะไรบางอย่างแก่เรา
ท่านเรียกว่าความจริงของโลก

ความชอบใจมันทำให้เราเพลิน
และหลงติดอยู่
แต่ความไม่ชอบใจนั้นน่ะ
จะทำให้เรารู้สึกตัวขึ้น
ท่านก็เลยสอนเรื่องทุกข์
สอนเรื่องความขัดแย้ง
สอนเรื่องความไม่ชอบใจ
เพราะทำให้คนรู้สึกตัว

เราไม่ชอบใจนั่นแหละ
มันกำลังสอนอะไรบางสิ่งบางอย่าง
ที่มันอยู่เบื้องหลังอยู่

โดยพื้นฐานของความรู้ของใจ
ที่ยังไม่มีความตั้งมั่น
เราจะยังคงแยกไม่ออกเลยว่า
อะไรเป็นกายอะไรเป็นใจ เราจะไม่รู้

แต่พอเราฝึกการเจริญสติ
โดยลมหายใจ
ใช้ลมหายใจเข้ายาว
ลมหายใจออกยาว
เรียนรู้อยู่

เราจะสังเกตเห็นเสียงภายนอก
เราจะสังเกตเห็นใจที่ตั้งมั่นอยู่กับตนเอง
เราจะเห็นความจริงของสิ่งที่อยู่ข้างนอก

ว่าเราไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย
เราไม่สามารถเลือกได้เลยว่า
เราจะประสบกับรูปที่พึงพอใจ
หรือรูปที่ไม่พึงพอใจ
มันเลือกไม่ได้
ความจริงมันเป็นอย่างงั้น

แต่ตัวที่ตัดสินว่าชอบและไม่ชอบ
ไอ้ตัวนี้แหละอยู่เบื้องหลัง
ของการบังคับบัญชาการเรา

ทำไมตัวนี้มันถึงมีอำนาจ
ให้เราเลือกสิ่งนี้ ให้เราเลือกรูปนี้
ให้เราเลือกเสียงนี้

แต่เมื่อเรา...
"โฟกัสเข้ามาสู่ใจตน"
คนที่เห็นความตั้งมั่น
เด่นอยู่ภายใน
ผู้นั้นจะเป็นผู้รู้จัก "เรือนของใจ"

ท่านเหล่านั้นจะสามารถ
แยกแยะออกได้ด้วยตนเอง
รูปคือสิ่งที่อยู่ภายนอก
เครื่องรับรูปเรียกว่าตา
หรือหูเครื่องรับเสียง
เครื่องรับกลิ่นคือจมูก
เครื่องรับสัมผัสโผฏฐัพพะ
คือกายร่างกายนี้

ในโลกนี้มันเป็นของล่อลวงอยู่
ระหว่างบวกกับลบ
ระหว่างบุญกับบาป
ถ้าเราไม่มีกำลังสติปัญญามากพอ
ให้รู้เท่าทันทั้ง 2 ฝั่ง
เราจะหลงไปติดอยู่กับฝั่งใดฝั่งหนึ่ง

การเรียนรู้ให้เห็นธรรมทั้ง 2 ฝั่งนั้น
คือการวางใจไว้กลางๆ
ถึงเราไม่ชอบก็ตาม
แต่เราก็อย่าพึ่งคัดค้าน
ถ้าเราชอบ ถ้าเราเพลิน
ถ้าเราหลงเข้าไปติดอยู่
นั่นเป็นกับดัก

บางทีท่านเรียกว่าการถูกอสรพิษร้ายฉกกัด
ทำให้ตาบอดหูหนวก เราจะไม่รู้

แต่ความเห็นความเพลินน่ะมันเห็นได้ยาก
ท่านก็เลยชี้เรื่องทุกข์
เรื่องความขัดแย้งของใจให้เราเห็น

ในโลกนี้มันมีธรรมอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง
มีมืดมีสว่าง มีดีมีชั่ว
มีชอบใจมีไม่ชอบใจ

การฝึกใจที่ตั้งมั่นเป็นกลาง
ท่านเรียกว่าเป็นสมาธินั่นเอง
ใจที่ปราศจากอคติ
เปิดใจศึกษาเรียนรู้
กับความจริงในสิ่งที่ตนจะต้องเผชิญ
เปิดใจไว้กลางๆ เรียนรู้ในธรรมทั้ง 2 ฝั่ง

บางทีเราอาจจะเห็นความจริง
ของสิ่งที่ทำให้เราทุกข์
คือความหลงเข้าไปติดอยู่
ในสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้นั่นเอง

เมื่อเรารู้จักความจริงนั้นแล้ว
ใจมันจะคลี่คลายความยึดมั่นถือมั่น
มันจะเรียนรู้ในการยอมรับ
แบบที่เราไม่ตัดสิน
ตามความเห็นของตน
เราจะทำลายความเห็นของตนออกได้"

แสดงธรรมเช้าวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖
................................
#พระอาจารย์ตะวัน_ปัญญาวัฒฑโก
สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง จ.ลำปาง






"ทำคุณงามความดี
มันอบอุ่นใจไม่ใช่เล่นๆ นะ
อยู่ในใจนี่ ใครไม่เห็นก็ตาม
ก็เราทำเอง บุญก็อยู่กับเรา
ประกาศจ้าในหัวใจเรานี่
ไปไหนก็เย็นสบาย"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO